ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 706

ได้ยินคำพูดแล้ว  ในใจของทั้งเฟิงยางและหนานหว่านเยียนต่างล้วนกระตุกวูบ

หยุนเหิงมิได้เอ่ยปากพูดอีก  หยุนอี่ว์โหรวกัดริมฝีปาก  สีหน้าของหึงหวงนั้นมากเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูดออกมาได้

หลิวซ่างซูกลับขยับๆ ริมฝีปากแล้วพูดว่า  “ทว่าองค์ฮ่องเต้……”

“สิ่งที่ข้าพูดเมื่อครู่นี้  หลิวซ่างซูยังฟังมิเข้าใจอีกหรือ?”  สายตาเย็นชาของกู้โม่หานตวัดมองไปทางหลิวซ่างซูอย่างดุดัน  รังสีสังหารน่าสะพรึงกลัวบริเวณรอบตัวคล้ายดั่งต้องการกลืนกินเขาลงไปจนหมดสิ้น  “หากให้ข้าทราบว่า  ยังมีคนคอยก่อกวนเรื่องนี้ต่อไปอีกมิยอมเลิกราละก็  จะลงโทษสถานหนักทุกกรณีไร้ข้อยกเว้น!”

“หน้าที่ของขุนนางคือจัดการเรื่องราวความทุกข์สุขของประชาชน  มิใช่คอยจ้องวังหลังตำหนักในของข้าเขม็งตลอดทั้งวัน  ยิ่งมิใช่การใส่ใจในบางสิ่งบางอย่างที่พวกเจ้ามิสมควรไปสนใจ”

“เจียงไท่ฟู่ก็เพราะอาศัยตำแหน่งหน้าที่ขุนนางของตน  มิต้องพูดถึงการรับสินบนและการทุจริต  ยังใช้ชีวิตผ่านไปวันๆ โดยไม่ทำงานทำการนอกจากสำมะเลเทเมาเอาแต่ร่ำดื่มสุราเคล้านารี  ข้าได้ตัดสินความลงโทษเขาสถานหนักแล้ว  มีตัวอย่างก่อนหน้าเช่นนี้แล้ว  ทุกท่านจะต้องใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องเตือนใจ  ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองให้ดีด้วย!”

คำพูดเฉียบคมเด็ดขาดของกู้โม่หานสะกิดใจผู้คนโดยตรง  ขุนนางเจ้าหน้าที่เหล่านั้นซึ่งยังคิดสอดคล้องตอบรับเห็นด้วยกับหลิวซ่างซูเมื่อครู่นี้  ต่างก้มหน้าลงมิกล้าส่งเสียงไปแล้วทันที

ผู้ใดมิทราบว่า  หากตอนนี้ยังโต้แย้งคัดค้านกับกู้โม่หานอีกละก็  นั่นก็คือกระโดดลงไปในหลุมเปลวเพลิงรนหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวนั่นเอง!

หลิวซ่างซูก็เงียบเสียงปิดปากลงอย่างรู้สถานการณ์เช่นกัน  ทุกคนแสดงการคารวะต่อกู้โม่หานด้วยความเคารพกล่าวว่า  “พะย่ะค่ะ!  พวกกระหม่อมน้อมรับคำสั่ง”

สีหน้าแววตาของกู้โม่หานสดใสกระจ่างน่าครั่นคร้าม  ขยับริมฝีปากบางพูดขึ้นว่า  “ถอยออกไปเถอะ”

“พวกกระหม่อมขอทูลลา”  ทุกคนมิกล้าโต้แย้งคัดค้าน  แสดงความคารวะต่อไท่เฟยและคนอื่นๆ  แล้วก็ทยอยกันล่าถอยออกมา

หยุนเหิงมองดูหนานหว่านเยียนอย่างลึกซึ้งแล้วคราหนึ่ง  ก็ติดตามจากไปแล้วเช่นกัน

หลิวซ่างซูก็กวาดสายตามองหนานหว่านเยียนคราหนึ่งแล้วเช่นกัน  ขมวดคิ้วแนบแน่นสีหน้าบึ้งตึง  สะบัดแขนเสื้อด้วยความมิพอใจอย่างยิ่งก้าวเท้าจากไป

พิธีแต่งตั้งตำแหน่งฮองเฮาของหนานหว่านเยียนในตอนแรกนั้นถือว่ามิสมบูรณ์นัก  ตลอดจนนางยังออกจากวังกลายเป็นคู่หมั้นหมายของผู้อื่นถึงสองเดือนเต็ม  ชื่อของฮองเฮาไม่เหมาะสมสอดคล้องกับศักดิ์ฐานะตามเหตุผล  ตอนนี้ยังก่อเรื่องจนกลายเป็นความยุ่งเหยิงถึงเพียงนี้ขึ้นมา  มิสามารถถือว่าเป็นคนประเสริฐเคียงข้างฮ่องเต้ได้จริงๆ

เขานึกถึงพฤติการณ์ทุกอย่างของหยุนอี่ว์โหรวในช่วงหลายวันนี้ขึ้นมาอีก  เขาถึงกับรู้สึกว่าหนานหว่านเยียนนั้น  ยังมิอาจสู้หยุนอี่ว์โหรวที่ศักดิ์ฐานะต่ำต้อยผู้หนึ่งด้วยซ้ำ

อย่างน้อยหยุนอี่ว์โหรวก็ทราบสถานการณ์ใหญ่โดยรวม  ที่สำคัญที่สุดคือ  ไม่เหมือนกับหนานหว่านเยียน  ที่มีอิทธิพลส่งผลกระทบต่อฮ่องเต้มากเกินไปแล้ว

ฮ่องเต้องค์หนึ่ง  หากถูกสตรีผูกมัดฉุดรั้งเอาไว้แล้วละก็  นั่นมิสามารถถือได้ว่าเป็นเรื่องประเสริฐอันใดเลยทีเดียว  ส่วนใหญ่เป็นลางบอกเหตุสัญญาณบ่งชี้ถึงความหายนะของแว่นแคว้น……

สีหน้าแววตาของหลิวซ่างซูเย็นเยียบ  คล้ายดั่งได้ตัดสินใจในบางสิ่งอย่างเด็ดขาดแล้วก็ปาน  เดินกระแทกส้นเท้าหนักๆ ลงบันได  มุ่งหน้าเดินออกจากวังไป

ทันทีที่ขุนนางเจ้าหน้าที่เหล่านี้จากไป  ภายในตำหนักหย่างซินก็เหลือเพียงไม่กี่คนแล้ว

แม้ว่าหยุนอี่ว์โหรวจะบันดาลโทสะจนแทบแย่ตั้งแต่แรกแล้ว  แต่ยามนี้นางก็ได้เพียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกัดเพลิงโทสะเป็นชิ้นๆ แล้วกลืนเลือดลงท้องไปพร้อมกันอย่างเงียบๆ

ปี้หยุนประคองนางไว้  เดินมาถึงข้างกายของหนานหว่านเยียนและกู้โม่หาน  หยุนอี่ว์โหรวแสดงการคารวะต่อหนานหว่านเยียนและกู้โม่หานด้วยความเคารพ  ในรอยยิ้มไม่มีความเคียดแค้นโกรธเคืองและเย้ยหยันแม้แต่น้อยนิด

“ขอแสดงความยินดีต่อฮ่องเต้  ในที่สุดก็สามารถรับฮองเฮาเหนียงเหนียงกลับมาแล้ว”

“ฮองเฮาเหนียงเหนียง  ท่านมิมีเรื่องราวใดก็ดีแล้ว  ท่านมิทราบหรอกว่า  ท่านไม่อยู่เป็นระยะเวลานานสองเดือนมานี้  ฮ่องเต้เพื่อท่านแล้วก็ยังผอมลงมากมายแล้ว  บัดนี้ท่านสามารถกลับมาได้  ฮ่องเต้ก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่งเช่นกัน”

“ข้าก็ไม่รบกวนการอยู่ร่วมกันของฮ่องเต้และเหนียงเหนียงแล้ว  ขอทูลลาไปก่อนเพคะ”

พูดจบ  นางกุมท้องเอาไว้อย่างผ่าเผยสง่างามเดินออกไปแล้ว  มีบุคลิกภาพอันดีงามอย่างยิ่งของสตรีจากตระกูลใหญ่  มีขุนนางเจ้าหน้าที่ไม่น้อยที่เพิ่งจะเดินถึงประตูตำหนัก  เมื่อได้เห็นภาพลักษณ์เช่นนี้ของหยุนอี่ว์โหรวแล้ว  ในใจอดที่จะเปรียบเทียบนางกับหนานหว่านเยียนขึ้นมาไม่ได้

สุดท้าย  หลังจากที่คนเหล่านั้นทยอยพยักหน้าให้นางทีละคนแล้ว  ก็รีบก้าวเท้าเร็วๆ ติดตามหลิวซ่างซูจากไปแล้ว

หยุนอี่ว์โหรวเห็นสถานการณ์  ในที่สุดบนใบหน้าซีดเซียวก็ปรากฏรอยยิ้มเหี้ยมโหดอำมหิตขึ้นมาวูบหนึ่ง

นางต้องการให้ผู้คนที่ได้ยินเสียงลมแล้วเข้าใจผิดว่าเป็นสายฝน  ซึ่งชื่นชอบเชื่อข่าวลือเหล่านี้ได้ประจักษ์แก่สายตาว่า  ยามนี้ระหว่างนางในตอนนี้กับหนานหว่านเยียน  ใครเหมาะสมที่จะรั้งอยู่เคียงข้างกู้โม่หานมากกว่ากันแน่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้