ได้ยินคำพูดแล้ว โม่เหยียนรู้สึกทั้งตื่นเต้นประหลาดใจและปิติยินดี เขาก็มองไปทางเกี๊ยวน้อยย่างไม่มีพิรุธใดๆ เห็นเกี๊ยวน้อยก็กำลังยืดคอชะโงกหน้ามองมาทางเขาด้านนี้เช่นกัน คล้ายดั่งต้องการทราบอย่างยิ่งว่าทหารองครักษ์สองคนนี้กำลังแอบคุยอะไรกัน
“ขอบคุณมาก” เขารับผลไม้เอาไว้อย่างปิติยินดีมีความสุขยิ่งนัก จัดการเช็ดพวกมันอย่างระมัดระวังแล้วเอาเข้าใส่ปาก “บอกจวิ้นจู่ด้วยว่า รสชาติช่างหวานอย่างยิ่ง”
ทหารองครักษ์ทั้งสองรู้สึกโล่งอกเหมือนเช่นวางภาระหนักลงก็ปาน วิ่งหวนกลับไปที่เกี๊ยวน้อยด้านนั้นรายงานตามคำสั่งแล้ว
ได้ยินคำตอบกลับมา เกี๊ยวน้อยจึงได้กระทืบเท้าใส่ก้อนหินที่อยู่บนพื้น ลากตัวเฟิงยางมุ่งหน้าไปทางรถม้าแล้ว
อันอันมองดูพี่สาวแล้วคราหนึ่ง น่าวน่าวขมวดคิ้วด้วยความสับสนงวยงง “พี่หญิงใหญ่ก็ช่างแปลกประหลาดจริงๆ เลยฮะ ต้องทำให้วุ่นวายยุ่งยากมากขนาดนี้ ทำไมเหรอฮะ?”
ซาลาเปาน้อยยิ้มแย้มด้วยความโล่งอก หนานหว่านเยียนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างเล็กน้อย
แต่ขณะนี้ทั้งมารดาและบุตรสาวสองคนต่างล้วนมีความคิดเหมือนกันว่า คาดว่าสืบเนื่องเพราะการลอบสังหารในครั้งนี้นั่นเอง ดังนั้นเกี๊ยวน้อยจึงมีมุมมองความคิดต่อโม่เหยียนที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
หนานหว่านเยียนคิดๆ ดูแล้ว เช่นนี้ก็ประเสริฐอย่างยิ่งเช่นกัน กล่าวถึงที่สุดแล้วต่อไปโม่เหยียนจะต้องรั้งอยู่เพื่อช่วยกระทำเรื่องราวให้นางอย่างยาวนาน หากพวกลูกๆ ไม่ค่อยชื่นชอบเขานักแล้วละก็ จะต้องมีปัญหาความยุ่งยากอยู่บ้าง
หลังจากนั้นไม่นาน หยุนเหิงก็กลับมาแล้ว เฟิงยางพบเห็นก่อนเป็นคนแรกสุด สีหน้าท่าทางเดิมซึ่งเย็นชาก็กลายเป็นรอยยิ้มอันอบอุ่นในทันใด รีบพูดกับหนานหว่านเยียนและคนอื่นๆ ว่า “องค์หญิง แม่ทัพหยุนกลับมาแล้วเพคะ!”
หยุนเหิงที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางปกคลุมด้วยฝุ่นรีบเร่งหยุดรถม้าลง เมื่อเห็นโม่เหยียนที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนปลอดภัยไม่เป็นอะไรมากแล้ว จึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกคำหนึ่ง ช่างโชคดีอย่างยิ่งแล้ว เขาปลอดภัยไร้เรื่องราวใดก็คือเรื่องที่ช่างประเสริฐเทียมฟ้าเลยทีเดียว!
เขารีบหันไปทางหนานหว่านเยียนรายงานขึ้นว่า “องค์หญิง รถม้าล้วนเตรียมพร้อมเสร็จแล้ว สามารถเดินทางต่อไปได้แล้ว”
“ท่านและคุณชายโม่เหยียนยังคงอยู่ในรถม้าคอยดูแลจวิ้นจู่และซื่อือหลายคนเถอะ ข้างนอกก็มอบให้ข้าน้อยและเฟิงยางก็แล้วกัน”
เด็กน้อยทั้งสองวิ่งไปถึงรถม้าก่อน หัวเราะฮิฮะพูดขึ้นว่า “ขอบคุณท่านอาหยุนเหิงฮะ!”
เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยติดตามมาอย่างรวดเร็ว ประคองก้นของพวกน้องชายส่งพวกเขาขึ้นไปบนรถม้า พูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงว่า “ท่านอาหยุนเหิง จะต้องปกป้องคุ้มครองพี่สาวเฟิงยางให้ดีๆ ด้วยนะ!”
โม่เหยียนและหนานหว่านเยียนขึ้นรถหลังสุด โม่เหยียนมองดูหยุนเหิงแล้วคราหนึ่ง หยุนเหิงรีบพยักหน้าต่อเขาด้วยความเคารพทันที
หยุนเหิงมอบเชือกจูงม้าให้แก่สารถี กำลังเตรียมมองหาม้าอยู่นั้น ก็เห็นเฟิงยางเดินหลบตามองพื้นนำม้าสองตัวเดินมาหาเขา
แมว่าจะปิดบังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง แต่ดวงตาของนางยังคงกระจ่างเป็นประกายสดใส กอปรด้วยสำนึกเย็นชาอันทระนงองอาจท่ามกลางสายและหิมะ
นางเอ่ยปากพูดอย่างช้าๆ น้ำเสียงคล้ายดั่งนุ่มนวลอ่อนโยนลงบ้างแล้ว “ข้าช่วยจูงม้ามาให้ท่าน”
เฟิงยางส่งเชือกมอบให้แก่หยุนเหิง กลับคิดมิถึงว่ายังมิทันได้ดึงมือกลับมา ก็ถูกฝ่ามือขนาดใหญ่และหนาของหยุนเหิงกุมเอาไว้แล้ว “นั่นจะใช้ได้อย่างไร ให้ข้ามาทำเอง”
ฝ่ามือของเขาแตกต่างจากตอนที่ออกเดินทางแล้ว กอปรด้วยหยาดเหงื่อที่เปียกชื้นอยู่บ้าง เฟิงยางกลับหาได้รังเกียจความรู้สึกชนิดนี้ไม่ ตลอดจนหัวใจก็ยังสั่นอยู่บ้างเล็กน้อยด้วยซ้ำ
นางตอบอืมแล้วคำหนึ่ง คิดต้องการดึงมือกลับด้วยความตื่นตระหนก กลับถูกหยุนเหิงคว้าเอาไว้ “ท่านอย่าได้ขยับ!”
ครู่เดียวต่อมา ใบหน้าของหยุนเหิงก็แทบจะชิดเบื้องหน้าใบหน้านาง และขมวดคิ้วพิจารณามองดูอย่างละเอียดพิถีพิถัน ไม่รู้ว่ากำลังดูสิ่งใด
นึกถึงอะไรบางอย่างบนใบหน้าของตนแล้ว เฟิงยางก้มศีรษะลงทันทีด้วยความตื่นตระหนก “ท่านจะทำอะไร?”
หยุนเหิงกลับยื่นมือไปเชยคางล่างของเฟิงยางเอาไว้ พลางกระพริบตาอย่างสัตย์ซื่อจริงใจเอ่ยปากพูดว่า “มีบางอย่างอยู่บนขนตาของเจ้า ข้าจะช่วยหยิบออกให้เจ้า อย่าได้ขยับเขยื้อนเชียวล่ะ”
ได้ยินเช่นนั้น เฟิงยางจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาอยู่บ้าง ยืนแข็งทื่ออยู่ในที่เดิมไม่รู้จะทำเช่นใดดี
หัวใจของนางเต้นเร็วอย่างยิ่ง ใบหูก็ยังแดงก่ำจนร้อนวูบวาบขึ้นมาแล้ว รู้สึกได้ว่าปลายนิ้วของหยุนเหิงกำลังสัมผัสกับขนตานางอย่างระมัดระวัง นางรู้สึกตื่นตระหนกสับสนจนพูดไม่ออกบรรยายมิถูก
ทั้งที่เป็นระยะเวลาเพียงสั้นๆ เฟิงยางกลับรู้สึกเนิ่นนานผ่านวันเวลาเหมือนดั่งเป็นแรมปี
ในที่สุดหยุนเหิงก็ถอยหลังครึ่งก้าว ในมือเขาถือขนยาวเส้นหนึ่งแสดงให้เฟิงยางเห็น “เจ้าดูสิ!”
เฟิงยางมิสามารถทนทานความใกล้ชิดสนิทสนมเช่นนี้ได้จริงๆ นางสะบัดมือของหยุนเหิงออกอย่างรวดเร็วด้วยความขวยเขินสีหน้าแดงก่ำ แล้วขึ้นหลังม้าสะบัดแส้ควบม้าทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
หยุนเหิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว รีบควบอาชาทะยานติดตามไปด้วยพร้อมกับตะโกนว่า “เฮ้ เฟิงยาง! เฟิงยางเจ้าไฉนจึงวิ่งไปแล้วล่ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...