เฟิ่งชูอิ่งกำลังหลับสะลึมสะลือ แต่จู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่ามีมือข้างหนึ่งล้วงเข้ามาในอกของนาง
นางคว้ามือของคนผู้นั้นเอาไว้แล้วจับบิดสุดแรง ทั้งที่ดวงตาทั้งสองข้างยังปิดสนิท
“อ๊าก” เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงสบถด่า “เฟิ่งชูอิ่ง เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ?”
เฟิ่งชูอิ่งพลันเบิกตาโพลง ก่อนจะมองเห็นใบหน้าซีดเซียวของใครคนหนึ่ง ที่แม้จะหล่อเหลา แต่กลับดูเจ้าชู้สำส่อน
ครู่ต่อมานางก็สังเกตเห็นลัคนาของเขา มันเป็นสีดำทมิฬไปทั้งแถบ มีเพียงคนที่ใกล้จะตายเท่านั้นถึงจะมีโหงวเฮ้งเช่นนี้
ความทรงจำช่วงหนึ่งพลันไหลบ่าเข้ามาในสมอง นางจึงทดลองเอ่ยเรียกออกไปว่า “เฉินเยี่ยนเซิง?”
เฉินเยี่ยนเซิงกุมมือที่เกือบจะถูกบิดจนหักของตัวเอง ตอบกลับด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ถึงกล้าบิดมือข้าเช่นนี้?”
“เจ้าอย่าลืมนะ อีกไม่กี่วันเจ้าจะต้องแต่งงานกับผีขี้โรคอย่างอ๋องฉู่ เจ้าเป็นคนขอร้องให้ข้าพาหนีเองนะ!”
เฟิ่งชูอิ่ง : “......”
คำพูดของเขาตรงกับความทรงจำที่ปรากฏขึ้นในสมองของนางพอดิบพอดี แล้วก็เหมือนกับบทในนิยายที่ญาติผู้น้องของนางอ่านเมื่อไม่กี่วันก่อนทุกกระเบียดนิ้วด้วย
เพราะว่านางร้ายในนิยายเล่มนั้นใช้ชื่อเดียวกับนางเป๊ะๆ ญาติผู้น้องก็เลยลากนางไปอ่านด้วยอยู่หลายบท
แต่เพราะนางรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันน้ำเน่าเกินไป จึงทนอ่านต่อไปไม่ไหว สุดท้ายกลับประสบเหตุโคลนถล่มตอนที่ออกไปเที่ยวชมฮวงจุ้ยกับอาจารย์ พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในเหตุการณ์สุดอุบาทว์สุดน้ำเน่าในนิยายไปเสียแล้ว...
ร่างเดิมมีดวงชะตาพิเศษ จึงถูกคนในตระกูลส่งไปเป็นพระชายาเอกของอ๋องฉู่เพื่อเสริมสิริมงคล นางไม่อยากแต่งงานกับอ๋องฉู่จึงตัดสินใจหนีตามเฉินเยี่ยนเซิง
เฉินเยี่ยนเซิงเป็นคนชั่วช้าสามานย์ นอกจากหวังร่างกายของนางแล้ว ยังคิดจะเอาเงินของนางอีก จึงบอกให้นางพกเงินไปที่ห้องวิปัสสนาของอารมแห่งหนึ่ง ขอหลับนอนกับนางคืนหนึ่งก่อนค่อยพานางหลบหนี
ซึ่งร่างเดิมผู้โง่เขลาก็ดันหลงเชื่อ พกเงินทองของมีค่าทั้งหมดไปให้เขาถึงที่
หลังเฉินเยี่ยนเซิงหลับนอนกับนางแล้วกลับขโมยเงินของนางหนีไป แล้วหาขอทานคนหนึ่งมาอยู่ในห้องกับนางแทน หลังจากนั้นนางก็ถูกญาติผู้พี่พาคนยกโขยงมาตามจับชู้...
แค่นี้เนื้อเรื่องก็น้ำเน่ามากพอแล้ว แต่จุดที่น้ำเน่าที่สุดกลับไม่ใช่เรื่องราวพวกนี้ แต่เป็นเรื่องที่อ๋องฉู่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห้องข้างๆ ตลอดเวลา และรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น!
ตอนที่นางถูกจับว่ามีชู้แบบคาหนังคาเขานั้น อ๋องฉู่ที่ป่วยหนักจนเหมือนเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็ใช้กระบี่แทงทะลุหัวใจนาง...
เมื่อเฟิ่งชูอิ่งนึกถึงเนื้อเรื่องตอนนี้ก็อดตัวสั่นสะท้านขึ้นมาไม่ได้
อย่าเพิ่งตื่นตูมสิ ตอนนี้นางยังไม่ได้หลับนอนกับเฉินเยี่ยนเซิง แล้วก็ยังไม่โดนจับชู้ด้วย ชีวิตน้อยๆ ของนางยังรักษาเอาไว้ได้อยู่!
นางคิดจะยันกายขึ้นมา ทว่าเกือบจะถูกเชือกรัดคอตาย ตอนที่พยายามจะดิ้นรนก็พบว่าขาทั้งสองข้างขยับไม่ได้
นางพลันนึกขึ้นได้ว่าร่างเดิมยอมทำตามรสนิยมวิตถารของเฉินเยี่ยนเซิงเพื่อเอาอกเอาใจเขา โดนเขากล่อมจนยอมขึ้นไปนอนบนเตียงให้อีกฝ่ายเอาบ่วงเชือกรัดคอ ขณะที่ขาทั้งสองข้างถูกมัดติดกับปลายเตียง
ตอนนี้ศีรษะกับขาของนางไม่อาจขยับเขยื้อน มีเพียงสองมือเท่านั้นที่ยังใช้การใช้งานได้
ฉิบหาย!
ร่างเดิมจะทำตัวเสียสติไปถึงไหนเนี่ย!
เฉินเยี่ยนเซิงสอดมือเข้ามาในอกเสื้อของนางอีกครั้ง “เจ้าทำตัวว่านอนสอนง่ายสักหน่อยเถอะ เอาไว้ข้าสุขสมอารมณ์หมายเมื่อไหร่ อาจจะยังเต็มใจพาเจ้าหนีก็ได้”
คราวนี้เฟิ่งชูอิ่งแทบจะไม่ต้องยั้งคิด คว้ามือของเขาแล้วบิดแบบสุดแรงเกิด “หนีตามเจ้ากับผีน่ะสิ ข้าคนนี้จะแต่งงานกับท่านอ๋องฉู่!”
เฉินเยี่ยนเซิงกรีดร้องเสียงหลง สะบัดมือหลุดแล้วฟาดกลับมาทางนาง “นังแพศยานี่ ข้าอุตส่าห์ไว้หน้าเจ้าแล้วนะ!”
หลินหว่านถิง : “......”
เรื่องในวันนี้เป็นแผนการที่นางกับเฉินเยี่ยนเซิงคิดกันมาเป็นอย่างดี
ตอนแรกนางคิดว่าด้วยนิสัยหัวอ่อนของเฟิ่งชูอิ่ง อย่างไรวันนี้นางก็จะต้องเสียตัวให้เฉินเยี่ยนเซิงแน่นอน ทว่าฉากที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้มันอะไรกัน?
นางแสร้งเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “น้องสาว เกิดอะไรขึ้นกับชุดของเจ้าอย่างนั้นหรือ ทำไมถึงขาดวิ่นขนาดนี้ล่ะ?”
เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกว่าหลินหว่านถิงน่าจะตาบอด นางใช้เชือกรัดคอจะฆ่าคนหลินหว่านถิงกลับมองข้ามผ่าน ดันมาสนใจอาภรณ์ที่ถูกเฉินเยี่ยนเซิงฉีกทึ้งของนางเสียอย่างนั้น
นางกำลังคิดจะพูดบางอย่าง เฉินเยี่ยนเซิงกลับยกมือกุมอกแล้วชิงกล่าวออกมาก่อน “ยังจะเกิดเรื่องอะไรได้อีกล่ะ?”
“นางคิดจะหนีงานแต่ง ก็เลยล่อลวงข้าให้พานางหนีตามกันไป พอข้าตกลงจะทำตามที่นางขอ กลับถูกนางนัดหมายมาที่นี่เพื่อฆ่าทิ้ง!”
หลังกล่าวจบเขาก็คว้าตัวเฟิ่งชูอิ่งเข้าไปตวาด “เจ้ามันนางแพศยาไร้ยางอาย เปลื้องผ้าจนเปลือยเปล่าต่อหน้าข้าแท้ๆ ยังเสแสร้งทำตัวเป็นสตรีบริสุทธิ์ผุดผ่องอีก?”
หลินหว่านถิงถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าวว่า “น้องสาว ต่อให้เจ้าจะไม่อยากแต่งงานกับอ๋องฉู่ แต่ก็ไม่ควรจะทำเรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงเช่นนี้นะ!”
“เจ้าหนีตามบุรุษที่ไม่ได้มีสัญญาหมั้นหมายเช่นนี้ ต่อให้ข้าจะเป็นญาติผู้พี่ของเจ้าก็ทนเข้าข้างไม่ได้หรอกนะ! เจ้าทำเช่นนี้จะต้องถูกจับใส่กรงหมูถ่วงน้ำ”
เฟิ่งชูอิ่งสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยว่า “ในใจของข้ามีเพียงอ๋องฉู่คนเดียวเท่านั้น นอกจากเขาแล้วข้าก็ไม่เคยชายตาแลบุรุษคนไหนอีก!”
“ชั่วชีวิตนี้ข้าจะแต่งงานกับอ๋องฉู่แค่คนเดียวเท่านั้น เฉินเยี่ยนเซิงต่างหากละที่พยายามจะขืนใจข้า!”
เฉินเยี่ยนเซิงแค่นเสียงเย็นชา “เจ้ากำลังโกหกให้ใครฟังกัน! ใครบ้างไม่รู้ว่าอ๋องฉู่เป็นพวกผีขี้โรค เจ้าจะเต็มใจแต่งงานกับเขาได้อย่างไร!”
“ข้าเป็นผีขี้โรค? ทำไมข้าถึงไม่เคยรู้มาก่อนเลยละ” เสียงนุ่มนวลของบุรุษดังแว่วขึ้นมา ประตูฝั่งตรงข้ามห้องวิปัสสนาพลันถูกมือเรียวยาวข้างหนึ่งผลักเปิดออก

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี