เงาร่างสามสายแวบผ่านนอกหน้าต่างไป สภาวะพลังที่รุดมาช่างน่ากลัวประดุจภูตผีปีศาจก็ปาน หนานหว่านเยียนพลันจำได้ทันทีว่าผู้มาคือพี่ชายทั้งสามนั่นเอง
นางเลิกคิ้วขึ้นมาทันใด ไม่ทราบว่าบรรดาพี่ชายต้องการทำสิ่งใด ช่วงเอวกลับถูกโม่เหยียนกอดเอาไว้ นางก็ไม่สะดวกที่จะขยับเขยื้อนเช่นกัน กลับรู้สึกว่ามิต้องรีบร้อน เพียงแต่เงยหน้าขึ้นเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงอันจริงจังว่า “โม่เหยียน เจ้าได้รับบาดเจ็บอยู่ อย่าใช้พลังภายใน!”
โม่เหยียนหันมองไปทางหนานหว่านเยียน เป็นไปไม่ได้ที่จะปรากฏ “นักฆ่ามือสังหาร” ขึ้นภายในเวลาตำหนักสีเยว่ บัดนี้ได้เห็นปฏิกิริยาตอบสนองของหนานหว่านเยียน เขาก็ยิ่งแน่ใจการคาดเดาของตนแล้ว
แต่เพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัยที่อาจเกิดขึ้น เขาจึงยังคงปกป้องหนานหว่านเยียนไว้มิยอมห่างแม้แต่สักครึ่งก้าว แขนที่กอดนางไว้ก็ออกแรงมากขึ้น
ทันใดนั้น อิฐก็ถูกซัดเข้ามาจากด้านนอกอีกหลายก้อน ด้วยแง่มุมอันแยบคาย ล้วนถูกโม่เหยียนทำลายแตกสลายลงจนหมดสิ้น
พลันประตูของตำหนักสีเยว่ก็ถูกคนกระทืบเปิดออกกะทันหัน ชายรูปร่างสูงโปร่งสามคนพากันกรูเข้ามาพร้อมกัน โม่เหยียนยังมิทันได้เห็นหน้าตาพวกเขาชัดเจนด้วยซ้ำ ก็ถูกสามคนล้อมกรอบขนาบพาตัวออกจากตำหนักสีเยว่แล้ว
โม่เหยียนกลับมิได้ดิ้นรนขัดขืน ตลอดจนมือที่กอดหนานหว่านเยียนไว้ก็ยังคลายออกแล้ว ติดตามคนทั้งสามไปแล้วอย่างเชื่องเชื่อ
หนานหว่านเยียนเองก็มิได้ทัดทานเหนี่ยวรั้งไว้เช่นกัน มองดูเงาหลังของโม่เหยียนและพี่ชายทั้งสาม เพียงแค่รู้สึกอับจนปัญญาอยู่บ้างอีกทั้งมีความรู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อย
มิทราบเช่นกันว่าวันนี้พี่สี่นำพี่ห้าและพี่หกรุดมา ต้องการสร้างความลำบากเช่นใดให้แก่โม่เหยียนอีก……
หนานหว่านเยียนคาดเดามิผิด ลู่เยี่ยนอันจงใจรุดมามาทดสอบความจงรักภักดีของโม่เหยียนจริงๆ
ตั้งแต่ได้พบหน้ากันวันนั้นครั้งหนึ่งแล้ว เขามักคิดจะหาโอกาสสร้างความลำบากทดสอบโม่เหยียนสักครั้ง กล่าวถึงที่สุดแล้วเขาเป็นคนที่เสด็จน้องหญิงให้ความสำคัญ หากจิตใจไม่จงรักภักดีซื่อสัตย์เพียงพอละก็ เช่นนั้นก็จะเป็นปัญหายุ่งยากแล้ว
และวันนี้โม่เหยียนก็นับว่ามิได้ทำให้เขาผิดหวังเช่นกัน สามารถผ่านเกณฑ์ได้อย่างฝืดฝืนแล้ว
ลู่ซูและลู่หย่วนที่ขนาบข้างโม่เหยียนมุ่งหน้าวิ่งไปไกลนั้น หลังจากได้รับสัญญาณสายตาของลู่เยี่ยนอันแล้ว ทั้งสองคนก็ปล่อยตัวโม่เหยียนออกเป็นอิสระอย่างเย็นชา ยืนเท้าแขนกอดอกจ้องมองดูเขาอย่างเฉยชา
ภายในใจโม่เหยียนเยือกเย็นสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง เปลือกนอกกลับแสดงออกด้วยลักษณะท่าทางที่รู้สึกว่าเหลือเชื่อ น้ำเสียงสงสัยเป็นอย่างยิ่ง “องค์ชายสี่ องค์ชายห้าและองค์ชายหก เป็นพวกท่านหลายคนนั่นเอง……”
ลู่เยี่ยนอันยิ้มแล้ว “อยู่ว่างน่าเบื่อเลยเย้าหยอกล้อเล่นน่ะ คงทำให้เจ้าตกใจแล้วกระมัง?”
โม่เหยียนก้มหน้าสายตามองต่ำ “ยังพอไหว โม่เหยียนมีกำลังขวัญความกล้าอยู่บ้างเล็กน้อย”
ลู่เยี่ยนอันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เหลือบสายตากวาดมองผ่านบาดแผลบนแขนซ้ายโม่เหยียน “ได้ยินว่าเมื่อวานเสด็จน้องหญิงประสบกับการลอบสังหาร หากมิใช่เจ้าปกป้องคุ้มครองไว้ละก็ คนเหล่านั้นยังเกือบจะทำร้ายเกี๊ยวน้อยบาดเจ็บแล้ว”
“เมื่อครู่นี้ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ได้ลงมืออย่างเต็มที่ แต่สมควรกระทบกระเทือนต่ออาการบาดเจ็บแล้วกระมัง เจ้าคงจะไม่บันดาลโทสะหรอกนะใช่หรือไม่?”
โม่เหยียนพูดขึ้นอย่างสัตย์ซื่อจริงใจว่า “ไม่ว่าจะเป็นการเล่นตลกร้ายหรือนักฆ่ามือสังหารที่แท้จริง การปกปัองคุ้มครององค์หญิงล้วนเป็นหน้าที่ซึ่งโม่เหยียนพึงกระทำอยู่แล้ว ย่อมจะไม่บันดาลโทสะ เพียงแต่ไม่ทราบว่า เตี้ยนเซี่ยหลายท่านมาเยือนอย่างกะทันหัน คงมีสิ่งใดต้องการสอบถามโม่เหยียนใช่หรือไม่”
ลู่เยี่ยนอันยิ้มน้อยๆ คราหนึ่ง “เจ้าช่างสติปัญญาสูงล้ำไหวพริบปราดเปรียวจริงๆ ก็ไม่น่าแปลกเช่นกันที่เสด็จน้องหญิงเชื่อถือไว้วางใจเจ้ามากเช่นนี้”
ทันใดนั้นสีหน้าแววตาเขาเคร่งเครียดลงแล้ว เปลี่ยนแปลงเป็นช่างดุร้ายเกรี้ยวกราดกระหายเลือด
“ข้าเรียกเจ้ามา ก็เพื่อสอบถามเรื่องของนักฆ่ามือสังหารเหล่านั้นเมื่อวานนี้นั่นเอง เสด็จน้องหญิงไม่ชื่นชอบเล่าเรื่องราวของนางให้พวกข้าฟัง เจ้าทราบเรื่องอะไรมาบ้าง จงเล่ามาให้ข้าฟังโดยละเอียด!”
สายตาของโม่เหยียนเป็นประกายวูบ เขาหาได้ปิดบังไม่ พูดเล่าเรื่องราวตามความเป็นจริง “เรียนองค์ชายสี่ องค์หญิงไว้ชีวิตนักฆ่ามือสังหารไว้สอบปากคำแล้วผู้หนึ่ง คนผู้นั้นสารภาพแล้วว่าผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังคือองค์หญิงหงเหมิงนั่นเอง นอกจากนี้บนร่างของนักฆ่ามือสังหารเหล่านั้น ยังได้ค้นพบป้ายประกาศิตของจวนองค์หญิงหงเหมิงแล้ว”
“เวลานี้องค์หญิงหงเหมิงถูกควบคุมตัวกักขังอยู่ภายในตำหนักสีเยว่ ทว่าตั้งแต่ต้นจนปลายก็หาได้รับสารภาพไม่”
แม้ว่าเขาจะพูดออกมาจนหมดสิ้น กลับยังคงละเว้นเอาไว้เรื่องหนึ่ง เขาหาได้บอกเรื่องที่ลู่เจียวเจียวยังมีคนอยู่เบื้องหลังให้ลู่เยี่ยนอันทราบไม่ เพื่อมิให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น
ทันทีเมื่อได้ทราบว่าเรื่องนี้ต้นเหตุสืบเนื่องมาจากลู่เจียวเจียว สีหน้าของสามพี่น้องแปรเปลี่ยนไปทันใด ต่างล้วนโกรธเคืองบันดาลโทสะย่างยิ่ง
มือของลู่ซูและลู่หย่วนล้วนจับอยู่บนด้ามกระบี่แล้ว ร่ำๆ จะลงมืออย่างหุนหันด้วยความเดือดดาลแล้ว
ลู่เยี่ยนอันขมวดคิ้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าตัวโง่เขลานั่นเอง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...