หรือว่าตลอดระยะเวลาสองปีมานี้ หนานหว่านเยียนล้วนซ้อนเร้นงำประกายตลอดมา วันนี้ปฏิบัติการรวดเร็วเหมือนอสนีบาตสายฟ้าและเคลื่อนไหวดั่งสายลม เข่นฆ่าสังหารสุดแสนรวดเร็วฉับไวและเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด ยังวิเคราะห์แยกแยะจิตใจผู้คนลึกซึ้งถึงเพียงนี้ นางเองก็ยังอดที่จะตื่นตระหนกลนลานขึ้นมาไม่ได้
และมิอาจหลีกเลี่ยงสายตาที่เต็มเปี่ยมด้วยเจตนาฆ่าเช่นนั้นของหนานหว่านเยียนได้ เป็นครั้งแรกที่ลู่เจียวเจียวรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้วเช่นกัน ครั้งนี้คาดว่านางคงทำให้หนานหว่านเยียนบันดาลโทสะแล้วจริงๆ……
แต่หากต้องการตรวจสอบว่าใครอยู่เบื้องหลังนางจากตัวนางนั้น มิสามารถตรวจสอบพบได้อย่างเด็ดขาด เนื่องเพราะนางเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าคนผู้นั้นคือใคร
ในระหว่างช่วงเวลานี้นางทั้งคัดลอกหนังสือและถูกกักบริเวณ ได้ยินมาว่าเสด็จย่าทรงขอไมตรีแทนนาง ก็ยังถูกหนานหว่านเยียนสั่งสอนไปแล้วรอบหนึ่ง นางย่อมโกรธเคืองมิสามารถระบายออก และยามราตรีในค่ำคืนวันนั้นเองนางก็ได้รับจดหมายลึกลับฉบับหนึ่ง
ในจดหมายฉบับนั้น ระบุเวลาที่หนานหว่านเยียนออกเดินทาง ตำแหน่งสถานที่ ยังมีกองกำลังคนที่นำไปด้วยอย่างกระจ่างละเอียดชัดเจน เดิมนางเพียงแค่เตรียมพร้อมไว้แล้ว แต่ก็ยังพอจะมีเหตุผล็อยู่บ้างส่วนหนึ่ง สุดท้ายจึงหาได้ลงมือไม่ ทว่าวันรุ่งขึ้นถัดมานางก็ได้ข่าวว่าผู้คนตลอดทั่วทั้งตระกูลของนางล้วนหัวล้านจนหมดสิ้นแล้ว นี่จะต้องเป็นฝีมือของหนานหว่านเยียนอย่างแน่นอน นางบันดาลโทสะขึ้นมาทันที ด้วยอารมณ์ชั่ววูบนางจึงสั่งการให้คนลงมือแล้ว!
เดิมนางคิดจะให้บทเรียนสั่งสอนหนานหว่านเยียนสักครา หากทำการสำเร็จย่อมเป็นเรื่องที่ดี สามารถลดทอนสภาวะห้าวหาญความแหลมคมของหนานหว่านเยียนได้เป็นอย่างดี
ต่อให้ล้มเหลว ถึงอย่างไรจะดีหรือชั่วนางก็เป็นองค์หญิงที่เสด็จแม่เลี้ยงดูจนเติบโตมากับมือพระองค์เอง หนานหว่านเยียนย่อมไม่สามารถทำอย่างใดกับนางได้จริงๆ
ใครจะไปทราบว่า หนานหว่านเยียนกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างคาดมิถึง นางกลับเป็นฝ่ายถูกหนานหว่านเยียนสั่งสอนอย่างรุนแรงดุดันเข้าให้แล้ว!
เห็นสีหน้าลู่เจียวเจียวแปรเปลี่ยนไปมา โม่เหยียนอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ “ยังไม่พูดอีก!”
ลู่เจียวเจียวกัดฟันกรอด ถลึงตามองโม่เหยียนอย่างดุร้ายคราหนึ่ง และถลึงตามองหนานหว่านเยียนที่กำลังจ้องมองอย่างคุกคามเอาเรื่องอีกครา รู้สึกสุดแสนขุ่นข้องโกรธเคือง
“อันใดเรียกว่าข้าขี้ขลาดมิมีกำลังขวัญเช่นนี้? ข้าก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเจ้าพูดถึงคนที่อยู่เบื้องหลังอันใดนั้น ข้าก็จะให้เจ้าอยู่อย่างไม่เป็นสุขเช่นนี้แหละ! ถ้าเจ้าแน่จริงก็จัดการกับข้าได้เลย อย่าได้พูดว่ามีหรือไม่มีแล้ว!”
นางมิอาจยอมรับ ยิ่งมิอาจให้ทุกคนทราบกันโดยถ้วนหน้าว่า ตนเองถูกผู้อื่นหลอกใช้เป็นเครื่องมือแล้ว ในฐานะเป็นองค์หญิงของแคว้นต้าเซี่ย เกียรติยศหน้าตาความภาคภูมิใจในตัวเองล้วนสำคัญที่สุด หากยอมรับสารภาพแล้ว เกรงว่ามันจะกลายเป็นเรื่องตลกไปอีกนานแสนนานเลยทีเดียว!
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว แต่นางไม่ต้องการชะงักงันอยู่เช่นนี้สืบไป ช่างทำให้เสียเวลาจริงๆ จึงสั่งขึ้นอย่างเย็นชาว่า “จงควบคุมตัวนางกักขังเอาไว้ภายในตำหนักสีเยว่ แล้วคอยเฝ้าปรนนิบัตินาง ‘เป็นอย่างดี’ ด้วย!”
นางพูดพลางหันไปมองทางลู่เจียวเจียว “ลู่เจียวเจียว ยอมรับสารภาพเจ้าถึงจะได้รับการผ่อนผัน ต่อต้านขัดขืนจะได้รับการลงทัณฑ์อย่างเข้มงวดกวดขัน อย่าได้โทษว่าข้าไม่เคยตักเตือนเจ้าก็แล้วกัน”
ทันทีที่ลู่เจียวเจียวได้ยินว่าหนานหว่านเยียนจะกักขังนางขึ้นมา ก็รู้สึกตื่นตระหนกแล้วทันที “หนานหว่านเยียน เจ้าอาศัยอะไรมากักขังข้า?”
“ถึงอย่างไรจะดีหรือชั่วข้าก็เป็นองค์หญิงผู้หนึ่งเช่นกัน ศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันเช่นเดียวกับเจ้า เจ้าอาศัยอะไรมากักขังข้าไว้ภายในตำหนักของเจ้า ถ้าเจ้าจัดการลงทัณฑ์ข้าตามอำเภอใจเอง ข้า...เสด็จแม่จะไม่ปล่อยปละละเว้นเจ้าแน่นอน!”
หยุนเหิงรู้สึกว่านางช่างเสียงดังหนวกหูแทบตายแล้ว เขายัดเศษผ้าขี้ริ้วอุดปากนางไว้แล้วด้วยสีหน้าท่าทางเคียดแค้นรังเกียจเดียดฉันท์ นำตัวนางจากในมือของโม่เหยียนมาควบคุมตัวไว้
“องค์หญิงหงเหมิง ศักดิ์ฐานะของเจ้ากับองค์หญิงหมิงหวงนั้นแตกต่างกัน องค์หญิงหมิงหวงคือทายาทของประมุขเจ้าครองแคว้น เจ้าเป็นองค์หญิงผู้หนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้เจ้ายังคิดชั่ววางแผนทำร้ายต่อทายาทของประมุขเจ้าครองแคว้น โทษฐานความผิดนี้เทียบเท่ากับสังหารประมุขเจ้าครองแคว้นเลยทีเดียว การลงโทษสถานเบาคือเจ้าตายคนเดียว การลงทัณฑ์สถานหนักที่สุดคือคนทั้งตระกูลของเจ้าตายหมดสิ้นไปพร้อมกับเจ้า เจ้ายังคงพูดจาให้น้อยลงหน่อยเถอะ!”
ลู่เจียวเจียวระเบิดโทสะจนปอดแทบพังแล้ว สะอึกสะอื้นพลางต้องการก่นด่าหยุนเหิงให้มอดม้วย
หนานหว่านเยียนโบกๆ มือ หยุนเหิงจึงควบคุมตัวลู่เจียวเจียวไว้แล้วออกไปจากจวนองค์หญิงก่อนก้าวหนึ่ง
หนานหว่านเยียนให้บรรดาทหารชั้นยอดควบคุมคนที่เหลือของจวนองค์หญิง ทั้งหมดล้วนถูกกักขังไว้อยู่ภายในจวน ไม่อนุญาตให้รุดไปสถานที่ใดทั้งสิ้น หลังจากนั้นจึงได้ขึ้นรถม้าพร้อมกับโม่เหยียน แล้วเดินทางจากไป
ตลอดเส้นทาง ทั้งสองล้วนเงียบขรึมมิพูดจา
โม่เหยียนจ้องมองดูใบหน้างดงามของหนานหว่านเยียน ริมฝีปากบางเม้มกลายเป็นเส้นตรงเส้นหนึ่ง ในดวงตากลับแฝงเร้นไว้ด้วยอารมณ์ที่บอกบรรยายมิถูกอยู่หลายส่วน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...