ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 701

กู้โม่หานถูไถฝ่ามือโดยมิรู้ตัว  ขมวดคิ้วแนบแน่นมากยิ่งขึ้นและยังมิได้พูดจาใดๆ  หางตาเหลือบมองไปทางประตูเข้าตำหนักหย่างซิน  แล้วเห็นไท่เฟยกำลังก้าวเดินมาช้าๆ

เขาเม้มปากเผยรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อยวูบหนึ่งกล่าวว่า  “เสด็จแม่……”

คำพูดยังมิทันจบลง  หลิวซ่างซูและคนอื่นๆ ที่อยู่ทางด้านหลังไท่เฟย (ซ่างซู เป็นชื่อตำแหน่งขุนนางฝ่ายบุ๋นระดับสูง รับผิดชอบเรื่องเอกสารหนังสือราชการในยุคโบราณสมัยศักดินาของจีน) ต่างล้วนทยอยกันเข้ามาในห้องโถงใหญ่  แล้วยืนเป็นสองแถวด้วยความเคารพนอบน้อมอย่างยิ่ง  พากันแสดงการคารวะต่อกู้โม่หาน

“พวกข้าขอร่วมด้วยกับองค์ฮ่องเต้”

พลันสีหน้าแววตากู้โม่หานซึ่งเดิมยังประดับเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม  ก็แปรเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำมืดทะมึนไปทันใดถามขึ้นว่า  “พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

ไท่เฟยมองดูหยุนอี่ว์โหรวคราหนึ่งอย่างเงียบขรึม  แต่กลับมองไปทางกู้โม่หานด้วยความวิตกกังวลอยู่บ้างเล็กน้อยกล่าวว่า  “ฮ่องเต้  หลิวซ่างซูพวกเขาเหล่านั้น  มีคำพูดที่ต้องการปรึกษาหารือกับพระองค์  กลับมิมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท  จึงได้ขอร้องข้าให้นำพวกเขารุดมาแล้ว”

ดูจากปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ของกู้โม่หานแล้ว  ปรากฏว่าเรื่องนี้หนักหนาสาหัสกว่าที่นางจินตนาการคาดคิดไว้มากมายนัก

หลิวซ่างซูและคนอื่นๆ อาศัยที่ไท่เฟยก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย  มิให้กู้โม่หานได้มีโอกาสขับไล่พวกเขาออกไปแต่อย่างไร  ต่างล้วนพากันคุกเข่าลงกับพื้นเป็นแถวจนหน้าสลอน  “พวกกระหม่อมหวาดหวั่นพรั่นใจนัก!  ขอฮ่องเต้ทรงโปรดเมตตาลดโทษทัณฑ์ความผิดให้ด้วยพะย่ะค่ะ!”

ดวงตาคมกริบเย็นเยียบของกู้โม่หานตวัดมองกวาดผ่านบรรดาข้าราชบริพาร  สุดท้ายสายตาหยุดจับจ้องบนร่างหลิวซ่างซู  พูดขึ้นน้ำเสียงเย็นเฉียบกอปรด้วยเดชอำนาจบารมีที่มิสามารถต่อต้านขัดขืน

“หลิวอ้ายชิงท่านรุดมาโดยมิได้รับเชิญ  ข้าเห็นเจ้ากลับหามีลักษณะหวาดหวั่นพรั่นใจแม้แต่น้อยนิดไม่!” (อ้ายชิง เป็นคำที่ฮ่องเต้ทรงใช้เรียกข้าราชบริพารคนสนิทสมัยโบราณ)

เขาขมวดคิ้วหน้าเขียวคล้ำจนเคร่งเครียดหนักอึ้ง  ชั่วพริบตาเดียวเดชอำนาจบารมีระลอกนั้น  ทำให้ความอบอุ่นของตำหนักหย่างซินก็ยังลดต่ำลงหลายส่วนแล้ว

ในใจหยุนเหิงเต้นโครมครามคราหนึ่ง  แต่เขากลับมิกล้าเงยหน้าขึ้นมองดูอารมณ์การแสดงออกของกู้โม่หาน

หลิวซ่างซูหนักยิ่งกว่าถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นเยียบตลอดทั้งตัว  และสองมือก็ยังมิสามารถควบคุมอยู่บ้างเล็กน้อยแล้ว

แต่เขาก็ยังคงกัดฟันพูดขึ้นอย่างกล้าหาญว่า  “กราบเรียนฮ่องเต้!  คำพูดสัตย์ซื่อจริงใจมักขัดหู  มีคำพูดบางอย่าง  กระหม่อมจำเป็นจะต้องกราบบังคมทูลพะย่ะค่ะ!”

“ภริยาของข้าราชบริพารมิสมควรรั้งอยู่ภายในวัง!  ขอกราบเรียนฮ่องเต้ทรงโปรดให้ไป๋จื่อผู้นั้นออกจากวังไปเถอะ!  เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้นางก่อเรื่องสร้างปัญหา ณ ตำหนักในพะย่ะค่ะ!”

หยุนอี่ว์โหรวจ้องมองดูหลิวซ่างซูและคนอื่นๆ  ทันใดนั้นมุมปากแอบลอบยิ้มยกขึ้นอย่างเย้ยหยัน

นางล่าถอยไปอยู่ด้านข้างอย่างทราบสถานการณ์  กลับหาได้มีเจตนาจากไปแต่อย่างไรไม่  แต่ชะเง้อศีรษะขึ้นเล็กน้อย  รอคอยชมการแสดงของเรื่องสนุกสนาน

บัดนี้เรื่องราวได้ก่อกวนจนบานปลายใหญ่โตมากถึงเพียงนี้  ชื่อเสียงกิตติศัพท์ของไป๋จื่อผู้นั้น  เกรงว่าจะต้องถูกทำลายพินาศลงในไม่ช้าแล้ว  เป็นเพียงแค่เป็นตัวแทนผู้หนึ่งเท่านั้น  ก็ยังหาญกล้าอาละวาดต่อหน้านาง  คือหารนหาที่ตายดีๆ นี่เอง

เสิ่นอี่ว์หลุบคิ้วลงต่ำขบคิดอย่างหนักอึ้งลึกซึ้ง  เม้มปากแล้วมองดูกู้โม่หานคราหนึ่ง

ดวงตาเย็นชาทะมึนของกู้โม่หานกำลังแผ่รังสีสังหารหนาวเหน็บเย็นเฉียบ  สายตาคมกริบดุจใบมีดของเขาจ้องมองดูหลิวซ่างซู  “ข้าพูดแล้วว่า  พวกเจ้าล้วนมิได้รับอนุญาตให้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวในวังหลังของข้า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้