คำพูดจบลง พลันสีหน้าแววตาการแสดงออกของกู้โม่หานแปรเปลี่ยนไปกะทันหัน ลูกนัยน์ตาภายในดวงตาดำสนิทกลายเป็นสีแดงเลือดในทันใด ยังกอปรด้วยความเหี้ยมโหดทะมึนที่เหมือนเมฆดำครึ้มปกคลุมก็มิปาน
นางเพิ่งจะกลับมา ก็คิดว่าจะพาเด็กหญิงตัวน้อยจากไปเช่นใดแล้ว หรือว่าภายในระยะเวลาสองเดือนมานี้ นางมิเคยคิดถึงเขาแม้แต่น้อยนิดเลยเชียวหรือ?
หัวใจของกู้โม่หานจมดิ่งลงแล้วจมดิ่งอีก ตลอดจนยังกอปรด้วยความเจ็บปวดหม่นหมองหลายส่วน แต่เขากำหมัดจนแนบแน่น ริมฝีปากบางเม้มแล้วเม้มอีก มีขันติอดทนอดกลั้นเอาไว้แล้ว
เขาดึงข้อมือของนางเข้ามา อารมณ์รักใคร่ภายในดวงตาสวยงามนั้นร้อนแรงและจารึกไว้อย่างลึกซึ้ง
“หว่านเยียน ข้าทราบว่าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นเป็นคำพูดยามอารมณ์โกรธเคือง ข้าก็ทราบเช่นกันอีกว่า เวลานี้ซาลาเปาน้อยก็อยู่ในจวนแม่ทัพน้อยหยุนนั่นเอง”
“เวลานี้นางสบายดีอยู่หรือไม่? เกี๊ยวน้อยอยู่ภายในวังตลอดระยะเวลาสองเดือนมานี้ นางคิดถึงพวกเจ้าเป็นอย่างยิ่ง”
ผลปรากฏว่าเขาล่วงรู้แล้วว่า ซาลาเปาน้อยอยู่ภายในจวนท่านแม่ทัพ
ครั้งก่อนแวะไปจวนแม่ทัพ เขาหาใช่เพื่อส่งนางกลับไปแต่อย่างไรไม่ แต่เพื่อไปตามหาเจ้าหนูน้อยนั่นเอง!
หนานหว่านเยียนสลัดมือของกู้โม่หานออกไปในครั้งเดียว สายตาโกรธเคืองจ้องมองกู้โม่หาน ภายในดวงตาสวยงามเปล่งประกายอันเย็นชา
“ซาลาเปาน้อยสบายดีหรือไม่ เกี่ยวข้องอันใดกับท่านด้วยเล่า”
“กู้โม่หาน ข้าได้แสดงจุดยืนของตัวเองอย่างชัดเจนครั้งแล้วครั้งเล่า ใบหย่าอย่างสันติแผ่นนั้นที่ข้าเขียนขึ้นในตอนนั้น ข้าถึงกับสามารถท่องจำได้แล้วด้วยซ้ำ”
“ความปรารถนาใหญ่หลวงที่สุดของข้าในตอนนี้ก็คือการแยกจากกันอย่างสันติ พาแม่หนูน้อยทั้งสองคนออกไปให้ห่างไกลจากชีวิตของท่านตลอดไป หากท่านยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่จริงๆ หรือว่าภายในตลอดระยะเวลาสองเดือนมานี้ ท่านมิเคยไตร่ตรองทบทวนพิจารณาตัวเองบ้างเลยเชียวหรือ? แตงโมที่แข็งขืนปลิดจากขั้วรสชาติมักไม่หวาน (อุปมา การฝืนกระทำการใดโดยเงื่อนไขไม่สุกงอมผลลัพธ์ที่ได้มักไม่ดี)”
“ก็เหมือนเช่นเดียวกับข้าในตอนแรก ที่ข้าเฝ้าก่อกวนพัวพันท่านมิยอมเลิกรา ข้าก็มิได้แลกมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีเช่นกัน มิใช่หรอกหรือ?”
เดิมนางคิดว่าการจากไปของตนจะสามารถทำให้กู้โม่หานมีช่วงเวลาใคร่ครวญสักระยะหนึ่ง ให้เขาได้ขบคิดอย่างละเอียดไตร่ตรองนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา
คิดมิถึงว่าเขายังคงเหมือนเดิม มิมีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยนิด ยังคงมีลักษณะแข็งกร้าวเช่นนั้น ลุ่มหลงหวาดระแวง และอหังการถืออำนาจบาตรใหญ่!
“ไหนเลยจะมิมีผลลัพธ์ใดๆ ข้ารักเจ้าแล้วนะ!” คิ้วบนใบหน้ากู้โม่หานจมดิ่งวูบ ภายในดวงตาสายงามที่เย็นชาทะมึนกอปรด้วยแววตาอันดุดันโหดร้ายหลายส่วน นิ้วมือที่ข้อนิ้วกระจ่างนั้นอดมิได้ที่จะคว้าไหล่ของนางไว้อย่างดุดันแนบแน่น ปลายนิ้วมือที่เมื่อครู่นี้ยังขาวซีดอยู่เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดไปจนทั่วในชั่วพริบตา
“ข้ารักเจ้าแล้วนะ หนานหว่านเยียน! คำพูดนี้ เจ้าต้องการให้ข้าพูดมากมายสักกี่ครั้ง?”
ในช่วงระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมาเขารู้สึกผิดและสำนึกเสียใจขยันทำงานหนัก นางรั้งอยู่ในเมืองหลวงตลอดมา หรือว่านางจะมิเคยสังเกตเห็นมาก่อน?
จะต้องควักหัวใจออกมาให้นางดู นางจึงจะยอมเชื่อใช่หรือไม่?
“หากตอนที่ข้ายังรักท่านอยู่นั้น ท่านพูดคำพูดนี้กับข้า แม้แต่ยามหลับข้าก็ยังจะต้องส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาเพราะความยินดีด้วยซ้ำ!”
ดวงตาทั้งคู่ของหนานหว่านเยียนจ้องมองเขาเขม็ง “แต่ว่ากู้โม่หาน ข้าไม่ชื่นชอบท่านแล้ว ไม่ว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นจะเป็นความจริงหรือเท็จ ความรักลึกซึ้งที่มาเมื่อสายนั้นก็คือสิ่งด้อยค่าไร้ราคา ท่านได้ยินแล้วหรือไม่?”
ทรวงอกเหมือนถูกฉีกขาดแล้วก็ปาน กู้โม่หานมองดูหนานหว่านเยียนด้วยสีหน้าแววตาเจ็บปวดหมองหม่นหดหู่ พูดด้วยน้ำเสียงดุดันอยู่บ้างว่า “ไม่ได้ยิน ข้าก็จะบอกเจ้าอย่างชัดเจนเช่นกันว่า ตำแหน่งฮองเฮาเจ้าก็จะต้องเป็นเช่นกัน เจ้ามิต้องการเป็นก็จะต้องเป็น”
เขามีลักษณะแข็งกร้าวเช่นนั้นอีกแล้ว หนานหว่านเยียนโกรธเคืองจนหัวเราะออกมาแล้วโดยตรง ดวงตาอันสวยงามสดใสน่ายำเกรงเปล่งประกายสำนึกเยือกเย็น
“กู้โม่หาน หรือว่าขนาดข้าถึงกับเคย ‘ตาย’ ไปครั้งหนึ่งแล้ว ท่านก็ยังมิรู้จักวางมืออีกหรือ?”
“ข้าหาได้รู้สึกว่าท่านรักข้าจริงๆ ไม่ การรักใครสักคนนั้นจะต้องปฏิบัติด้วยดีซึ่งกันและกันตลอดเวลา จะต้องนึกถึงอีกฝ่ายหนึ่งก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ ท่านปฏิบัติต่อข้า เห็นได้ชัดว่าเป็นความต้องการครอบครองภายในใจซึ่งเกิดจากความเห็นแก่ตัว มิสามารถเห็นข้าดีกับผู้อื่นเท่านั้นเอง”
“ท่านเห็นแก่ตัวเช่นนี้ เพียงแค่ต้องการกักตัวผู้อื่นให้อยู่เคียงข้างท่าน ท่านเพียงแต่ต้องการให้ตัวเองมีความสุขเท่านั้น ท่านเคยถามความรู้สึกของข้าหรือไม่?”
หนานหว่านเยียนพูดเสียงดังจนแทบคำราม ภายในตำหนักหย่างซินอันกว้างใหญ่โอ่โถงโอ่อ่า เสียงโกรธเคืองของนางดังกึกก้องไปแทบตลอดทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ จิตใจของกู้โม่หานเองก็ยังสั่นคลอนหวั่นไหวแล้ววูบหนึ่งเช่นกัน
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาแปรเปลี่ยนไปแล้วทันใด “ข้ามิเคยคิดเช่นนี้มาก่อน”
“แต่ท่านได้กระทำเช่นนี้แล้ว” หนานหว่านเยียนแค่นเสียงเย็นชาคราหนึ่ง คุกคามเข้าไปใกล้กู้โม่หานทีละก้าวทีละก้าว ดวงตาคมกริบตวัดจ้องมองเขาเขม็งอย่างเกลียดชัง นิ้วมือเรียวงามเย็นเฉียบไร้ความอบอุ่น จี้สะกิดใส่หน้าอกของกู้โม่หานครั้งแล้วครั้งเล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...