หนานหว่านเยียนฟังคำตอบของเกี๊ยวน้อยแล้ว สีหน้าแววตาก็ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนดั่งบุปผาสวยสดงดงามแห่งคิมหันตฤดู “ประเสริฐ มารดารับปากเจ้า รอให้ถึงเวลาพวกเจ้าพี่สาวน้องสาวทั้งสองเลี้ยงฉลองงานวันเกิด จะให้พวกเจ้าได้ทานอาหารรสชาติอร่อยด้วยกัน”
พลันเกี๊ยวน้อยก็ยินดีเบิกบานใจจนสองตาเป็นประกายขึ้นมาทันใด “ดีฮะ! ขอบพระทัยท่านแม่ฮะ!”
แล้วนางก็คลอเคลียอย่างสนิทสนมใกล้ชิดภายในอ้อมแขนหนานหว่านเยียน กลิ่นอายที่แฝงกลิ่นน้ำนมหอมขจรตลบอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ ทำให้จิตใจของหนานหว่านเยียนก็สงบลงมาด้วยแล้วเช่นกัน
นางยิ้มแย้มพลางพินิจมองดูบุตรสาวแก้วตาดวงใจ ห้วงคำนึงกลับค่อยๆ ครุ่นคิดไปจนไกลแล้ว
นับตั้งแต่เข้าวังมา นางก็มิได้พบกับซาลาเปาน้อยอีกเลยเป็นระยะเวลาช่วงหนึ่งแล้ว แม้ว่าจะมีท่านน้าหรือหยุนเหิงและคนอื่นๆ คอยดูแลอยู่ แต่นางก็ยังคงห่วงใยลูกน้อยอยู่ดี ไม่ทราบว่าเวลานี้ซาลาเปาน้อยสบายดีหรือไม่
นอกจากนี้ เรื่องที่แคว้นต้าเซี่ยได้จัดเตรียมคณะทูตเดินทางมาแคว้นซีเหย่แล้ว ก็ต้องให้ท่านน้าได้รับทราบเช่นกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจำเป็นต้องออกวังไปพบหน้าพวกเขาสักคราโดยเร็วที่สุด……
มารดาและบุตรสาวสองคนรู้สึกจับเจ่าอย่างน่าเบื่ออยู่ภายในตำหนักบรรทม ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น
จวบจนถึงเวลาเย็นย่ำสนธยา หวงไท่เฟยที่ได้ทราบว่าหนานหว่านเยียนตั้งครรภ์แล้ว ก็ได้ให้หวางหมัวมัวส่งของบำรุงร่างกายจำนวนมากมายอย่างยิ่ง มายังตำหนักหยูซินของหนานหว่านเยียนแล้ว
หวางหมัวมัวดึงตัวเซียงอวี้สองพี่น้องมากำชับเป็นเวลานานอย่างยิ่งก่อนแล้วจึงได้จากไป ทำเอาหนานหว่านเยียนก็ยังรู้สึกหัวร่อมิออกร่ำไห้มิได้อยู่บ้างเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกัน ไท่เฟยยังได้ส่งข้อควรระวังเกี่ยวกับสตรีมีครรภ์มากมายอย่างยิ่งให้กู้โม่หานแล้ว
กู้โม่หานนั่งอยู่คนเดียวภายในห้องอักษร แสงริบหรี่จากเปลวเทียนในห้องที่หนาวเย็นอบอุ่นมิกระจ่างนัก ส่องสะท้อนต้องใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่ขาวผ่องเย็นชาของบุรุษนั้นจนน่ามองมากเป็นพิเศษ
คิ้วกระบี่ของเขาขมวดเล็กน้อย มุ่งมั่นตั้งอกตั้งใจอ่านสิ่งที่ไท่เฟยส่งมาทั้งหมดแล้วหลายรอบ ได้ทราบความรู้เสริมเพิ่มเติมเกี่ยวกับสตรีตั้งครรภ์มากมายขึ้นแล้วอย่างจริงจัง
บุรุษปิดหนังสือลงอย่างช้าๆ นิ้วมือที่ข้อกระดูกกระจ่างบีบนวดตรงบริเวณขมับ ใบหน้าอันสมบูรณ์แบบหันด้านข้างให้ ขบคิดด้วยอารมณ์ที่รู้สึกหนักอึ้ง
ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เขาก็มิกล้าไปพบกับหนานหว่านเยียนอีกเลย และก็มิกล้าให้หนานหว่านเยียนได้ล่วงรู้โดยสิ้นเชิงว่าพวกหลิวซ่างซูและคนอื่นๆ พูดจาเรื่องชวนหงุดหงิดน่ารำคาญใจเหล่านั้น
อย่างมากก็คือตอนเวลาเที่ยงวัน เขาจะเรียกอวี๋เฟิงรุดมา ให้เขาไปยังร้านค้าแต่ละแห่งในเมืองหลวงหาซื้อพวกอาหารเบาๆ และของว่างที่หนานหว่านเยียนและเกี๊ยวน้อยชื่นขอบรับประทาน แล้วรอสักครู่จัดส่งไปให้พร้อมกับอาหารมื้อค่ำ
สามารถใคร่ครวญได้ว่าสิ่งที่เป็นความรักนี้ ยิ่งสะกดข่มไว้จิตใจก็ยิ่งเร่าร้อนมากขึ้น ยิ่งมีน้อยก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
ตรึกตรองอย่างรอบคอบแล้ว บุรุษลุกขึ้นยืนอย่างมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วออกจากห้องทรงพระอักษรไป มุ่งหน้าตรงไปทิศทางตำหนักหยูซินแล้ว……
ณ ภายในตำหนักหยูซิน แสงเทียนสว่างไสวอยู่เนืองนิตย์
หนานหว่านเยียนและเกี๊ยวน้อยในเวลานี้กำลังนั่งอยู่ตรงที่โต๊ะ ทั้งมารดาและบุตรสาวสองคนกำลังรับประทานของว่างที่อวี๋เฟิงนำมาอย่างยินดีมีความสุข
หน้าตาหนานหว่านเยียนยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนดั่งเช่นบุปผา มองดูอวี๋เฟิงพลางเอ่ยปากพูดล้อเล่นขึ้นว่า “ไฉนจู่ๆ เจ้าถึงได้คิดซื้ออาหารของกินอร่อยมากมายเช่นนี้ให้พวกข้าขึ้นมาล่ะ?”
อวี๋เฟิงเกาๆ หลังศีรษะอย่างเคอะเขิน สายตากลับชำเลืองมองไปยังประตูทางเข้าอย่างแนบเนียนไร้ร่องรอยพิรุธ
“เรื่องนี้ เรื่องนี้ยังมิใช่เพราะข้าน้อยรู้สึกว่าในช่วงหลายวันนี้อากาศช่างร้อนอบอ้าว เหนียงเหนียงท่านและองค์หญิงน้อยก็มิค่อยเจริญอาหารนัก สิ่งของที่คนครัวในห้องเครื่องเสวยปรุงขึ้นแม้ว่าจะมีลูกเล่นอย่างหลากหลาย แต่มักมิใคร่มีรสชาติอร่อยถูกปากเหมือนอย่างเช่นอาหารพื้นบ้านเหล่านี้ ก็จึงได้ถือวิสาสะไปซื้อของว่างมาแล้วส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นอาหารที่ท่านและองค์หญิงใหญ่ชื่นชอบรับประทานตอนนั้นที่อยู่ภายในจวนท่านอ๋องนั่นแหละ”
ผู้ที่สามารถขบคิดไตร่ตรองอย่างครอบคลุมรอบด้าน อีกทั้งจิตใจยังละเอียดอ่อนถึงเพียงนี้ ย่อมเป็นองค์ฮ่องเต้แล้ว
เขาที่เป็นคนหยาบกร้านผู้หนึ่ง มิทราบอะไรเลยทั้งสิ้น ทั้งหมดล้วนกระทำไปตามพระกระแสรับสั่งขององค์ฮ่องเต้นั่นเอง
แต่องค์ฮ่องเต้ไม่ให้เขาพูด เขาก็สงบปากมิพูดถึงเช่นกัน
เซียงอวี้ที่อยู่ด้านข้างยิ้มแล้วผลักกระแทกใส่หัวไหล่ของอวี๋เฟิง “ดูไม่ออกว่า เจ้าก็ช่างเอาอกเอาใจผู้หญิงเก่งกาจยิ่งนัก ไฉนในยามปกติ มิเห็นเจ้ากระตือรือร้นเอาใจใส่ต่อข้าเช่นนี้บ้างเลยล่ะ?”
คำพูดเพิ่งจบลง หนานหว่านเยียนและเกี๊ยวน้อยต่างล้วนหัวเราะพรืดออกมาแล้วคำหนึ่ง
อีกทั้งเกี๊ยวน้อยก็มองดูเซียงอวี้ด้วยสีหน้าที่ช่างอยากรู้อยากเห็นเรื่องของผู้อื่น แล้วคว้าขนมเค้กดอกท้อชิ้นหนึ่งมอบให้นาง ปิดปากแอบหัวเราะพูดว่า “พี่สาวเซียงอวี้อย่าโกรธเคืองเลยนะ! พี่ชายอวี๋เฟิงก็จริงๆ เลยน้า ซื้อสิ่งของฝากทั้งที ไฉนจึงขาดส่วนของพี่สาวเซียงอวี้ไปได้เล่า ชิ้วชิ้วน่าไม่อาย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...