ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 909

เงาร่างสามสายแวบผ่านนอกหน้าต่างไป  สภาวะพลังที่รุดมาช่างน่ากลัวประดุจภูตผีปีศาจก็ปาน  หนานหว่านเยียนพลันจำได้ทันทีว่าผู้มาคือพี่ชายทั้งสามนั่นเอง

นางเลิกคิ้วขึ้นมาทันใด  ไม่ทราบว่าบรรดาพี่ชายต้องการทำสิ่งใด  ช่วงเอวกลับถูกโม่เหยียนกอดเอาไว้  นางก็ไม่สะดวกที่จะขยับเขยื้อนเช่นกัน  กลับรู้สึกว่ามิต้องรีบร้อน  เพียงแต่เงยหน้าขึ้นเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงอันจริงจังว่า  “โม่เหยียน  เจ้าได้รับบาดเจ็บอยู่  อย่าใช้พลังภายใน!”

โม่เหยียนหันมองไปทางหนานหว่านเยียน  เป็นไปไม่ได้ที่จะปรากฏ “นักฆ่ามือสังหาร” ขึ้นภายในเวลาตำหนักสีเยว่  บัดนี้ได้เห็นปฏิกิริยาตอบสนองของหนานหว่านเยียน  เขาก็ยิ่งแน่ใจการคาดเดาของตนแล้ว

แต่เพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัยที่อาจเกิดขึ้น  เขาจึงยังคงปกป้องหนานหว่านเยียนไว้มิยอมห่างแม้แต่สักครึ่งก้าว  แขนที่กอดนางไว้ก็ออกแรงมากขึ้น

ทันใดนั้น  อิฐก็ถูกซัดเข้ามาจากด้านนอกอีกหลายก้อน  ด้วยแง่มุมอันแยบคาย  ล้วนถูกโม่เหยียนทำลายแตกสลายลงจนหมดสิ้น

พลันประตูของตำหนักสีเยว่ก็ถูกคนกระทืบเปิดออกกะทันหัน  ชายรูปร่างสูงโปร่งสามคนพากันกรูเข้ามาพร้อมกัน  โม่เหยียนยังมิทันได้เห็นหน้าตาพวกเขาชัดเจนด้วยซ้ำ  ก็ถูกสามคนล้อมกรอบขนาบพาตัวออกจากตำหนักสีเยว่แล้ว

โม่เหยียนกลับมิได้ดิ้นรนขัดขืน  ตลอดจนมือที่กอดหนานหว่านเยียนไว้ก็ยังคลายออกแล้ว  ติดตามคนทั้งสามไปแล้วอย่างเชื่องเชื่อ

หนานหว่านเยียนเองก็มิได้ทัดทานเหนี่ยวรั้งไว้เช่นกัน  มองดูเงาหลังของโม่เหยียนและพี่ชายทั้งสาม  เพียงแค่รู้สึกอับจนปัญญาอยู่บ้างอีกทั้งมีความรู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อย

มิทราบเช่นกันว่าวันนี้พี่สี่นำพี่ห้าและพี่หกรุดมา  ต้องการสร้างความลำบากเช่นใดให้แก่โม่เหยียนอีก……

หนานหว่านเยียนคาดเดามิผิด  ลู่เยี่ยนอันจงใจรุดมามาทดสอบความจงรักภักดีของโม่เหยียนจริงๆ

ตั้งแต่ได้พบหน้ากันวันนั้นครั้งหนึ่งแล้ว  เขามักคิดจะหาโอกาสสร้างความลำบากทดสอบโม่เหยียนสักครั้ง  กล่าวถึงที่สุดแล้วเขาเป็นคนที่เสด็จน้องหญิงให้ความสำคัญ  หากจิตใจไม่จงรักภักดีซื่อสัตย์เพียงพอละก็  เช่นนั้นก็จะเป็นปัญหายุ่งยากแล้ว

และวันนี้โม่เหยียนก็นับว่ามิได้ทำให้เขาผิดหวังเช่นกัน  สามารถผ่านเกณฑ์ได้อย่างฝืดฝืนแล้ว

ลู่ซูและลู่หย่วนที่ขนาบข้างโม่เหยียนมุ่งหน้าวิ่งไปไกลนั้น  หลังจากได้รับสัญญาณสายตาของลู่เยี่ยนอันแล้ว  ทั้งสองคนก็ปล่อยตัวโม่เหยียนออกเป็นอิสระอย่างเย็นชา  ยืนเท้าแขนกอดอกจ้องมองดูเขาอย่างเฉยชา

ภายในใจโม่เหยียนเยือกเย็นสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง  เปลือกนอกกลับแสดงออกด้วยลักษณะท่าทางที่รู้สึกว่าเหลือเชื่อ  น้ำเสียงสงสัยเป็นอย่างยิ่ง  “องค์ชายสี่  องค์ชายห้าและองค์ชายหก  เป็นพวกท่านหลายคนนั่นเอง……”

ลู่เยี่ยนอันยิ้มแล้ว  “อยู่ว่างน่าเบื่อเลยเย้าหยอกล้อเล่นน่ะ  คงทำให้เจ้าตกใจแล้วกระมัง?”

โม่เหยียนก้มหน้าสายตามองต่ำ  “ยังพอไหว  โม่เหยียนมีกำลังขวัญความกล้าอยู่บ้างเล็กน้อย”

ลู่เยี่ยนอันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย  เหลือบสายตากวาดมองผ่านบาดแผลบนแขนซ้ายโม่เหยียน  “ได้ยินว่าเมื่อวานเสด็จน้องหญิงประสบกับการลอบสังหาร  หากมิใช่เจ้าปกป้องคุ้มครองไว้ละก็  คนเหล่านั้นยังเกือบจะทำร้ายเกี๊ยวน้อยบาดเจ็บแล้ว”

“เมื่อครู่นี้ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ได้ลงมืออย่างเต็มที่  แต่สมควรกระทบกระเทือนต่ออาการบาดเจ็บแล้วกระมัง  เจ้าคงจะไม่บันดาลโทสะหรอกนะใช่หรือไม่?”

โม่เหยียนพูดขึ้นอย่างสัตย์ซื่อจริงใจว่า  “ไม่ว่าจะเป็นการเล่นตลกร้ายหรือนักฆ่ามือสังหารที่แท้จริง  การปกปัองคุ้มครององค์หญิงล้วนเป็นหน้าที่ซึ่งโม่เหยียนพึงกระทำอยู่แล้ว  ย่อมจะไม่บันดาลโทสะ  เพียงแต่ไม่ทราบว่า  เตี้ยนเซี่ยหลายท่านมาเยือนอย่างกะทันหัน  คงมีสิ่งใดต้องการสอบถามโม่เหยียนใช่หรือไม่”

ลู่เยี่ยนอันยิ้มน้อยๆ คราหนึ่ง  “เจ้าช่างสติปัญญาสูงล้ำไหวพริบปราดเปรียวจริงๆ  ก็ไม่น่าแปลกเช่นกันที่เสด็จน้องหญิงเชื่อถือไว้วางใจเจ้ามากเช่นนี้”

ทันใดนั้นสีหน้าแววตาเขาเคร่งเครียดลงแล้ว  เปลี่ยนแปลงเป็นช่างดุร้ายเกรี้ยวกราดกระหายเลือด

“ข้าเรียกเจ้ามา  ก็เพื่อสอบถามเรื่องของนักฆ่ามือสังหารเหล่านั้นเมื่อวานนี้นั่นเอง  เสด็จน้องหญิงไม่ชื่นชอบเล่าเรื่องราวของนางให้พวกข้าฟัง  เจ้าทราบเรื่องอะไรมาบ้าง  จงเล่ามาให้ข้าฟังโดยละเอียด!”

สายตาของโม่เหยียนเป็นประกายวูบ  เขาหาได้ปิดบังไม่  พูดเล่าเรื่องราวตามความเป็นจริง  “เรียนองค์ชายสี่  องค์หญิงไว้ชีวิตนักฆ่ามือสังหารไว้สอบปากคำแล้วผู้หนึ่ง  คนผู้นั้นสารภาพแล้วว่าผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังคือองค์หญิงหงเหมิงนั่นเอง  นอกจากนี้บนร่างของนักฆ่ามือสังหารเหล่านั้น  ยังได้ค้นพบป้ายประกาศิตของจวนองค์หญิงหงเหมิงแล้ว”

“เวลานี้องค์หญิงหงเหมิงถูกควบคุมตัวกักขังอยู่ภายในตำหนักสีเยว่  ทว่าตั้งแต่ต้นจนปลายก็หาได้รับสารภาพไม่”

แม้ว่าเขาจะพูดออกมาจนหมดสิ้น  กลับยังคงละเว้นเอาไว้เรื่องหนึ่ง  เขาหาได้บอกเรื่องที่ลู่เจียวเจียวยังมีคนอยู่เบื้องหลังให้ลู่เยี่ยนอันทราบไม่  เพื่อมิให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น

ทันทีเมื่อได้ทราบว่าเรื่องนี้ต้นเหตุสืบเนื่องมาจากลู่เจียวเจียว  สีหน้าของสามพี่น้องแปรเปลี่ยนไปทันใด  ต่างล้วนโกรธเคืองบันดาลโทสะย่างยิ่ง

มือของลู่ซูและลู่หย่วนล้วนจับอยู่บนด้ามกระบี่แล้ว  ร่ำๆ จะลงมืออย่างหุนหันด้วยความเดือดดาลแล้ว

ลู่เยี่ยนอันขมวดคิ้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า  “เจ้าตัวโง่เขลานั่นเอง!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้