ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 87

สรุปบท บทที่ 87 เขาไม่ใช่ปีศาจสักหน่อย นางจะหนีไปไหน: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

สรุปตอน บทที่ 87 เขาไม่ใช่ปีศาจสักหน่อย นางจะหนีไปไหน – จากเรื่อง ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ โดย อารั่ง

ตอน บทที่ 87 เขาไม่ใช่ปีศาจสักหน่อย นางจะหนีไปไหน ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ โดยนักเขียน อารั่ง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อกล่าวจบ กู้โม่หานก็พลิกตัวออกมาพลัน เอ็นเขียวปูดโปน หิ้วคอเสื้อของหนานหว่านเยียนอย่างกับหิ้วลูกเจี๊ยบ แล้วโยนนางออกไปแรงๆ

หนานหว่านเยียนอ้าเสียงหนึ่ง กระแทกกับพื้น จากนั้นก็ได้ยินเสียง ‘ปัง’ จากด้านหลัง กู้โม่หานปิดประตูแรงๆ!

หนานหว่านเยียนถูกเหวี่ยงลงกับพื้นเจ็บก้น นางหน้าแดงหูแดง แต่ก็ไม่ได้มีปากเสียงกับกู้โม่หาน รีบเดินกะเผลกออกจากห้องด้วยความขวยเขิน

เซียงอวี้เห็นหนานหว่านเยียนออกมาได้สักที จึงโล่งอก แต่พอมองไป ใบหน้าของหนานหว่านเยียนกลับแดงเป็นปื้นไม่เป็นธรรมชาติอย่างชัดเจน แล้วยังใช้มือพัดไม่หยุดด้วย

นางจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “พระชายา วันนี้ไม่ร้อนนี่เจ้าคะ ทำไมหน้าท่านแดงอย่างนี้ล่ะ”

หน้าแดง? แดงมากเลยหรือ

เมื่อนั้นหนานหว่านเยียนจึงรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนอย่างกับไฟ นางทำเป็นนิ่ง “ไม่ได้กลับมานานแล้ว ในห้องสกปรกนิดหน่อย ข้าก็เลยทำความสะอาด ทั้งเหนื่อยทั้งร้อน ก็เลยหน้าแดงกระมัง”

“อ้อ หากไม่ใช่ไม่สบายก็ดีเจ้าค่ะ” เซียงอวี้กึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ แต่ทำไมดูแล้วถึงแปลกๆ พระชายาหน้าแดงหูแดง กลับเหมือน...

ตอนนี้เอง จู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดออก

กู้โม่หานสวมเสื้อผ้าเป็นระเบียบแล้ว รูปร่างสูงสง่าอย่างกับป้ายรูปคนตั้งอยู่ เขาทำหน้าเย็นชา ดวงตาราวกับดวงไฟ เผยความพิโรธบางส่วน ยืนอยู่เส้นแสงสุดท้ายที่สาดมาจากดวงอาทิตย์

น่าเกรงขามที่สุด!

เขากวาดตามองหนานหว่านเยียนด้วยความเย็นเยียบ ใบหน้าอีกฝ่ายยังร้อน และถึงกับมีความละอายแบบแปลกๆ ราวกับทำเรื่องร้าย หันมาเอ่ย “เซียงอวี้ ไป”

“เจ้าค่ะ” เซียงอวี้ไม่เข้าใจความเป็นมาเป็นไป ตามอยู่ด้านหลังหนานหว่านเยียน รีบไล่ให้ทันฝีเท้าของนาง

ยามนี้หนานหว่านเยียนอย่างกับกำลังแข่งเดิน แทบอยากสลัดกู้โม่หานให้ออกห่างเท่าไรก็เท่านั้น

กู้โม่หานเห็นดังนั้นจึงหัวเราะเย็น แพล็บเดียวก็บี้ตามฝีเท้าเร่งรีบของหนานหว่านเยียนทันแล้ว

เขาไม่ใช่ปีศาจสักหน่อย หนานหว่านเยียนจะหนีไปไหน!

แถมนางยังเห็นเขาจนหมดแล้ว ตอนนี้คิดจะหลบหรือ เฮอะ เช่นนั้นก็ทำให้นางไม่มีที่จะหลบ!

ในใจเซียงอวี้ขมปี๋ นายสองคนนี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่

เดินอย่างกับวิ่งร้อยหมี่(*เมตร) นางเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว...

ในที่สุด ทั้งสามก็เร่งรุดมาถึงห้องโถงเลี้ยงแขก

ในห้องโถง หนานฉีซานและฮูหยินนั่งอยู่ด้วยกัน ทั้งสองกำลังสนทนาอะไรกันอยู่ เมื่อเห็นพวกหนานหว่านเยียนมาแล้วจึงลุกขึ้นคำนับ เอ่ย “ท่านอ๋อง พระชายา มาได้เวลาพอดี เชิญนั่งเถอะ”

อี๋เหนียงสามและหนานอี่ว์ก็ลุกขึ้นมาคำนับด้วย สองแม่ลูกนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อเห็นคนเดินมา ในดวงตาก็แวบผ่านรอยยิ้มลับๆ อย่างที่สังเกตได้ยาก

ส่วนโม่หวิ่นหมิงเนื่องจากสุขภาพไม่ดี ดังนั้นปกติจึงไม่ร่วมงานเลี้ยงอย่างนี้

อารมณ์ของหนานหว่านเยียนค่อยๆ กลับเป็นปกติแล้ว นางพบว่าคืนนี้หนานอี่ว์ตั้งใจแต่งเนื้อแต่งตัว แถมยังใส่ชุดที่ทำจากผ้าไหมอวิ๋นจิ่น(*ผ้าไหมปักลายของหนานจิง)อีกด้วย นางขมวดคิ้วแล้วเข้านั่งตามกู้โม่หาน

นางยิ้มบางเอ่ย “ท่านอ๋องอาบน้ำล่าช้าไปบ้าง ทำให้ท่านพ่อกับฮูหยินต้องรอนานแล้ว ข้าขอขมาก่อน”

เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้หญิงที่เหลือก็พึมพำในใจ

อยู่ดีๆ อาบน้ำทำไมกัน หรือว่า...

ครั้นมองใบหน้าหนานหว่านเยียน ยังแดงระเรื่อ หนานอี่ว์ก็ตะลึงในใจ แอบกำหมัดแน่น

ผยองอะไร! เดี๋ยวนางก็จะได้เกาะกู้โม่หานเกี่ยวดองแล้วเหมือนกัน!

ดวงตาหนานฉีซานวาบความประหลาดใจ “ไม่เป็นไร ก็แค่งานเลี้ยงในครอบครัว พระชายาและท่านอ๋องตามสบายก็พอ”

นับจากงานเลี้ยงวันเกิดในวันนั้น เขาก็ยิ่งมองหนานหว่านเยียนไม่กระจ่าง

วันนี้เขาแค่หาข้ออ้างรั้งสองคนนี้ไว้ เพื่อดูท่าทีที่กู้โม่หานมีต่อหนานหว่านเยียน ฉวยโอกาสหยั่งถาม

เขาได้ยินชัดเจน โม่หวิ่นหมิงบอกว่าหนานหว่านเยียนมีลูก!

ฮูหยินมีไหวพริบดี แม้ในใจจะดูแคลนหนานหว่านเยียนที่เป็นคนไม่เอาไหน แต่ก็ยังดำรงท่าทางของนายหญิง คีบเนื้อชิ้นหนึ่งใส่ถ้วยของหนานหว่านเยียน

หา! ไอ้เลว! ว่านางไม่ไหวเหรือ

ยัยหนูสองตัวนั่น เป็นลูกที่นางคลอดออกมาสุดชีวิตเลยนะ เขารู้อะไร!

หนานหว่านเยียนเหล่ตามองกู้โม่หานแวบหนึ่ง ปากยิ้มตาไม่ยิ้ม “ท่านอ๋องเป็นห่วงข้า ข้าต้องขอบคุณท่านอ๋องจริงๆ!”

นางกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถลึงตากับกู้โม่หานด้วยความโมโห

หนานฉีซานมองพวกเขาสองสามีภรรยา เมื่อเห็นว่ากู้โม่หานไม่คิดจะชนจอกกับเขา จึงรีบกลับมานั่ง ในดวงตาแวบความลุ่มลึก ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

ตอนนี้เอง หนานหว่านเยียนชี้ผัดกุ้งเผ็ดร้อนที่อยู่บนโต๊ะแล้วเอ่ย “ท่านอ๋อง ข้าเห็นว่าจานนี้น่าอร่อย คีบให้ท่านสักหน่อย?”

กู้โม่หานเอามือลงข้างล่างเงียบๆ แล้วหยิกต้นขาของหนานหว่านเยียนแบบแนบเนียนทีหนึ่ง

“อ้า...อ้อ ข้าลืมไปว่าท่านกินเผ็ดไม่ได้!” หนานหว่านเยียนสูดลมเย็น มองผู้ชายที่หยิกนางด้วยสายตาที่ราวกับจะฆ่าคน

ทั้งสองสนทนากันแบบถามคำตอบคำ ราวกับเป็นการสนทนาตามปกติฉันสามีภรรยา แต่หนานอี่ว์กับอี๋เหนียงสามโกรธจนจะเป็นลมไปแล้ว!

หนานอี่ว์มองหนานหว่านเยียนและกู้โม่หานหยิกหยอกกัน แทบอยากเอาเหล้าตรงหน้าสาดใส่ศีรษะของอีกฝ่าย

นังแพศยานั่นก็คู่ควรพูดคุยจ๊ะจ๋ากับอ๋องอี้หรือ!

ส่วนอี๋เหนียงสามกลับเห็นหนานฉีซานนุ่มนวลกับฮูหยินอย่างไม่สิ้นสุด แต่ไม่มองนางตรงๆ สักสายตา จึงเคี้ยวอาหารในปากราวกับกำลังเคี้ยวขี้ผึ้งอย่างไม่ยินยอม

แต่แล้วจู่ๆ สองแม่ลูกก็วางตะเกียบในมือ สี่สายตาสอดประสาน

หนานอี่ว์พลันเข้าใจ ยกจอกเหล้าที่อยู่ตรงหน้านางกับอี๋เหนียงสาม แล้วลุกขึ้นยืนอย่างแช่มช้อย เอ่ยกับกู้โม่หาน “อ๋องอี้ ท่านคือสามีของพระชายา ตามหลักแล้ว ก็คือพี่เขยของหม่อมฉัน เหล้าจอกนี้ หม่อมฉันของคารวะพี่เขย”

นางค้อมเอวแบบเกินพอดี เผยเนินเขาลูกโต ยิ้มบริสุทธิ์ไม่มีพิษไม่มีภัย

หนานหว่านเยียนดวงตาอิ่มเอม แล้วกวาดมองของเหลวที่อยู่ในจอกเหล้าของหนานอี่ว์ นางเป็นหมอนะ เหล้าที่วางยาจอกนั้นหรือจะรอดพ้นเนตรอัคคีของนางไปได้

เฮอะ สองแม่ลูกนี่อยู่เฉยไม่ได้เลย คิดจะทำอะไรอีก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้