หลังจากเฟิ่งชูอิ่งเดินเข้ามาในห้องอย่างอารมณ์ดี นางก็ตกใจจนสะดุ้งเฮือก
เพราะภายในห้องของนางมีจิ่งโม่เยี่ยในอาภรณ์สีขาวหิมะ กำลังเอนตัวนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แกะสลักของนาง ขายาวของเขายกพาดบนโต๊ะตัวเล็กข้างๆ ขณะที่ในมือถือจอกชาและยกขึ้นจิบเล็กน้อย
กลิ่นหอมของชาฟุ้งทั่วห้อง ไอน้ำลอยขึ้นมาจากถ้วยชาอย่างช้าๆ บดบังใบหน้าส่วนหนึ่งของเขา
ใบหน้าหล่อเหลาเปี่ยมเสน่ห์ของเขาถูกไอน้ำปิดไปครึ่งหนึ่ง ทำให้ดูลึกลับน่าค้นหายิ่งกว่าเดิม
นี่เป็นครั้งแรกที่เฟิ่งชูอิ่งเห็นเขาแล้วตกใจจนหัวใจแทบหลุดจากอก หลังจากใจเต้นกระหน่ำอยู่สักพักก็สงบลงในท้ายที่สุด
ไอ้บุรุษเฮงซวยคนนี้นิสัยเสียจะตายไป แถมยังทำเรื่องโหดร้ายได้หน้าตาเฉย แต่หน้าตาของเขาก็หล่อจริงๆ นั่นแหละ รูปร่างก็ดีมากด้วย
ขอแค่เขาไม่ใช่จอมวายร้ายในนิยาย และไม่ได้เป็นคนอายุสั้น ลำพังแค่หน้าตาของเขาอย่างเดียว นางก็คิดว่าการแต่งงานกับเขามันคือกำไรชัดๆ
แต่พอนางนึกถึงจุดจบของเขาขึ้นมา นางก็รู้สึกจิตใจด้านชาทันที
นางยิ้มหวานให้เขาแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม ก่อนจะรินชาใส่ถ้วยให้ตัวเอง เอ่ยถามว่า “ท่านอ๋องมาได้อย่างไรเพคะ?”
อันที่จริงนางสงสัยมากกว่า ว่าเขาไปเอาน้ำจากไหนมาชงชา
นางยกถ้วยชาจรดริมฝีปากแล้วจิบหนึ่งคำ ดวงตาพลันทอประกายวาววับ เมื่อครู่ตอนที่นางได้กลิ่นก็พอจะรู้แล้วว่าเป็นชาชั้นยอด หลังจากดื่มถึงได้รู้ว่ามันเลิศเลอแค่ไหน
จิ่งโม่เยี่ยไม่ตอบและถามกลับ “เจ้าอาวาสเอากระดาษยันต์กับพู่กันมาให้เจ้าหรือยัง?”
เฟิ่งชูอิ่งตอบ “เอามาให้แล้วเพคะ”
จิ่งโม่เยี่ยก้มลงเป่าชาในถ้วยเบาๆ แล้วจิบหนึ่งครา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนางนิ่งๆ “ในเมื่อได้รับของเขา เจ้าก็เริ่มเขียนยันต์เสียเลยสิ”
เฟิ่งชูอิ่ง “......”
เฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”
นางเดาความคิดของเขาถูกจริงๆ เสียด้วย?
นางมองเขาแล้วตอบว่า “ท่านอ๋อง ข้าเพิ่งจะกลับถึงบ้านเองนะเพคะ!”
จิ่งโม่เยี่ยวางตั๋วเงินหนึ่งแสนตำลึงลงตรงหน้านาง “จะเขียนหรือไม่?”
เฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”
คำที่กล่าวว่า ‘คนรวยบ้าอำนาจ’ น่าจะอธิบายการกระทำของเขาในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี
เฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”
นางเบิกตากว้างมองถ้วยชาตรงหน้าด้วยสีหน้าซับซ้อนยุ่งเหยิง
จิ่งโม่เยี่ยเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าถ้วยชาใบเมื่อกี้นางดื่มไปแล้ว เขาพลันรู้สึกว่าตัวเองน่าจะโกรธนางจนขาดสติ ถึงได้เผลอทำเรื่องอะไรแบบนั้นลงไป
นัยน์ตาของเขาคมปลาบ จดจ้องลงบนศีรษะของนางแล้วกล่าว “ทีนี้เจ้าก็วาดยันต์ได้แล้ว”
เฟิ่งชูอิ่งมองถ้วยเจ้าปัญหาด้วยท่าทางสับสน นางจะดื่มน้ำในถ้วยหรือไม่ดื่มดีล่ะ?
จิ่งโม่เยี่ยจึงตอกหน้านางว่า “ข้ายังไม่รังเกียจเจ้าเลย อย่าบอกนะว่าเจ้ารังเกียจข้า?”
เฟิ่งชูอิ่งยกมือกุมขมับแล้วปาตั๋วเงินคืนให้เขา “ข้าไม่เอาตั๋วเงินแล้ว คำสาปก็ไม่แก้ให้ท่านด้วย ท่านกลับไปเถอะ!”
จิ่งโม่เยี่ยแค่นเสียงเย็นชาขณะจ้องมองนางโดยไม่พูดไม่จา
ความหนาวเหน็บในดวงตาคู่นั้นของเขา ทำให้นางรู้สึกขนลุกไปทั่วตัว
สุดท้ายนางก็หยิบตั๋วเงินยัดใส่อกเสื้อเหมือนเดิม แล้วลุกไปหยิบถ้วยใบใหม่มารินน้ำให้ตัวเอง จากนั้นก็นั่งเขียนยันต์อย่างว่านอนสอนง่าย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี