ได้ยินคำพูดแล้ว ในใจของทั้งเฟิงยางและหนานหว่านเยียนต่างล้วนกระตุกวูบ
หยุนเหิงมิได้เอ่ยปากพูดอีก หยุนอี่ว์โหรวกัดริมฝีปาก สีหน้าของหึงหวงนั้นมากเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูดออกมาได้
หลิวซ่างซูกลับขยับๆ ริมฝีปากแล้วพูดว่า “ทว่าองค์ฮ่องเต้……”
“สิ่งที่ข้าพูดเมื่อครู่นี้ หลิวซ่างซูยังฟังมิเข้าใจอีกหรือ?” สายตาเย็นชาของกู้โม่หานตวัดมองไปทางหลิวซ่างซูอย่างดุดัน รังสีสังหารน่าสะพรึงกลัวบริเวณรอบตัวคล้ายดั่งต้องการกลืนกินเขาลงไปจนหมดสิ้น “หากให้ข้าทราบว่า ยังมีคนคอยก่อกวนเรื่องนี้ต่อไปอีกมิยอมเลิกราละก็ จะลงโทษสถานหนักทุกกรณีไร้ข้อยกเว้น!”
“หน้าที่ของขุนนางคือจัดการเรื่องราวความทุกข์สุขของประชาชน มิใช่คอยจ้องวังหลังตำหนักในของข้าเขม็งตลอดทั้งวัน ยิ่งมิใช่การใส่ใจในบางสิ่งบางอย่างที่พวกเจ้ามิสมควรไปสนใจ”
“เจียงไท่ฟู่ก็เพราะอาศัยตำแหน่งหน้าที่ขุนนางของตน มิต้องพูดถึงการรับสินบนและการทุจริต ยังใช้ชีวิตผ่านไปวันๆ โดยไม่ทำงานทำการนอกจากสำมะเลเทเมาเอาแต่ร่ำดื่มสุราเคล้านารี ข้าได้ตัดสินความลงโทษเขาสถานหนักแล้ว มีตัวอย่างก่อนหน้าเช่นนี้แล้ว ทุกท่านจะต้องใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องเตือนใจ ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองให้ดีด้วย!”
คำพูดเฉียบคมเด็ดขาดของกู้โม่หานสะกิดใจผู้คนโดยตรง ขุนนางเจ้าหน้าที่เหล่านั้นซึ่งยังคิดสอดคล้องตอบรับเห็นด้วยกับหลิวซ่างซูเมื่อครู่นี้ ต่างก้มหน้าลงมิกล้าส่งเสียงไปแล้วทันที
ผู้ใดมิทราบว่า หากตอนนี้ยังโต้แย้งคัดค้านกับกู้โม่หานอีกละก็ นั่นก็คือกระโดดลงไปในหลุมเปลวเพลิงรนหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวนั่นเอง!
หลิวซ่างซูก็เงียบเสียงปิดปากลงอย่างรู้สถานการณ์เช่นกัน ทุกคนแสดงการคารวะต่อกู้โม่หานด้วยความเคารพกล่าวว่า “พะย่ะค่ะ! พวกกระหม่อมน้อมรับคำสั่ง”
สีหน้าแววตาของกู้โม่หานสดใสกระจ่างน่าครั่นคร้าม ขยับริมฝีปากบางพูดขึ้นว่า “ถอยออกไปเถอะ”
“พวกกระหม่อมขอทูลลา” ทุกคนมิกล้าโต้แย้งคัดค้าน แสดงความคารวะต่อไท่เฟยและคนอื่นๆ แล้วก็ทยอยกันล่าถอยออกมา
หยุนเหิงมองดูหนานหว่านเยียนอย่างลึกซึ้งแล้วคราหนึ่ง ก็ติดตามจากไปแล้วเช่นกัน
หลิวซ่างซูก็กวาดสายตามองหนานหว่านเยียนคราหนึ่งแล้วเช่นกัน ขมวดคิ้วแนบแน่นสีหน้าบึ้งตึง สะบัดแขนเสื้อด้วยความมิพอใจอย่างยิ่งก้าวเท้าจากไป
พิธีแต่งตั้งตำแหน่งฮองเฮาของหนานหว่านเยียนในตอนแรกนั้นถือว่ามิสมบูรณ์นัก ตลอดจนนางยังออกจากวังกลายเป็นคู่หมั้นหมายของผู้อื่นถึงสองเดือนเต็ม ชื่อของฮองเฮาไม่เหมาะสมสอดคล้องกับศักดิ์ฐานะตามเหตุผล ตอนนี้ยังก่อเรื่องจนกลายเป็นความยุ่งเหยิงถึงเพียงนี้ขึ้นมา มิสามารถถือว่าเป็นคนประเสริฐเคียงข้างฮ่องเต้ได้จริงๆ
เขานึกถึงพฤติการณ์ทุกอย่างของหยุนอี่ว์โหรวในช่วงหลายวันนี้ขึ้นมาอีก เขาถึงกับรู้สึกว่าหนานหว่านเยียนนั้น ยังมิอาจสู้หยุนอี่ว์โหรวที่ศักดิ์ฐานะต่ำต้อยผู้หนึ่งด้วยซ้ำ
อย่างน้อยหยุนอี่ว์โหรวก็ทราบสถานการณ์ใหญ่โดยรวม ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่เหมือนกับหนานหว่านเยียน ที่มีอิทธิพลส่งผลกระทบต่อฮ่องเต้มากเกินไปแล้ว
ฮ่องเต้องค์หนึ่ง หากถูกสตรีผูกมัดฉุดรั้งเอาไว้แล้วละก็ นั่นมิสามารถถือได้ว่าเป็นเรื่องประเสริฐอันใดเลยทีเดียว ส่วนใหญ่เป็นลางบอกเหตุสัญญาณบ่งชี้ถึงความหายนะของแว่นแคว้น……
สีหน้าแววตาของหลิวซ่างซูเย็นเยียบ คล้ายดั่งได้ตัดสินใจในบางสิ่งอย่างเด็ดขาดแล้วก็ปาน เดินกระแทกส้นเท้าหนักๆ ลงบันได มุ่งหน้าเดินออกจากวังไป
ทันทีที่ขุนนางเจ้าหน้าที่เหล่านี้จากไป ภายในตำหนักหย่างซินก็เหลือเพียงไม่กี่คนแล้ว
แม้ว่าหยุนอี่ว์โหรวจะบันดาลโทสะจนแทบแย่ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ยามนี้นางก็ได้เพียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกัดเพลิงโทสะเป็นชิ้นๆ แล้วกลืนเลือดลงท้องไปพร้อมกันอย่างเงียบๆ
ปี้หยุนประคองนางไว้ เดินมาถึงข้างกายของหนานหว่านเยียนและกู้โม่หาน หยุนอี่ว์โหรวแสดงการคารวะต่อหนานหว่านเยียนและกู้โม่หานด้วยความเคารพ ในรอยยิ้มไม่มีความเคียดแค้นโกรธเคืองและเย้ยหยันแม้แต่น้อยนิด
“ขอแสดงความยินดีต่อฮ่องเต้ ในที่สุดก็สามารถรับฮองเฮาเหนียงเหนียงกลับมาแล้ว”
“ฮองเฮาเหนียงเหนียง ท่านมิมีเรื่องราวใดก็ดีแล้ว ท่านมิทราบหรอกว่า ท่านไม่อยู่เป็นระยะเวลานานสองเดือนมานี้ ฮ่องเต้เพื่อท่านแล้วก็ยังผอมลงมากมายแล้ว บัดนี้ท่านสามารถกลับมาได้ ฮ่องเต้ก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่งเช่นกัน”
“ข้าก็ไม่รบกวนการอยู่ร่วมกันของฮ่องเต้และเหนียงเหนียงแล้ว ขอทูลลาไปก่อนเพคะ”
พูดจบ นางกุมท้องเอาไว้อย่างผ่าเผยสง่างามเดินออกไปแล้ว มีบุคลิกภาพอันดีงามอย่างยิ่งของสตรีจากตระกูลใหญ่ มีขุนนางเจ้าหน้าที่ไม่น้อยที่เพิ่งจะเดินถึงประตูตำหนัก เมื่อได้เห็นภาพลักษณ์เช่นนี้ของหยุนอี่ว์โหรวแล้ว ในใจอดที่จะเปรียบเทียบนางกับหนานหว่านเยียนขึ้นมาไม่ได้
สุดท้าย หลังจากที่คนเหล่านั้นทยอยพยักหน้าให้นางทีละคนแล้ว ก็รีบก้าวเท้าเร็วๆ ติดตามหลิวซ่างซูจากไปแล้ว
หยุนอี่ว์โหรวเห็นสถานการณ์ ในที่สุดบนใบหน้าซีดเซียวก็ปรากฏรอยยิ้มเหี้ยมโหดอำมหิตขึ้นมาวูบหนึ่ง
นางต้องการให้ผู้คนที่ได้ยินเสียงลมแล้วเข้าใจผิดว่าเป็นสายฝน ซึ่งชื่นชอบเชื่อข่าวลือเหล่านี้ได้ประจักษ์แก่สายตาว่า ยามนี้ระหว่างนางในตอนนี้กับหนานหว่านเยียน ใครเหมาะสมที่จะรั้งอยู่เคียงข้างกู้โม่หานมากกว่ากันแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...