นางขุ่นข้องหงุดหงิดจนท้องนางก็มีอาการปวดขึ้นมาแล้ว
หนานหว่านเยียนรีบเร่งนั่งลงภายในตำหนักหย่างซิน ลูบไล้ปลอบโยนลูกน้อยภายในท้อง รอคอยจนกระทั่งอาการปวดทุเลาดีขึ้นแล้ว นางจึงค้ำยันบั้นเอวลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกห้องโถงใหญ่
นอกตำหนัก ฟิงยางกำลังรอคอยหนานหว่านเยียนอยู่ตลอดมา เมื่อครู่นี้ตอนที่เห็นกู้โม่หานสีหน้าหมองคล้ำเดินออกมานั้น นางก็พลอยตื่นเต้นไปด้วยแล้วอยู่ครู่หนึ่งเช่นกัน
แต่นางทราบว่าตอนนี้หนานหว่านเยียนจะต้องอารมณ์ไม่ดีนักอย่างแน่นอน ดังนั้นเฟิงยางจึงมิได้เข้าห้องโถงไปรบกวนตลอดมา
เวลานี้ เห็นหนานหว่านเยียนสายตาก้มต่ำเดินออกจากห้องโถงอย่างช้าๆ สีหน้ามิแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ แต่เห็นได้ชัดว่าสีหน้าซีดเผือดอยู่บ้างเล็กน้อย
พลันเฟิงยางรู้สึกปวดใจจนยากทนทาน รีบเดินเข้าไปประคองหนานหว่านเยียน กระซิบถามข้างหูนางว่า “จวิ้นจู่ ท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?”
หนานหว่านเยียนส่ายหัวอย่างไร้เรี่ยวแรงพูดว่า “มิมีเรื่องใด กลับตำหนักหยูซินกันเถอะ”
ตอนนี้ศักดิ์ฐานะของนางเปิดเผยแล้ว นางก็ไม่มีความจำเป็นต้องซ่อนเร้นอะไรอีกต่อไปแล้วเช่นกัน นอกจากนี้ไท่เฟยก็ได้ล่วงรู้ศักดิ์ฐานะของนางแล้ว คิดว่าอีกสักครู่ก็จะแวะไปหานางเช่นกัน
เฟิงยางเห็นหนานหว่านเยียนมิต้องการพูดอะไรมาก นางก็มิเอ่ยปากถามเช่นกัน พยักหน้าอย่างเงียบงัน ประคองหนานหว่านเยียนเร่งรุดไปตำหนักหยูซิน
ตอนที่เดินมาได้ครึ่งทางนั้น หนานหว่านเยียนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงสั่งให้เฟิงยางรุดไปจัดการเรื่องราว แล้วตนเองกลับไปตำหนักหยูซินตามลำพัง
ขณะเดียวกัน ณ บริเวณหน้าตำหนักหยูซิน
เซียงอวี้และเซียงเหลียนยังมิทราบว่าไป๋จื่อก็คือหนานหว่านเยียนนั่นเอง พี่น้องสองสาวทราบแต่เพียงว่าเวลานี้กู้โม่หานเนื่องเพราะไป๋จื่อผู้นี้ แม้แต่คำพูดของทุกคนก็ยังมิยอมรับฟังแล้ว
เซียงอวี้กระทืบเท้าอย่างเดือดดาล “เสียแรงที่ข้าคิดว่านางจะล่วงรู้กระจ่างเข้าใจด้วยตนเอง คิดมิถึงว่านางออกจากวังไปแล้วยังถูกพากลับเข้ามาอีก อีกทั้งยังทำให้ฮ่องเต้ลุ่มหลงนางหัวปักหัวปำจนโงหัวไม่ขึ้น ดูแล้วฝีมือวิธีการช่างสูงส่งลึกล้ำนัก”
แม้แต่เซียงเหลียนที่หนักแน่นรักสงบตลอดมาก็ยังนั่งไม่ติดอยู่บ้างแล้ว พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมหนักใจ
“จริงด้วยสิ ไป๋จื่อผู้นี้ ตอนแรกข้าเพียงแค่คิดว่า นางคงมิสามารถก่อปัญหาสร้างความวุ่นวายน่ารำคาญอันใดขึ้นมา กลับคิดมิถึงว่า ฮ่องเต้กลับละเมิดกฎระเบียบเพื่อนาง ให้ทุกคนปฏิบัติต่อนางด้วยพิธีการเช่นเดียวกับฮองเฮา ซึ่งมิเคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ”
เซียงอวี้ยิ่งคิดก็ยิ่งบันดาลโทสะ อีกทั้งแค้นใจที่มิสามารถตะเพิดขับไล่ไป๋จื่อออกไปจากวังโดยตรง “พี่สาวท่านอย่าได้กล่าวแล้ว ยิ่งพูดข้าก็ยิ่งรู้สึกโมโหขึ้นมา!”
“คนลักษณะเช่นนี้ผู้หนึ่ง กลับยึดครองตำแหน่งฮองเฮาเหนียงเหนียงพวกข้าไปแล้วอย่างไร้เหตุผล ครั้งต่อไปถ้านางมาหาองค์หญิงอานผิงในตำหนักหยูซินอีก ข้าจะต้องตักเตือนนางเป็นอย่างดี ไม่ว่านางจะมีความคิดเช่นใด ล้วนมิอนุญาตให้นางคิดหมายปองต่อองค์หญิง!”
องค์หญิงอานผิงเป็นญาติเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ในโลกหล้าของฮองเฮาเหนียงเหนียงแล้ว มิอาจให้ผู้อื่นข่มเหงรังแกคิดการวางแผนต่อองค์หญิงอย่างเด็ดขาด!
ครั้งนี้เซียงเหลียนมิได้ตำหนิเซียงอวี้ แต่คอยรับฟังอย่างเงียบสงบ ภายในใจนางก็รู้สึกย่ำแย่อย่างยิ่งเช่นเดียวกัน
ขณะพี่น้องสองสาวกำล้งเจ็บแค้นในความอยุติธรรมแทนหนานหว่านเยียนอยู่นั่นเอง ดวงตาเซียงเหลียนเฉียบคม พลันนางก็มองเห็นเงาร่างสายหนึ่งกำลังใกล้เข้ามาอย่างช้าๆ จากที่ไม่ไกลนัก
พระอาทิตย์หลังเที่ยงวันกำลังแผดแสงแรงกล้า เจิดจ้าจนนางมองมิชัดเจนอยู่บ้าง นางจึงได้แต่สะกิดเซียงอวี้ที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าดูซิว่า ใช่เป็นไป๋จื่อผู้นั้นรุดมาแล้วหรือไม่?”
เซียงอวี้ก็เห็นมิชัดเจนนักเช่นกัน แต่เมื่อได้เห็นเครื่องแต่งกายของผู้มาเยือนธรรมดาสามัญทั่วไป ก็แน่ใจในชั่วพริบตาว่าเป็นไป๋จื่อรุดมาแล้ว
นางพับแขนเสื้อขึ้นมา กัดฟันเล็กน้อยด้วยความโกรธเคือง “พูดถึงโจโฉโจโฉก็มาถึง พี่สาวท่านรอคอยอยู่ในที่นี้ คอยดูว่าข้าจะสั่งสอนบทเรียนนางให้หนำใจอย่างใด!”
พูดพลาง เซียงอวี้ก็มุ่งหน้าวิ่งไปยังทิศทางของเงาร่างนั้นแล้ว
เซียงเหลียนกระซิบเสียงค่อยคำหนึ่ง “เจ้าจะต้องมีความยับยั้งชั่งใจด้วย เวลานี้ไป๋จื่อเป็นคนที่ฮ่องเต้ปกป้องอยู่”
“ข้าทราบแล้วล่ะ!” เซียงอวี้โบกมือไหวๆ ดวงตาทั้งสองถลึงมองจนเบิกกว้าง เดินรวดเร็วยิ่งขึ้นแล้วด้วยความเดือดดาล
คนที่ฮ่องเต้ปกป้องอันใดกัน ยังมิใช่ใช้กลอุบายหลอกลวงฮ่องเต้แล้วหรอกหรือ
นางเองมิสามารถกระทำเรื่องราวที่ทำร้ายผู้อื่นได้ แต่ก็มิอาจปล่อยให้ผู้อื่นมารังแกถึงบนศีรษะอย่างเด็ดขาดเช่นกัน โดยการวาดมือวางเท้าสำแดงความแข็งแกร่งตรงหน้า!
วิ่งเข้าไปใกล้แล้ว ยังมิทันเห็นใบหน้าไป๋จื่อชัดเจน นางก็ชี้นิ้วใส่จมูกหนานหว่านเยียนโดยตรง แล้วพูดเอ็ดตะโรเสียงดังลั่นขึ้น “เจ้า เจ้าอย่าได้คิดอาศัยความโปรดปรานรักใคร่ของฮ่องเต้ ก็จะสามารถแทนที่ตำแหน่งของฮองเฮาเหนียงเหนียงพวกข้า หากเจ้าต้องการเป็นเหนียงเหนียง เช่นนั้นก็จงไปที่ตำหนักบรรทมของเจ้าเอง อย่าได้คิดยึดครองตำหนักบรรทมของฮองเฮาเหนียงเหนียง……”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...