ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 881

อันอันกับน่าวน่าวเห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนุกจึงเข้ามาผสมโรงด้วย โดยดีดดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมแขนของโม่เหยียน พูดด้วยน้ำเสียงแง่งอนว่า “คุณชายโม่เหยียน! ร้องเพลงให้พวกข้าฟังสักสองสามบทเพลงเถอะ!”

“ใช่แล้ว คุณชายโม่เหยียน พวกข้าอยากฟัง”

โม่เหยียนจ้องมองไปที่เด็กหญิงตัวน้อยทั้งสอยโดยไม่กระพริบตาอยู่ชั่วขณะ จากในดวงตาของพวกนางทั้งสอง เขามองออกถึงอารมณ์มากมายที่ผสมปนเปกันไปหมด

มีความโกรธ มีความสงสัย

เขาก็พลันรู้สึกจุกอยู่ในอก พื้นที่ตรงหว่างคิ้วล้วนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทว่าในเวลาเดียวกันนั้นในแววตาของเขาก็มีความปลาบปลื้มอยู่เล็กน้อย

ซาลาเปาน้อยนั้นจิตใจอ่อนโยน แม้ในยามปกตินั้นไม่ชอบสนทนาปราศรัยเท่าไหร่นัก ทว่าในวันนี้ก็นับได้ว่าเติบใหญ่แล้ว มีความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหา ทั้งยังกล้าสักถามในสิ่งที่สงสัย

“ในเมื่อพวกซื่อจือและจวิ้นจู่ล้วนออกปาก เช่นนั้นโม่เหยียนย่อมจะทำตามที่พวกท่านต้องการ”

หัวคิ้วของเกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยขมวดแน่น โม่เหยียนค่อยค่อยเปิดปาก ท่วงทำนองที่ลื่นไหลก็ดังขึ้น ไม่ถึงขนาดกับเป็นธรรมชาติ ทว่าทุกคำทุกประโยคล้วนถูกปรับให้สมบูรณ์แบบ ต่างจากคนผู้นั้นที่อยู่ในความทรงจำของพวกนางอย่างสิ้นเชิง

ซาลาเปาน้อยก็พลันผิดหวังเล็กน้อยนางก้มศีรษะลงอย่างหมดกำลังใจ เกี๊ยวน้อยก็ลูบแผ่นหลังของนางเพื่อแสดงออกถึงการปลอบโยน

พวกนางไม่ได้สังเกตว่า ถึงแม้โม่เหยียนจะไม่ได้เปลี่ยนสีหน้า ทว่าในยามที่ร้องเพลงนั้นเขาก็ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ทำให้เสียงของตนนั้นสั่น เขาออกแรงที่มือทั้งสองข้างอย่างหนัก

ดวงตาเรียวยาวสีเข้มคู่นั้น ไม่ได้ละสายตาจากพวกนางสองพี่น้องเลยแม้เพียงเสี้ยววินาที ลึกลงไปในสายตาของเขานั้นมีความเสียใจและตำหนิตัวเองอย่างมากซ่อนอยู่

เขาร้องเพลงไม่เพราะจริงๆ เพื่อพวกนางแล้ว เขาเคยฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลานาน บทเพลงนี้ก็ทำให้เขาเสียเวลาอย่างไร้ประโยชน์เป็นเวลานาน...

อันอันกับน่าวน่าวไหนเลยจะสามารถชื่นชมว่าร้องเพลงได้ไพเราะหรือไม่ โม่เหยียนสามารถเปล่งเสียงได้ เช่นนั้นก็ไพเราะแล้ว!

พี่ชายน้องชายทั้งสองนอนคว่ำซบอยู่ในอ้อมแขนของโม่เหยียนอย่างมีความสุข น่าวน่าวก็เปิดปากโห่ร้องออกมาว่า ”เพราะมากๆ คุณชายโม่เหยียนร้องอีกเพลงได้หรือไม่?”

อันอันก็ผงกหัวเช่นกัน “ใช่ใช่ จริงด้วย ไพเราะมาก!”

โม่เหยียนหัวเราะเบาๆ ทว่าไม่ได้ตอบกลับ แต่หันไปหาซาลาเปาน้อย “จวิ้นจู่คิดว่าเป็นเช่นไรหรือ?”

ซาลาเปาน้อยกัดริมฝีปากแล้วจ้องโม่เหยียน ไม่สามรถที่จะบอกได้ว่าภายในใจนั้นรู้สึกอย่างไร

“อืม ดูเหมือนว่าคุณชายโม่เหยียนจะเก่งกาจกว่าบิดาของข้าอยู่เล็กน้อย”

โม่เหยียนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบศีรษะของซาลาเปาน้อยด้วยความรักและสงสาร “เวลาไม่เช้าแล้ว กลับไปพักผ่อนให้เร็วขึ้นเสียหน่อยเถอะ”

ความรู้สึกที่คุ้นเคยเช่นนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ในใจของซาลาเปาน้อยสั่นไหวอย่างรุนแรง

ทั้งร่างของนางนั้นแข็งเกร็งเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองโม่เหยียน ในใจเกิดความสงสัยมากยิ่งขึ้น

ในชีวิตของนางไม่เคยลืมสัมผัสและอุณหภูมิเช่นนี้ ยิ่งไม่ผิดแน่ แค่ว่าทำไม...

เกี๊ยวน้อยดึงน้องสาวเบาๆ ก่อนที่จะดึงความคิดของซาลาเปาน้อยกลับมา พี่สาวน้องสาวทั้งสองคนตามโม่เหยียนให้ทันอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังตำหนักจานกุ้ย

เมื่อมาถึงประตูหน้าห้องบรรทม อันอันกับน่าวน่าวดื้อแพ่งไม่ยอมลงจากตัวของโม่เหยียน จนกระทั่งเกี๊ยวน้อยแสร้งทำเป็นโกรธ น้องชายทั้งสองจึงยอมลงมาอย่างเชื่อฟัง เดินตามเกี๊ยวน้อยเข้าไปในห้องบรรทมอย่างไม่เต็มใจ

ก่อนที่จะปิดประตู น่าวน่าวไม่ลืมที่จะกำชับไว้ประโยคหนึ่งว่า “คุณชายโม่เหยียน! พรุ่งนี้ท่านยังต้องมารับพวกข้านะ!”

“ตกลง” โม่เหยียนตอบกลับ จากนั้นดวงตาของเขาก็จับจ้องซาลาเปาน้อยที่ถูกลืมทิ้งไว้ข้างหลัง

ซาลาเปาน้อยยิ้มให้โม่เหยียน “ถึงห้องบรรทมแล้ว คุณชายโม่เหยียนรีบกลับไปเร็วหน่อยเถอะ วันนี้ขอบคุณท่านมาก”

“ข้ากับพี่สาวสามารถเกลี้ยกล่อมน้องชายทั้งสองได้ คุณชายโม่เหยียนไม่จำเป็นต้องกังวล”

โม่เหยียนขมวดคิ้วนิดๆ แต่ก็ยังคงประสานมือคำนับนาง “พ่ะย่ะค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้