ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 80

หนานหว่านเยียนเดินไปรอบๆจวนเฉิงเซี่ยงและเดินตามความทรงจำเจ้าของร่างเดิมตามหาโม่หวิ่นหมิงจนเจอ

เรือนนี้ตั้งอยู่ห่างไกลจากเรือนพักหลักไกลมาก รอบด้านเต็มไปด้วยวัชพืชรกชัฏ และไม่มีกลิ่นอายของคนพักอาศัยเลย

ทันทีที่หนานหว่านเยียนก้าวเข้าไปในเรือน นางก็รู้ว่าหนานฉีซานและคนในตระกูลตระกูลหนานไม่ปฏิบัติกับโม่หวิ่นหมิงดีๆ เลย ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา พวกเขาน่าจะทำให้ลุงของเจ้าของร่างเดิมต้องลำบากมาก

นางให้เซียงอวี้ยืนเฝ้าหน้าประตู จากนั้นนางก็สูดหายใจเข้าลึก แล้วผลักประตูเปิดเข้าไป

สิ่งที่ดึงดูดสายตาของนางเป็นสิ่งแรกคือเครื่องใช้ที่ทรุดโทรมแต่สะอาดตรงหน้า และห้องที่ทรุดโทรมเยือกเย็น นางจึงอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

“ท่านลุง?” หนานหว่านเยียนส่งเสียงเรียกเข้าไปข้างใน

“หว่านหว่านใช่หรือไม่” น้ำเสียงอันอบอุ่นของชายหนุ่มดังมาจากห้องด้านใน ด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความดีใจและคิดถึง “อาจี้ ข้ารู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงของหว่านหว่าน...”

พอได้ยินเช่นนี้ หนานหว่านเยียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วรีบเดินเข้าไป

ตรงมุมห้องด้านใน มีบ่าวรับใช้คนหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับชงชาและเทน้ำชาใส่ถ้วยชา เขาอายุประมาณสิบห้าถึงสิบหกปี ท่าทางเคารพนอบน้อม และมีชายหนุ่มรูปงามนั่งอยู่บนเก้าอี้

ทันทีที่หนานหว่านเยียนเห็นโม่หวิ่นหมิง ดวงตาสีน้ำตาลของนางก็กะพริบตาปริบ

บุรุษรูปงามดังสายรุ้ง เหมาะสมที่จะใช้บรรยายถึงเขายิ่งนัก

“หว่านหว่าน? เป็นหว่านหว่านจริง ๆ หรือ?” โม่หวิ่นหมิงตกใจ แววตาที่มองมาเต็มไปด้วยความคิดถึงและกังวลใจ

เขาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นหลานสาวของเขาจริงๆ ในเวลาเพียงห้าปี กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าตกใจเช่นนี้ “แผลบนใบหน้าของหว่านหว่าน หายดีแล้วหรือ”

“ใช่แล้วท่านลุง ใบหน้าของข้าหายดีแล้ว” หนานหว่านเยียนเห็นสองขาของเขา ตอนที่เจ้าของร่างเดิมอายุยังน้อย เพื่อช่วยนางแล้ว โม่หวิ่นหมิงพุ่งตัวเข้ามาขวาง ผลสุดท้ายก็คือ เขาถูกลูกธนูยิงใส่ขา ทำให้เขาพิการอย่างถาวร

ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา โม่หวิ่นหมิงไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก

เห็นได้ชัดว่าเขาอายุเพียงยี่สิบสามปี แต่ด้วยความปรารถนาที่จะปกป้องเจ้าของร่างเดิม ทำให้เขาต้องล้มหมอนนอนเสื่อเป็นเวลานาน

พอมองท่านลุงที่ไม่มีสายเลือดเดียวกันผู้นี้ หนานหว่านเยียนรู้สึกอบอุ่นใจมาก แม้ว่านางจะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่พอต้องเผชิญหน้ากับคนที่ปฏิบัติต่อเจ้าของร่างเดิมด้วยความรักและจริงใจ จึงเป็นหน้าที่ของนางที่จะต้องตอบแทนความกตัญญูแทนเจ้าของร่างเดิม

โม่หวิ่นหมิงดีใจมาก “หายดีก็ดีแล้ว หว่านหว่านโตเป็นสาวแล้ว หว่านหว่านสวยมากจริงๆ ถ้าเทียบกับแม่ของหว่านหว่าน นางสู้ได้เลย”

ที่จริงแล้วหนานหว่านเยียนไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับมารดาของเจ้าของร่างเดิม แต่ท่านลุงคนนี้เป็นสุภาพบุรุษผู้อ่อนโยน แตกต่างจากกู้โม่หานอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งแข็งแกร่ง อีกคนอ่อนโยนราวกับหยก ทำให้คนที่พูดคุยด้วยต้องลดเสียงลงโดยไม่รู้ตัว

นางนั่งลงตรงข้ามเขา “ท่านลุง เป็นความผิดของข้าเองที่ทำให้ท่านลุงต้องทนทุกข์ตลอดห้าปีที่ผ่านมา”

โม่หวิ่นหมิงยกยิ้มอย่างเอ็นดู ความชื่นชมและความจริงใจในแววตาของเขามาจากใจจริง “หว่านหว่านมีชีวิตดี ลุงก็สบายดี ไม่ได้ลำบากอะไร เหตุใดวันนี้เจ้าถึงมาหาลุงได้ล่ะ”

ในวันแต่งงานของหนานหว่านเยียนเขาออกไปข้างนอกเป็นครั้งแรก ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา เขาไม่รู้อะไรเลยสักนิด

หนานหว่านเยียนไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด เพราะนางรู้ดี ด้วยนิสัยของโม่หวิ่นหมิง ถ้าเขารู้ว่าเจ้าของร่างเดิมเคยลำบากมาก่อน เขาคงบุกน้ำลุยไฟไปแก้แค้นแทนนางแน่ๆ

“เป็นความผิดของข้าเอง ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ข้ายุ่งอยู่กับการดูแลงานในจวนอ๋องอี้ งานจึงยุ่งมาก หลายวันก่อนยังต้องออกไปทำธุระต่างเมืองด้วย ตอนนี้ถึงมีเวลา จึงกลับมาเยี่ยมท่านลุง”

“ท่านลุงอย่าตำหนิข้าเลย ข้าคิดถึงท่านลุงมากเลย ที่ข้ากลับมาในวันนี้ เพราะข้ามีอะไรอยากจะบอกกับท่านลุง” นางยกยิ้มเล็กน้อย และพยายามขจัดความสงสัยในใจของโม่หวิ่นหมิง

โม่หวิ่นหมิงหัวเราะออกมา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุข “ลุงไม่เคยคิดตำหนิหว่านหว่านเลย ขอแค่ที่หว่านหว่านมีความสุข แค่นี้ก็สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ถ้าหว่านหว่านมีอะไรจะบอกลุง ก็พูดมาเถอะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้