ก่อนหน้านี้บ่าวในจวนสกุลหลินเห็นนางต่างก็อยากจะเข้าไปซ้ำเติม คิดหาวิธีมารังแกนางสารพัด
บัดนี้แม้พวกบ่าวในจวนจะไม่ถึงขั้นเจอหน้านางก็เดินหลบไปอีกทาง แต่ก็พอจะทราบว่านางเป็นบ้าไปแล้ว ไม่ได้รังแกกันง่ายๆ เหมือนในอดีต
ถึงนางจะเป็นแค่สตรีอ่อนแอคนหนึ่ง แต่การเอามีดไล่ฟันทุกครั้งที่ไม่ได้ดั่งใจเช่นนี้ก็ยังน่ากลัวอยู่ดี
ด้วยเหตุนี้เอง ชีวิตหลังจากนั้นของเฟิ่งชูอิ่งจึงค่อนข้างจะสงบสุข
แต่ก็แค่ ‘ค่อนข้าง’ สงบสุขนะ เพราะช่วงสองสามวันมานี้นางยุ่งพอสมควรเลย
ไม่กี่วันก่อนนางลองเดินสำรวจรอบๆ จวนสกุลหลิน และพบความจริงบางอย่าง จวนสกุลหลินถูกจัดวางตำแหน่งเป็นค่ายกลฮวงจุ้ยขนาดใหญ่
ซึ่งค่ายกลดังกล่าวขับเคลื่อนโดยมีนางเป็นฐาน
เรียกง่ายๆ ว่าทุกวันนี้จวนสกุลหลินเจริญก้าวหน้าได้ ก็เพราะว่ามีนางอยู่
นางมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นเสาหลักของจวนสกุลหลิน คอยต้านเภทภัยทั้งหลายให้จวนสกุลหลิน
หากนางตาย ก็จะกลายเป็นของบำรุงโชคชะตาของจวนสกุลหลิน หล่อเลี้ยงคนทั้งหมดที่อยู่ในจวน
ค่ายกลแบบนี้ไม่สามารถใช้คำว่าไร้คุณธรรมมาอธิบายได้หรอก นี่มันเป็นการกระทำที่ชั่วช้าสามานย์ ต่ำทรามไม่เหลือความเป็นคน!
ค่ายกลชนิดนี้ไม่สามารถใช้กำลังทำลายได้ หากฝืนทำลายมันจะส่งผลมาถึงนางด้วย ดังนั้นจะต้องหาคนมาแทนที่
วิธีการเปลี่ยนตัวคือต้องใช้เลือดของคนที่เป็นตัวตายตัวแทน วางในตำแหน่งที่ถูกต้องและในเวลาที่เหมาะสม
เฟิ่งชูอิ่งนึกขึ้นได้ว่านางเคยเก็บเลือดของหลินชูเจิ้งกับหลินหว่านถิงเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน จึงหัวเราะออกมาเบาๆ
พวกเขาชอบสูบเลือดสูบเนื้อนางมากมิใช่หรือ ดังนั้นนางจะให้พวกเขาได้ลิ้มรสดูสักครั้ง ว่าการถูกคนอื่นสูบเลือดสูบเนื้อมันเป็นอย่างไร
กลางดึกคืนนั้น เมื่อใกล้ถึงเวลาที่นางคำนวณเอาไว้ นางก็แอบไปที่ภูเขาจำลองที่อยู่ใจกลางจวนสกุลหลิน
ภูเขาจำลองเหล่านั้นดูปกติไม่มีอะไรผิดแผก แต่มันกลับเป็นแกนหลักของค่ายกล
ที่ตรงนั้นมีบ่าวคอยพลัดกันเฝ้าเวรยามอยู่ตลอด ก่อนหน้านี้นางแสร้งทำเป็นเดินเตร็ดเตร่ในจวน จนรู้เวลาเปลี่ยนกะที่แน่นอนของพวกเขาแล้ว
นางพลันกระโจนตัวเข้าไปเหวี่ยงไม้ในมือตีหัวบ่าวชายคนนั้นจนสลบ ก่อนจะออกแรงลากบ่าวคนนั้นให้พ้นทาง แล้วจึงเดินเข้าไปด้านใน
หลังจากนางเข้าไปแล้ว นางก็คำนวณด้วยการนับนิ้วอยู่สักพัก เพียงไม่นานก็ทราบตำแหน่งสำคัญของค่ายกลตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของภูเขาจำลอง
ตรงนั้นสูงประมาณสิบเมตรกว่าๆ แล้วนางก็ใช้วิชาตัวเบาไม่เป็น พื้นผิวภูเขาจำลองก็เรียบลื่นและไม่มีจุดให้ใช้ปีนป่าย นางพยายามอยู่หลายครั้งก็ยังปีนขึ้นไปไม่ได้
นางกัดฟันเล็กน้อย ก่อนจะหาไม้ค้ำมาด้ามหนึ่ง ออกวิ่งแล้วใช้เสาเหวี่ยงตัวเองขึ้นไป ทว่าพยายามอยู่หลายครั้งก็ไม่ได้ผล
นางให้กำลังใจตัวเองเงียบๆ แล้วลองอีกครั้ง นางจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้!
ครั้งนี้นางกระโดดขึ้นไปถึงส่วนที่สูงที่สุดของภูเขาจำลองได้ ทว่าอยู่ห่างจากส่วนยอดของมันประมาณสามสิบเซนติเมตร
ตรงนั้นมีภูเขาส่วนที่ยื่นออกมา นางจึงเอื้อมมือออกไปคว้าเอาไว้ ทว่าพื้นผิวของมันค่อนข้างลื่น นางก็เลยจับได้ไม่แน่นพอ สุดท้ายร่างกายค่อยๆ ไถลลงไปด้านล่าง
นางคิดกับตัวเองว่าครั้งนี้ก็ล้มเหลวอีกแล้ว แต่จู่ๆ ก็มืออุ่นร้อนข้างหนึ่งช้อนจับก้นที่กำลังค่อยๆ ไถลลงด้านล่างของนาง...

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี