ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 899

ในจดหมายได้เขียนถึงเวลากำหนดการเดินทางของหนานหว่านเยียนวันนี้ไว้แล้วอย่างละเอียด  เส้นทางการเดินทาง  ตลอดจนทหารองรักษ์ที่ติดตาม  เพียงแค่ตกหล่นคนที่ลู่ยวนหลีส่งมาก่อนออกเดินทางในตอนเช้าเท่านั้น

สีหน้าของโม่เหยียนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นดูยากเย็นชาเขียวคล้ำทะมึน  มือที่กำจดหมายกระดาษแน่นก็ออกแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ขยำจดหมายกระดาษสีเหลืองจนยับยู่ยี่

ลายมืออันแปลกประหลาดนี้ทำให้เขามองไม่สามารถมองดูเบาะแสออกแม้แต่น้อยนิด  แต่เห็นได้ชัดว่ามีคนตั้งใจแกล้งจัดทำขึ้นมา

ไม่ทราบเพราะเหตุใด  พลันในใจเขาก็นึกถึงกาวม่านหย่วนขึ้นมาแล้วทันใด

โม่เหยียนเก็บจดหมายขึ้นมา  มองไปทางหยุนเหิงอย่างเคร่งขรึมเย็นชา  “ข้าทราบแล้ว  เกี่ยวกับเรื่องนี้เจ้าอย่าได้แพร่งพรายออกไป  หลังจากกลับไปแล้ว  จงส่งคนไปคอยเฝ้าจับตาดูจวนองค์หญิงอย่างใกล้ชิดต่อไป  อย่าลืมส่งกำลังคนไปเพิ่มขึ้นรอบข้างหว่านเยียนและพวกเด็กๆ เพื่อปกป้องคุ้มครองพวกเขาให้ดีๆ”

“ขอรับ  ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!”  หยุนเหิงพยักหน้ารับคำสั่งอย่างเคร่งขรึมหนักแน่น  หลังจากนั้นเอ่ยปากถามขึ้นว่า  “ถ้าเช่นนั้นท่านในเวลานี้……”

ภายในดวงตาสวยงามเรียวยาวของโม่เหยียนเปล่งประกายวูบเล็กน้อย  น้ำเสียงสงบราบเรียบไร้ระลอกใดๆ แม้แต่น้อย  “ข้าจะรุดไปตำหนักสีเยว่สักครา”

แม้ว่าเขาจะถูกหนานหว่านเยียนไล่ให้กลับมาแล้ว  ทว่าเรื่องนี้เขาจะต้องบอกให้นางทราบสักคำ

หยุนเหิงพยักหน้าเข้าใจ  มองดูบาดแผลที่ต้นแขนซ้ายของโม่เหยียนคราหนึ่ง  หลังจากนั้นหลบเลี่ยงสายตาผู้คน  หันหลังกลับจากไปแล้ว

รอคอยจนกระทั่งเขาจากไปไกลหายลับสายตาแล้ว  โม่เหยียนจึงหยิบจดหมายแล้วออกจากตำหนักพำนักของตน  ก้าวเท้าเดินดุ่มมุ่งหน้ารุดไปยังทิศทางของตำหนักสีเยว่

นอกเรือนพำนัก  ไม่รู้ว่าสายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาแล้วตั้งแต่เมื่อไร

สายฝนละเอียดหนาวเย็นเล็กน้อยที่โปรยปรายได้ชะล้างความร้อนอบอ้าวก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้นแล้ว  นำมาซึ่งความสดชื่นสะดวกสบายอยู่มิน้อย  อย่างไรก็ตามสภาพดินฟ้าอากาศที่แปรปรวนมิอาจหยั่งคาดเช่นนี้  กลับชักนำให้สมุฏฐานของโรคอาการเจ็บป่วยของหนานหว่านเยียนกำเริบขึ้นมาแล้ว  ข้อเข่าทั้งสองข้างเจ็บปวดขึ้นมาจนไม่สามารถหยุดลงได้

ยามนี้หนานหว่านเยียนอยู่ภายในตำหนักสีเยว่  นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าแววตาเย็นชาทะมึนขุ่นข้องหงุดหงิด  หน้านิ่วขมวดคิ้ว  ดื่มสุราแก้วแล้วแก้วเล่าติดต่อกัน  แต่ยกถ้วยสุราดื่มคลายทุกข์กลับทุกข์มากยิ่งขึ้น  เรื่องราวต่างๆ แต่เก่าก่อนเมื่อครั้งอดีตปรากฏขึ้นวนเวียนอย่างซ้ำซากภายในห้วงคำนึง  นางขุ่นข้องหดหู่อารมณ์หงุดหงิดไม่สิ้นสุด

ยามนี้เอง  เสียงประตูตำหนักถูกคนเคาะก็ดังขึ้น  น้ำเสียงทุ้มต่ำนุ่มนวลน่าฟังของโม่เหยียนดังแว่วมา  “องค์หญิง  ข้าน้อยมีเรื่องสำคัญขอเข้าพบ”

หนานหว่านเยียนเลิกคิ้วขึ้น  วางแก้วสุราลงมองไปทางประตูเข้าอย่างเฉยชาพูดขึ้นว่า  “เข้ามาเถอะ”

โม่เหยียนตอบรับคำผลักประตูเข้ามาในตำหนักบรรทม  เมื่อเห็นใกล้มือของหนานหว่านเยียนวางไว้ด้วยถ้วยสุรา  คิ้วอันหล่อเหลาคมคายก็ขมวดมุ่นขึ้นมาทันที

เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามขึ้น  “ไฉนองค์หญิงจึงดื่มสุราขึ้นมาแล้ว?”

หนานหว่านเยียนเหลือบมองถ้วยสุราอย่างไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยนิดคราหนึ่ง  พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ  “มิมีอันใด  โรคเก่ากำเริบแล้วเท่านั้นเอง  เมื่อยามที่ดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลง  ก็จะเจ็บปวดไปตลอดทั่วทั้งร่างกาย  ดื่มสุราสักหน่อยสามารถบรรเทาได้อยู่บ้างเล็กน้อย”

“ข้ามิใช่ให้ท่านกลับไปพักผ่อนหรอกหรือ  ตอนนี้มาหาข้าทำไมล่ะ?”

ส่วนลึกในดวงตาของโม่เหยียนเต็มเปี่ยมด้วยความทุกข์เจ็บปวดรวดร้าวใจ  เขาสะกดข่มอดกลั้นไว้  ขมวดคิ้วหยิบจดหมายออกมาจากอกเสื้อยื่นมอบให้นาง

“เมื่อครู่นี้ภายในเรือนพำนักขององค์หญิงหงเหมิง  แม่ทัพหยุนได้ค้นพบสิ่งนี้แล้ว”

“เขาทราบว่าท่านอารมณ์ไม่ดีนัก  ไม่ต้องการรบกวนท่าน  จึงได้มอบจดหมายไว้ให้ข้าน้อย  องค์หญิงลองอ่านดูสิ”

หนานหว่านเยียนรับจดหมายมาพอเปิดอ่านดู  บนใบหน้าที่สวยงามสดใสสง่างามก็เคร่งขรึมจริงจังขึ้นมาทันที  อดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันว่า  “ปรากฏว่าเป็นเช่นนี้จริงๆ”

มีผู้มากบารมีคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังของลู่เจียวเจียวจริงๆ  การคาดเดาด้วยความสงสัยของนางมิได้ผิดพลาด  และคนที่สามารถทำถึงจุดนี้ได้  ยามกะทันหันนางได้แต่นึกถึงกาวม่านหย่วนซึ่งตอนนี้ร่องรอยที่อยู่ยังไม่ทราบแน่ชัดขึ้นมา

ดูแล้ว  มีความเป็นไปได้สูงอย่างยิ่งที่หยุนอี่ว์โหรวยังมีชีวิตอยู่  มิฉะนั้นแล้วพ่อบ้านกาวจะไม่กระทำเรื่องราวมากมายถึงขนาดนี้  จวบจนถึงวันนี้ก็ยังกำลังคิดจะจัดการนางกับบุตรหลายคนอย่างใด

นางขยำจดหมายกระดาษในมือแน่นอย่างรุนแรงดุดันจนกลายเป็นก้อนกลม  แล้วซัดลงบนพื้น  “คนเหล่านี้จ้องจะเล่นงานข้าแต่แรกเนิ่นนานแล้ว ไม่ว่าสำเร็จหรือว่าล้มเหลว  ในอนาคตพวกเขาล้วนจะต้องมาสร้างปัญหาความยุ่งยากให้ข้าอีกไม่น้อย”

บนใบหน้าสวยงามปกคลุมไว้ด้วยความหนาวเหน็บบางๆ ชั้นหนึ่ง  ภายในคิ้วที่กดต่ำลงของนางแฝงด้วยการเยาะเย้ยหยามหยัน

ตอนที่นางออกจากแคว้นซีเหย่นั้น  กู้โม่หานยังสบถสาบานเป็นมั่นเป็นเหมาะอย่างเชื่อมั่นหนักแน่นว่าเขาจะสังหารหยุนอี่ว์โหรวอย่างแน่นอน  คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายยังคงมิสามารถตัดใจ  ยังคงไว้ชีวิตปล่อยดอกบัวขาวที่อาถรรพ์ชั่วร้ายโหดเหี้ยมอำมหิตนี้ไปแล้วโดยส่วนตัว  ใช้วิธีการอันแยบยลหันเหความสนใจผู้คนด้วยกลอุบายแผนปิดบังฟ้าข้ามมหาสมุทรแล้วคราหนึ่ง

ความสัตย์ซื่อจริงใจของเขาต่อหน้านาง  รู้สึกเสียใจสำนึกตน  สำนึกผิดตำหนิตนเอง  ทุกอย่างทั้งหมดล้วนแล้วแต่ช่างน่าตลกขบขันไร้สาระกระไรปานนั้น

สุดท้ายแล้วคำพูดเหล่านี้แค่ลองฟังๆ เอาไว้ก็พอ  ถ้าคำพูดของบุรุษเพศสามารถเชื่อถือได้แล้วละก็  แม่สุกรก็ยังสามารถปีนขึ้นต้นไม้แล้วล่ะ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้