ซูจื่ออวี๋เอ่ยเสียงต่ำกับจวินมู่เหนียน
“ท่านอ๋อง องค์รัชทายาทเป๋ยชู่ประหลาดนัก”
เห็นได้ชัดว่าจวินมู่เหนียนเองก็สังเกตเห็นแล้ว
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจ เจ้าไปกับเจียอันก็พอ พี่รองกับพี่สี่ไม่ยอมให้ฉู่อวิ๋นหยางสมหวังหรอก”
ซูจื่ออวี๋พยักหน้า แล้วเก็บความคิดเอาไว้ ตอนนี้ภารกิจสำคัญของนางคือต้องได้มาซึ่งกำยานร้อยปี ส่วนคนอื่น รักษาเอาตัวให้รอดเถอะ
……
ทุกคนต่างกระโดดขึ้นหลังม้า ฉินฝานรั่วยื่นธนูทะลวงเมฆให้ทุกคนคนละหนึ่งก้าน พร้อมเอ่ยปาก
“ทุกท่าน นี่คือธนูทะลุเมฆของค่ายจูเฉวี่ย หากประสบอันตรายหรือหลงทาง สามารถจุดธนูนี้ขึ้นฟ้าได้ ภายในร้อยลี้ ล้วนสามารถมองเห็น”
ทุกคนพยักหน้า แล้วเก็บธนูทะลุเมฆเอาไว้
จวินมู่หลานนั่งอยู่บนหลังม้าสูงใหญ่ แล้วเอ่ยปากอย่างฮึกเหิม
“เอาล่ะ พวกเราออกเดินทางกันได้ จำไว้ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ภายในสองวันต้องกลับมาที่ค่าย”
หลังจากทุกคนตอบรับ บุคคลที่จับคู่เป็นเจ็ดกลุ่มย่อย ได้ออกเดินทางไปตามทิศทั้งเจ็ด
เมื่อเห็นแผ่นหลังที่สง่าผ่าเผยของซูจื่ออวี๋ จวินมู่เหนียนเอ่ยปาก
“เทียนชิง ก่อนหน้านี้ที่เจ้าเคยไปสืบมา มีบันทึกเกี่ยวกับการขี่ม้าของซูจื่ออวี๋หรือไม่?”
เทียนชิงชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นนึกย้อนอย่างละเอียด ทันใดนั้นสีหน้าเปลี่ยนทันที พร้อมเอ่ยปาก “เรียนท่านอ๋อง คุณหนูสามตระกูลซู...ไม่เคยขี่ม้ามาก่อน”
จวินมู่เหนียนเม้มปาก แล้วมองซูจื่ออวี๋อย่างครุ่นคิด ใช่สินะ นางเป็นเพียงลูกของอนุในตระกูลซู แม้แต่ออกจากเรือนตัวเองยังยาก แล้วจะขี่ม้าเป็นได้อย่างไร?
มีเพียงหญิงสาวที่ได้รับความเอ็นดูจากครอบครัวอย่างจวินเยว่หราน อานเป่ยเยว่ ซูจื่อเยียน ถึงมีโอกาสขี่ม้าล่าสัตว์เยี่ยงบุรุษ ส่วนซูจื่ออวี๋น่าจะขี่ม้าไม่เป็นถึงจะถูก
ถ้าหากคุณหนูสามตระกูลซูคนเดิมขี่ม้าไม่เป็น แล้วคนที่ขี่ม้าตรงหน้าคนนี้ คือผู้ใดกัน?
ริมฝีปากของจวินมู่เหนียนเม้มจนเป็นเส้นตรง ในใจของเขาสับสนเล็กน้อย
เทียนชิงเห็นดังนั้นจึงบอกว่า
ผางอิงตกใจจนตื่นกลัว รีบบอกว่า
“ท่านอ๋องกล่าวเกินไปแล้ว งานในกองทัพข้าน้อยจัดการเรียบร้อยแล้ว แค่เล่นหมากกันเท่านั้น ไม่ทำให้เสียเวลาขอรับ”
จวินมู่เหนียนหัวเราะอย่างไม่เดือดร้อนใจ
“อ๋อ ใช่หรือ? แต่ทำไมข้าได้ยินมาว่าครึ่งปีมานี้เบี้ยหวัดทหาร ถูกใช้ไปแล้วถึงสามส่วน? ตอนนี้เป็นกลางฤดูร้อน ไม่จำเป็นต้องทำเครื่องแบบฤดูหนาว เหตุใดเงินที่ใช้ในการทำเครื่องแบบฤดูหนาวถึงใช้เงินไปมากมายเพียงนั้น? แม่ทัพผาง ท่านต้องรัดกุมบ้างนะ”
ผางอิงหน้าเปลี่ยนทันใด เบี้ยหวัดในครึ่งปีหลังเขาใช้ไปแล้วสามส่วน จวินมู่เหนียนรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? เรื่องนี้ไม่มีทางที่ใครจะรู้ได้!
เรื่องนี้แม้แต่คนสนิทของเขาอย่างเสียนควานยังไม่รู้ จวินมู่เหนียนมีหน่วยสอดแนมอยู่ในจวนเขาหรือ?
เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจที่ไม่ราบเรียบของผางอิง จวินมู่เหนียนมือถือหมากดำ แล้ววางลงบอกว่า
“น้ำใสไร้ตัวปลา คนเจนจัดไร้สหาย เมื่อเบี้ยหวัดมาถึงค่ายจูเฉวี่ย จะใช้ทำสิ่งใด ใช้อย่างไร ใช้เมื่อใด ล้วนเป็นเรื่องของแม่ทัพผาง ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งให้มากความ เพียงแค่กล่าวตักเตือนเท่านั้น แม่ทัพผางไม่ต้องตกอกตกใจไปหรอก”
ใจของผางอิงที่ตกลงไปถึงตาตุ่มกลับมาอยู่ที่เดิมอีกครั้ง เพราะเขาเข้าใจสิ่งที่จวินมู่เหนียนพูด จวินมู่เหนียนเพียงแต่ตักเตือนเขาเท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำให้ลำบากใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ
เรื่องนี้ไม่อัพเพิ่มแล้วหรอคะ...
ต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้นแน่ๆ...
นางเอกทนงตนเกินไปว่าตัวเองเก่งทำให้ไม่ระแวดระวังและไม่ยอมให้มีคนคุ้มกัน...
สนุกมากๆเลยค่ะ รอ admin นะคะ...
ไม่ลงตอนใหม่แล้วเหรอคะ...
สนุกค่ะ รออัพเดทนะคะ...
ตอนที่241 รอบอัพอยู่ค่ะ 242 มาตอนไหนค่ะ...
รอการอัพเดตอยู่นะคะ...
สนุกมาก รออ่านทุกวัน แต่ลงแค่วันละ 2 ตอน ฮือออออ...
จะเจอไหมนะ...