ในจดหมายได้เขียนถึงเวลากำหนดการเดินทางของหนานหว่านเยียนวันนี้ไว้แล้วอย่างละเอียด เส้นทางการเดินทาง ตลอดจนทหารองรักษ์ที่ติดตาม เพียงแค่ตกหล่นคนที่ลู่ยวนหลีส่งมาก่อนออกเดินทางในตอนเช้าเท่านั้น
สีหน้าของโม่เหยียนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นดูยากเย็นชาเขียวคล้ำทะมึน มือที่กำจดหมายกระดาษแน่นก็ออกแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ขยำจดหมายกระดาษสีเหลืองจนยับยู่ยี่
ลายมืออันแปลกประหลาดนี้ทำให้เขามองไม่สามารถมองดูเบาะแสออกแม้แต่น้อยนิด แต่เห็นได้ชัดว่ามีคนตั้งใจแกล้งจัดทำขึ้นมา
ไม่ทราบเพราะเหตุใด พลันในใจเขาก็นึกถึงกาวม่านหย่วนขึ้นมาแล้วทันใด
โม่เหยียนเก็บจดหมายขึ้นมา มองไปทางหยุนเหิงอย่างเคร่งขรึมเย็นชา “ข้าทราบแล้ว เกี่ยวกับเรื่องนี้เจ้าอย่าได้แพร่งพรายออกไป หลังจากกลับไปแล้ว จงส่งคนไปคอยเฝ้าจับตาดูจวนองค์หญิงอย่างใกล้ชิดต่อไป อย่าลืมส่งกำลังคนไปเพิ่มขึ้นรอบข้างหว่านเยียนและพวกเด็กๆ เพื่อปกป้องคุ้มครองพวกเขาให้ดีๆ”
“ขอรับ ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!” หยุนเหิงพยักหน้ารับคำสั่งอย่างเคร่งขรึมหนักแน่น หลังจากนั้นเอ่ยปากถามขึ้นว่า “ถ้าเช่นนั้นท่านในเวลานี้……”
ภายในดวงตาสวยงามเรียวยาวของโม่เหยียนเปล่งประกายวูบเล็กน้อย น้ำเสียงสงบราบเรียบไร้ระลอกใดๆ แม้แต่น้อย “ข้าจะรุดไปตำหนักสีเยว่สักครา”
แม้ว่าเขาจะถูกหนานหว่านเยียนไล่ให้กลับมาแล้ว ทว่าเรื่องนี้เขาจะต้องบอกให้นางทราบสักคำ
หยุนเหิงพยักหน้าเข้าใจ มองดูบาดแผลที่ต้นแขนซ้ายของโม่เหยียนคราหนึ่ง หลังจากนั้นหลบเลี่ยงสายตาผู้คน หันหลังกลับจากไปแล้ว
รอคอยจนกระทั่งเขาจากไปไกลหายลับสายตาแล้ว โม่เหยียนจึงหยิบจดหมายแล้วออกจากตำหนักพำนักของตน ก้าวเท้าเดินดุ่มมุ่งหน้ารุดไปยังทิศทางของตำหนักสีเยว่
นอกเรือนพำนัก ไม่รู้ว่าสายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาแล้วตั้งแต่เมื่อไร
สายฝนละเอียดหนาวเย็นเล็กน้อยที่โปรยปรายได้ชะล้างความร้อนอบอ้าวก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้นแล้ว นำมาซึ่งความสดชื่นสะดวกสบายอยู่มิน้อย อย่างไรก็ตามสภาพดินฟ้าอากาศที่แปรปรวนมิอาจหยั่งคาดเช่นนี้ กลับชักนำให้สมุฏฐานของโรคอาการเจ็บป่วยของหนานหว่านเยียนกำเริบขึ้นมาแล้ว ข้อเข่าทั้งสองข้างเจ็บปวดขึ้นมาจนไม่สามารถหยุดลงได้
ยามนี้หนานหว่านเยียนอยู่ภายในตำหนักสีเยว่ นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าแววตาเย็นชาทะมึนขุ่นข้องหงุดหงิด หน้านิ่วขมวดคิ้ว ดื่มสุราแก้วแล้วแก้วเล่าติดต่อกัน แต่ยกถ้วยสุราดื่มคลายทุกข์กลับทุกข์มากยิ่งขึ้น เรื่องราวต่างๆ แต่เก่าก่อนเมื่อครั้งอดีตปรากฏขึ้นวนเวียนอย่างซ้ำซากภายในห้วงคำนึง นางขุ่นข้องหดหู่อารมณ์หงุดหงิดไม่สิ้นสุด
ยามนี้เอง เสียงประตูตำหนักถูกคนเคาะก็ดังขึ้น น้ำเสียงทุ้มต่ำนุ่มนวลน่าฟังของโม่เหยียนดังแว่วมา “องค์หญิง ข้าน้อยมีเรื่องสำคัญขอเข้าพบ”
หนานหว่านเยียนเลิกคิ้วขึ้น วางแก้วสุราลงมองไปทางประตูเข้าอย่างเฉยชาพูดขึ้นว่า “เข้ามาเถอะ”
โม่เหยียนตอบรับคำผลักประตูเข้ามาในตำหนักบรรทม เมื่อเห็นใกล้มือของหนานหว่านเยียนวางไว้ด้วยถ้วยสุรา คิ้วอันหล่อเหลาคมคายก็ขมวดมุ่นขึ้นมาทันที
เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามขึ้น “ไฉนองค์หญิงจึงดื่มสุราขึ้นมาแล้ว?”
หนานหว่านเยียนเหลือบมองถ้วยสุราอย่างไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยนิดคราหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “มิมีอันใด โรคเก่ากำเริบแล้วเท่านั้นเอง เมื่อยามที่ดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลง ก็จะเจ็บปวดไปตลอดทั่วทั้งร่างกาย ดื่มสุราสักหน่อยสามารถบรรเทาได้อยู่บ้างเล็กน้อย”
“ข้ามิใช่ให้ท่านกลับไปพักผ่อนหรอกหรือ ตอนนี้มาหาข้าทำไมล่ะ?”
ส่วนลึกในดวงตาของโม่เหยียนเต็มเปี่ยมด้วยความทุกข์เจ็บปวดรวดร้าวใจ เขาสะกดข่มอดกลั้นไว้ ขมวดคิ้วหยิบจดหมายออกมาจากอกเสื้อยื่นมอบให้นาง
“เมื่อครู่นี้ภายในเรือนพำนักขององค์หญิงหงเหมิง แม่ทัพหยุนได้ค้นพบสิ่งนี้แล้ว”
“เขาทราบว่าท่านอารมณ์ไม่ดีนัก ไม่ต้องการรบกวนท่าน จึงได้มอบจดหมายไว้ให้ข้าน้อย องค์หญิงลองอ่านดูสิ”
หนานหว่านเยียนรับจดหมายมาพอเปิดอ่านดู บนใบหน้าที่สวยงามสดใสสง่างามก็เคร่งขรึมจริงจังขึ้นมาทันที อดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันว่า “ปรากฏว่าเป็นเช่นนี้จริงๆ”
มีผู้มากบารมีคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังของลู่เจียวเจียวจริงๆ การคาดเดาด้วยความสงสัยของนางมิได้ผิดพลาด และคนที่สามารถทำถึงจุดนี้ได้ ยามกะทันหันนางได้แต่นึกถึงกาวม่านหย่วนซึ่งตอนนี้ร่องรอยที่อยู่ยังไม่ทราบแน่ชัดขึ้นมา
ดูแล้ว มีความเป็นไปได้สูงอย่างยิ่งที่หยุนอี่ว์โหรวยังมีชีวิตอยู่ มิฉะนั้นแล้วพ่อบ้านกาวจะไม่กระทำเรื่องราวมากมายถึงขนาดนี้ จวบจนถึงวันนี้ก็ยังกำลังคิดจะจัดการนางกับบุตรหลายคนอย่างใด
นางขยำจดหมายกระดาษในมือแน่นอย่างรุนแรงดุดันจนกลายเป็นก้อนกลม แล้วซัดลงบนพื้น “คนเหล่านี้จ้องจะเล่นงานข้าแต่แรกเนิ่นนานแล้ว ไม่ว่าสำเร็จหรือว่าล้มเหลว ในอนาคตพวกเขาล้วนจะต้องมาสร้างปัญหาความยุ่งยากให้ข้าอีกไม่น้อย”
บนใบหน้าสวยงามปกคลุมไว้ด้วยความหนาวเหน็บบางๆ ชั้นหนึ่ง ภายในคิ้วที่กดต่ำลงของนางแฝงด้วยการเยาะเย้ยหยามหยัน
ตอนที่นางออกจากแคว้นซีเหย่นั้น กู้โม่หานยังสบถสาบานเป็นมั่นเป็นเหมาะอย่างเชื่อมั่นหนักแน่นว่าเขาจะสังหารหยุนอี่ว์โหรวอย่างแน่นอน คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายยังคงมิสามารถตัดใจ ยังคงไว้ชีวิตปล่อยดอกบัวขาวที่อาถรรพ์ชั่วร้ายโหดเหี้ยมอำมหิตนี้ไปแล้วโดยส่วนตัว ใช้วิธีการอันแยบยลหันเหความสนใจผู้คนด้วยกลอุบายแผนปิดบังฟ้าข้ามมหาสมุทรแล้วคราหนึ่ง
ความสัตย์ซื่อจริงใจของเขาต่อหน้านาง รู้สึกเสียใจสำนึกตน สำนึกผิดตำหนิตนเอง ทุกอย่างทั้งหมดล้วนแล้วแต่ช่างน่าตลกขบขันไร้สาระกระไรปานนั้น
สุดท้ายแล้วคำพูดเหล่านี้แค่ลองฟังๆ เอาไว้ก็พอ ถ้าคำพูดของบุรุษเพศสามารถเชื่อถือได้แล้วละก็ แม่สุกรก็ยังสามารถปีนขึ้นต้นไม้แล้วล่ะ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...