ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 986

จักรพรรดินีขมวดคิ้วมองไปที่หนานหว่านเยียน ลองถามหยั่งเชิงว่า “นังหนูหว่าน เจ้าแน่ใจหรือ?”

องค์ชายทั้งหลายก็จ้องมองไปที่หนานหว่านเยียนอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อรอฟังคำตอบของนาง

หนานหว่านเยียนเงยหน้าขึ้นมองจักรพรรดินี เผยรอยยิ้มมุมปากขึ้นมา แต่ในดวงตากลับไม่มีรอยยิ้มเลย “ท่านน้า ฮ่องเต้แห่งแคว้นซีเหย่แน่ใจแล้ว ทำไมพวกข้า แคว้นต้าเซี่ยถึงไม่แน่ใจ”

จากนั้น หนานหว่านเยียนก็มองไปที่กู้โม่หานอีกครั้ง “ฝ่าบาทได้โปรดนั่งลง ปล่อยให้ฝ่าบาทยืนอยู่ตลอดเวลา แสดงให้เห็นว่าการต้อนรับของแคว้นต้าเซี่ยของพวกข้าไม่ทั่วถึงพอ”

ลู่เจียวเจียวที่อยู่ข้างๆ มีสีหน้าย่ำแย่เหมือนกินน้ำเต้าขมเข้าไป อิจฉาเป็นอย่างมาก ทำไมไม่มีชายหนุ่มสักคนยอมสละเมืองเพื่อนางบ้าง

นางอดไม่ได้รู้สึกอิจฉาริษยาไม่ได้ แต่พอคิดว่าวันนี้นางจะได้พบกับบุคคลลึกลับแล้ว จึงรีบพูดทันที “ฝ่าบาทไม่เคยมาแคว้นต้าเซี่ยมาก่อนสินะ วันนี้ท่านได้มาแล้ว ก็ทำตัวตามสบาย ชื่นชมการร้องเพลงเต้นรำของแคว้นต้าเซี่ย รับประทานอาหารแสนอร่อยของแคว้นต้าเซี่ย จะทำให้ฝ่าบาทติดใจจนลืมกลับบ้านอย่างแน่นอน”

เมื่อนางพูด กู้โม่หานก็เพิกเฉยอย่างสิ้นเชิง พลางจ้องมองหนานหว่านเยียนอย่างลึกซึ้ง ริมฝีปากบางวาดโค้ง “เอาล่ะ ข้าจะนั่งข้างเจ้าแล้วกัน”

หลังจากนั้นเขานั่งอยู่ทางด้านขวาของหนานหว่านเยียน ทั้งสองเกือบจะแนบชิดติดกัน ไม่เว้นระยะห่างใดๆ

เย่เชียนเฟิงอยู่ทางด้านซ้ายของหนานหว่านเยียน สายตาอันคมกริบจับจ้องไปที่กู้โม่หาน เฉิงซูหย่วนอยู่ใกล้กับโม่เหยียน ไฟโทสะเดือดพล่านอย่างควบคุมไม่ได้

เขามองไปที่กู้โม่หานซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับหนานหว่านเยียนมาก น้ำเสียงดูไม่เป็นมิตร

“เมื่อซูหย่วนได้พบฝ่าบาทในวันนี้ ก็ยังรู้สึกหวาดกลัวจากใจจริง แต่ฝ่าบาทได้นำแคว้นซีเหย่ไปต่อสู้กับแคว้นเทียนเซิ่งเป็นเวลานานกว่าสองปี ได้ยินมาว่าอาการบาดเจ็บสาหัสมาก ซูหย่วนยังคิดว่าท่านจะพักรักษาตัวที่แคว้นซีเหย่จนหายดี ไม่นึกว่าจะมาที่แคว้นต้าเซี่ยเร็วเช่นนี้”

ในที่นี่ สีหน้าของหนานหว่านเยียนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่สายตาของหยุนเหิงและอวี๋เฟิงกลับจ้องมองไปที่เฉิงซูหย่วนอย่างพร้อมเพรียงกัน มีความเฉียบแหลมและไม่พอใจอยู่ในที

ผู้ชายคนนี้ไม่รู้เรื่องไหนมักถามถึงเรื่องนั้น อยู่ดีๆ ก็พูดถึงสงครามอะไรกัน ถ้าไม่ใช่เพราะแคว้นเทียนเซิ่งฉวยโอกาสเข้ามาสร้างความโกลาหล ฝ่าบาทจะมาเข้าเฝ้าฮองเฮาเหนียงเหนียงอย่างเป็นทางการเอาป่านนี้หรือ?!

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ฮองเฮาเหนียงเหนียงกับองค์หญิงและองค์ชายทั้งหลายเกิดเรื่องมากมาย ฮ่องเต้ก็พลาดโอกาสหลายครั้ง พยายามคิดจะชดเชยเรื่องนี้มาตลอด แต่เขาพูดมากเกินไป พูดถึงเรื่องอันโศกเศร้าของฮ่องเต้…

แววตาที่เย็นชาและเฉียบคมของกู้โม่หานจับจ้องไปที่เฉิงซูหย่วน ทั้งๆ ที่เป็นการมองตรงไปข้างหน้า แต่มันกลับให้ความรู้สึกเหมือนมองดูมดอย่างเหยียดหยาม

ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขายิ่งเฉยเมย พลางเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน “เจ้าเป็นใคร?”

หยุนเหิงและอวี๋เฟิงได้ยินดังนั้น ก็อดยกนิ้วโป้งให้กู้โม่หานไม่ได้!

เมื่อต้องบดขยี้คู่แข่งด้วยความรัก ก็ยังต้องเป็นนายท่านอยู่ดี!

เฉิงซูหย่วนตัวแข็งทื่อไปหมด ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำยิ่งกว่าตับหมู

เขานึกไม่ถึงว่าตัวเองพูดไปมากมายขนาดนั้น แต่กู้โม่หานกลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร!

เขาฝืนยิ้มออกมา “ซูหย่วนและคุณชายโม่เหยียน รวมถึงคุณชายเย่ที่นั่งอยู่ข้างหน้าด้วย ล้วนเป็นสนมชายที่องค์หญิงหมิงหวงคัดเลือกเก็บไว้เองกับมือ”

“ก็ใช่น่ะสิ ถึงอย่างไรท่านก็ไม่ได้ติดต่อกับองค์หญิงมาเป็นเวลานานแล้ว แน่นอนว่าชีวิตส่วนตัวขององค์หญิงจะไม่มีรายงานให้ท่านทราบ ซูหย่วนกระโตกกระตากเกินไป”

ยิ่งพูดแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าพูดได้ดี กู้โม่หานเป็นเพียง “อดีตสามี” เท่านั้น มีสิทธิ์อะไรกัน

เขาเชิดคางขึ้นด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง ในแววตาเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ

เย่เชียนเฟิงขมวดคิ้ว อดชำเลืองมองเฉิงซูหย่วนและกู้โม่หานไม่ได้ รู้สึกว่าเฉิงซูหย่วนกำลังรนหาที่ตาย กล้าที่จะยั่วยุกษัตริย์ผู้ครองแคว้น

แววตาของกู้โม่หานเต็มไปด้วยภัยอันตรายและความเหยียดหยาม น้ำเสียงดูเย่อหยิ่งและไม่แยแส

“ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้าไม่ได้อยู่ข้างกายหว่านเยียน มีเจ้าเป็นเพื่อนแก้เบื่อ ไม่ทำให้หว่านเยียนโดดเดี่ยว หงอยเหงาเศร้าซึมจนเกินไป ข้ารู้สึกอุ่นใจมาก”

“อวี๋เฟิง รางวัล”

จู่ๆ อวี๋เฟิงก็ลุกขึ้นยืน “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

เขาควักตั๋วเงินสองสามใบออกมาทันที แล้วฟาดลงบนโต๊ะของเฉิงซูหย่วน “ฝ่าบาทมอบรางวัลให้ คุณชายเฉิงรับไปเถอะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้