ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 898

หรือว่าตลอดระยะเวลาสองปีมานี้  หนานหว่านเยียนล้วนซ้อนเร้นงำประกายตลอดมา  วันนี้ปฏิบัติการรวดเร็วเหมือนอสนีบาตสายฟ้าและเคลื่อนไหวดั่งสายลม  เข่นฆ่าสังหารสุดแสนรวดเร็วฉับไวและเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด  ยังวิเคราะห์แยกแยะจิตใจผู้คนลึกซึ้งถึงเพียงนี้  นางเองก็ยังอดที่จะตื่นตระหนกลนลานขึ้นมาไม่ได้

และมิอาจหลีกเลี่ยงสายตาที่เต็มเปี่ยมด้วยเจตนาฆ่าเช่นนั้นของหนานหว่านเยียนได้  เป็นครั้งแรกที่ลู่เจียวเจียวรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้วเช่นกัน  ครั้งนี้คาดว่านางคงทำให้หนานหว่านเยียนบันดาลโทสะแล้วจริงๆ……

แต่หากต้องการตรวจสอบว่าใครอยู่เบื้องหลังนางจากตัวนางนั้น  มิสามารถตรวจสอบพบได้อย่างเด็ดขาด  เนื่องเพราะนางเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าคนผู้นั้นคือใคร

ในระหว่างช่วงเวลานี้นางทั้งคัดลอกหนังสือและถูกกักบริเวณ ได้ยินมาว่าเสด็จย่าทรงขอไมตรีแทนนาง  ก็ยังถูกหนานหว่านเยียนสั่งสอนไปแล้วรอบหนึ่ง  นางย่อมโกรธเคืองมิสามารถระบายออก  และยามราตรีในค่ำคืนวันนั้นเองนางก็ได้รับจดหมายลึกลับฉบับหนึ่ง

ในจดหมายฉบับนั้น  ระบุเวลาที่หนานหว่านเยียนออกเดินทาง  ตำแหน่งสถานที่  ยังมีกองกำลังคนที่นำไปด้วยอย่างกระจ่างละเอียดชัดเจน  เดิมนางเพียงแค่เตรียมพร้อมไว้แล้ว  แต่ก็ยังพอจะมีเหตุผล็อยู่บ้างส่วนหนึ่ง  สุดท้ายจึงหาได้ลงมือไม่  ทว่าวันรุ่งขึ้นถัดมานางก็ได้ข่าวว่าผู้คนตลอดทั่วทั้งตระกูลของนางล้วนหัวล้านจนหมดสิ้นแล้ว  นี่จะต้องเป็นฝีมือของหนานหว่านเยียนอย่างแน่นอน  นางบันดาลโทสะขึ้นมาทันที  ด้วยอารมณ์ชั่ววูบนางจึงสั่งการให้คนลงมือแล้ว!

เดิมนางคิดจะให้บทเรียนสั่งสอนหนานหว่านเยียนสักครา  หากทำการสำเร็จย่อมเป็นเรื่องที่ดี  สามารถลดทอนสภาวะห้าวหาญความแหลมคมของหนานหว่านเยียนได้เป็นอย่างดี

ต่อให้ล้มเหลว  ถึงอย่างไรจะดีหรือชั่วนางก็เป็นองค์หญิงที่เสด็จแม่เลี้ยงดูจนเติบโตมากับมือพระองค์เอง  หนานหว่านเยียนย่อมไม่สามารถทำอย่างใดกับนางได้จริงๆ

ใครจะไปทราบว่า  หนานหว่านเยียนกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างคาดมิถึง  นางกลับเป็นฝ่ายถูกหนานหว่านเยียนสั่งสอนอย่างรุนแรงดุดันเข้าให้แล้ว!

เห็นสีหน้าลู่เจียวเจียวแปรเปลี่ยนไปมา  โม่เหยียนอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้  “ยังไม่พูดอีก!”

ลู่เจียวเจียวกัดฟันกรอด  ถลึงตามองโม่เหยียนอย่างดุร้ายคราหนึ่ง  และถลึงตามองหนานหว่านเยียนที่กำลังจ้องมองอย่างคุกคามเอาเรื่องอีกครา  รู้สึกสุดแสนขุ่นข้องโกรธเคือง

“อันใดเรียกว่าข้าขี้ขลาดมิมีกำลังขวัญเช่นนี้?  ข้าก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเจ้าพูดถึงคนที่อยู่เบื้องหลังอันใดนั้น  ข้าก็จะให้เจ้าอยู่อย่างไม่เป็นสุขเช่นนี้แหละ!  ถ้าเจ้าแน่จริงก็จัดการกับข้าได้เลย  อย่าได้พูดว่ามีหรือไม่มีแล้ว!”

นางมิอาจยอมรับ  ยิ่งมิอาจให้ทุกคนทราบกันโดยถ้วนหน้าว่า  ตนเองถูกผู้อื่นหลอกใช้เป็นเครื่องมือแล้ว  ในฐานะเป็นองค์หญิงของแคว้นต้าเซี่ย  เกียรติยศหน้าตาความภาคภูมิใจในตัวเองล้วนสำคัญที่สุด  หากยอมรับสารภาพแล้ว  เกรงว่ามันจะกลายเป็นเรื่องตลกไปอีกนานแสนนานเลยทีเดียว!

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว  แต่นางไม่ต้องการชะงักงันอยู่เช่นนี้สืบไป  ช่างทำให้เสียเวลาจริงๆ จึงสั่งขึ้นอย่างเย็นชาว่า  “จงควบคุมตัวนางกักขังเอาไว้ภายในตำหนักสีเยว่  แล้วคอยเฝ้าปรนนิบัตินาง ‘เป็นอย่างดี’ ด้วย!”

นางพูดพลางหันไปมองทางลู่เจียวเจียว  “ลู่เจียวเจียว  ยอมรับสารภาพเจ้าถึงจะได้รับการผ่อนผัน  ต่อต้านขัดขืนจะได้รับการลงทัณฑ์อย่างเข้มงวดกวดขัน  อย่าได้โทษว่าข้าไม่เคยตักเตือนเจ้าก็แล้วกัน”

ทันทีที่ลู่เจียวเจียวได้ยินว่าหนานหว่านเยียนจะกักขังนางขึ้นมา  ก็รู้สึกตื่นตระหนกแล้วทันที  “หนานหว่านเยียน  เจ้าอาศัยอะไรมากักขังข้า?”

“ถึงอย่างไรจะดีหรือชั่วข้าก็เป็นองค์หญิงผู้หนึ่งเช่นกัน  ศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันเช่นเดียวกับเจ้า  เจ้าอาศัยอะไรมากักขังข้าไว้ภายในตำหนักของเจ้า  ถ้าเจ้าจัดการลงทัณฑ์ข้าตามอำเภอใจเอง  ข้า...เสด็จแม่จะไม่ปล่อยปละละเว้นเจ้าแน่นอน!”

หยุนเหิงรู้สึกว่านางช่างเสียงดังหนวกหูแทบตายแล้ว  เขายัดเศษผ้าขี้ริ้วอุดปากนางไว้แล้วด้วยสีหน้าท่าทางเคียดแค้นรังเกียจเดียดฉันท์  นำตัวนางจากในมือของโม่เหยียนมาควบคุมตัวไว้

“องค์หญิงหงเหมิง  ศักดิ์ฐานะของเจ้ากับองค์หญิงหมิงหวงนั้นแตกต่างกัน  องค์หญิงหมิงหวงคือทายาทของประมุขเจ้าครองแคว้น  เจ้าเป็นองค์หญิงผู้หนึ่งเท่านั้น  นอกจากนี้เจ้ายังคิดชั่ววางแผนทำร้ายต่อทายาทของประมุขเจ้าครองแคว้น โทษฐานความผิดนี้เทียบเท่ากับสังหารประมุขเจ้าครองแคว้นเลยทีเดียว  การลงโทษสถานเบาคือเจ้าตายคนเดียว  การลงทัณฑ์สถานหนักที่สุดคือคนทั้งตระกูลของเจ้าตายหมดสิ้นไปพร้อมกับเจ้า  เจ้ายังคงพูดจาให้น้อยลงหน่อยเถอะ!”

ลู่เจียวเจียวระเบิดโทสะจนปอดแทบพังแล้ว  สะอึกสะอื้นพลางต้องการก่นด่าหยุนเหิงให้มอดม้วย

หนานหว่านเยียนโบกๆ มือ  หยุนเหิงจึงควบคุมตัวลู่เจียวเจียวไว้แล้วออกไปจากจวนองค์หญิงก่อนก้าวหนึ่ง

หนานหว่านเยียนให้บรรดาทหารชั้นยอดควบคุมคนที่เหลือของจวนองค์หญิง  ทั้งหมดล้วนถูกกักขังไว้อยู่ภายในจวน ไม่อนุญาตให้รุดไปสถานที่ใดทั้งสิ้น  หลังจากนั้นจึงได้ขึ้นรถม้าพร้อมกับโม่เหยียน  แล้วเดินทางจากไป

ตลอดเส้นทาง  ทั้งสองล้วนเงียบขรึมมิพูดจา

โม่เหยียนจ้องมองดูใบหน้างดงามของหนานหว่านเยียน  ริมฝีปากบางเม้มกลายเป็นเส้นตรงเส้นหนึ่ง  ในดวงตากลับแฝงเร้นไว้ด้วยอารมณ์ที่บอกบรรยายมิถูกอยู่หลายส่วน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้