ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา นิยาย บท 180

บางทีอาจจะเป็นเพราะหลิงอวี๋ช่วยเซียวหลินเทียนไว้อย่างใหญ่หลวงนัก พอเซียวหลินเทียนเห็นว่ามีการก่อสร้างเรือนบุหงา เขาจึงให้จ้าวซวนส่งทหารองครักษ์และบ่าวรับใช้ชายในตำหนักไปช่วยที่เรือนบุหงา

มีคนช่วยเหลือมากมายถึงเพียงนี้ ภายในวันเดียว หลี่ต้าหนิวจึงได้ประกอบโครงห้องที่สร้างขึ้นใหม่หลายห้องได้เสร็จสิ้นเลย

วันรุ่งขึ้นจ้าวซวนก็จ้างช่างมามากหลาย ช่วยกันคนละไม้คนละมือก็วางอิฐเรือนเสร็จ

เมื่อหลิงอวี๋กลับมาจากโรงเหยียนหลิง นางตกใจก็กับความเร็วของการก่อสร้างเรือนบุหงา เรือนบุหงากว้างขวางขึ้นและเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เหลือเพียงรายละเอียดบางส่วนเท่านั้น

นางพาหลิงเยวี่ยเดินไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น ดูว่ายังมีรายละเอียดใดที่จำเป็นต้องเพิ่มอีกหรือไม่

สวนดอกไม้ด้านหลังมีขนาดใหญ่มาก เรือนที่สร้างขึ้นใหม่ก็มีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของเรือนบุหงาดั้งเดิม

ตอนที่หลิงอวี๋ออกแบบก่อนหน้านี้ก็ทำห้องน้ำส่วนรวม และห้องนอนหลายห้องก็มีห้องน้ำส่วนตัวด้วย

บริเวณตรงกลางสวน นางเหลือพื้นที่ให้หลิงเยวี่ยได้เล่นและออกกำลังกาย ทั้งยังได้ทำชิงช้าให้หลิงเยวี่ยด้วย

ทางเรือนบุหงามีการทาสีใหม่ หน้าต่างทั้งหมดล้วนเปลี่ยนเป็นกระจกสี

กระจกสีเหล่านี้หลี่ต้าหนิวไปซื้อมาตามคำขอของหลิงอวี๋ การติดตั้งกระจกในห้องหลายห้องต้องใช้เงินไม่ใช่น้อยเลย

ทำให้หลี่ต้าหนิวรู้สึกปวดใจ บอกไปว่าเงินที่ใช้ไปกับการกระจกสีเหล่านี้ มันมากพอที่จะสร้างเรือนบุหงาสองหลังขึ้นมาใหม่ได้เลย

หลิงอวี๋ไม่ได้รู้สึกปวดใจเลยสักนิด หากไม่ใช่ว่าในตอนนี้ยังไม่มีกระจกใส นางก็ยินดีที่จะเปลี่ยนเป็นหน้าต่างกระจกแทน

แต่หน้าต่างกระจกสีแบบนี้ดูหรูหรากว่าเรือนริมวารีของเซียวหลินเทียนเสียอีก ทำให้คนรับใช้ของตำหนักอ๋องอี้ที่มาช่วยซ่อมแซมเรือนบุหงา ล้วนแอบอิจฉาหลิงซินกับแม่นมลี่

เรือนที่ท่านอ๋องเซียวหลินเทียนอาศัยอยู่ไม่ได้ติดหน้าต่างกระจกสี แต่เรือนบุหงาที่เก่าและทรุดโทรมกลับมีหน้าต่างเช่นนี้แล้ว

หลิงซินและแม่นมลี่ต่างได้รับผลพลอยได้จากหลิงอวี๋จริง ๆ!

ตั้งแต่วันที่หลิงซินบอกเรื่องเงินเดือน คนรับใช้เหล่านี้ก็รู้แล้วว่าพระชายาอ๋องอี้ไม่ใช่พระชายาอ๋องอี้ผู้ตกต่ำอีกต่อไป!

ไม่คิดเลยว่า หัวหน้าองครักษ์เช่นจ้าวซวนก็จะสรรเสริญหลิงอวี๋ด้วย?

คนรับใช้เหล่านี้ไม่กล้าดูถูกหลิงอวี๋อีกต่อไป และเริ่มเอาใจหลิงซินกับแม่นมลี่อย่างขยันขันแข็ง

แม่นมลี่กับหลิงซินไม่เคยภูมิใจเท่านี้มาก่อนเลย

แม่นมลี่เองก็ไม่ตระหนี่เช่นกัน นางทำอาหารพิเศษแก่ผู้ที่มาช่วยเหล่านี้ทุกวัน อีกทั้งมีปลาและเนื้อให้พวกเขากินได้อย่างเต็มที่ตามคำสั่งของหลิงอวี๋ด้วย

เรือนบุหงาเปล่งประกายด้วยตัวเอง เกิ่งเสี่ยวหาวรู้ว่าหลิงอวี๋กำลังซ่อมแซมเรือน จึงส่งพ่อครัวสองสามคนมาช่วยแม่นมลี่ทำอาหารให้กับช่างเป็นพิเศษ

ในเวลาเพียงไม่กี่วัน เรือนบุหงาก็มีรูปลักษณ์ใหม่ทั้งหมดแล้ว

หลิงอวี๋ถึงกับเปลี่ยนเครื่องเรือนและเตียงในห้องนอนแต่ละห้อง และให้หลี่ต้าหนิวทำตู้เสื้อผ้าในแต่ละห้องด้วย

ห้องตำราของหลิงเยวี่ยก็ทำตู้หนังสือหลายแถวและโต๊ะหนังสือที่งดงามอีกหนึ่งตัวด้วย

หลิงเยวี่ยออกแบบหัวเตียงรูปสุนัขตัวน้อยสำหรับเตียงของเขา พอหลิงเยวี่ยเข้ามาเห็นมัน เขาก็กอดหลิงอวี๋แล้วตะโกน

“ท่านแม่ เยวี่ยเยวี่ยชอบเตียงนี้... ท่านแม่ เยวี่ยเยวี่ยก็ชอบห้องตำราด้วย! เยวี่ยเยวี่ยหวงแหนท่านแม่มากเลย!”

ตอนนี้หลิงอวี๋รู้แล้วว่า หลิงเยวี่ยสามารถแยกแยะระหว่างความชอบและความหวงแหนได้ แต่เขารู้สึกว่าความหวงแหนนั้นสามารถแสดงความรักต่อหลิงอวี๋ได้ดีกว่าความชอบ

หลังจากที่หลิงอวี๋รู้ นางก็ไม่เคยคิดที่จะแก้ให้เขาอีกเลย

จากนั้นเกิ่งเสี่ยวหาวก็หาคนรับใช้สองคนให้หลิงเยวี่ย ได้แก่ฮู๋จื่อที่เพิ่งอายุสิบสามปีบริบูรณ์ในปีนี้และเต๋อจื่อที่อายุสิบปี

เด็กทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน พ่อแม่ของพวกเขาเสียชีวิตและถูกขาย เกิ่งเสี่ยวหาวจึงซื้อไว้

ฮู๋จื่อรูปร่างแข็งแรง ซื่อสัตย์มาก ตาของเขาโต

เต๋อจื่ออายุน้อยแต่ค่อนข้างฉลาด ขนตาของเขายาวมาก ผิวของเขาไม่เข้มเท่าเปียวจื่อ ค่อนข้างขาว

“แม้ว่าเด็กสองคนนี้จะยังเด็ก แต่อดทนต่อความยากลำบากได้ดีมาก พวกเขาอยู่กับข้ามานานกว่าสองปีแล้ว อุปนิสัยของพวกเขาก็เชื่อใจได้ด้วย!”

เกิ่งเสี่ยวหาวเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ "แม้ว่าพวกเขาจะเรียนวรยุทธมาเพียงสองปี แต่พวกเขาก็มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้มาก ฮู๋จื่อมีพลังมาก พวกอันธพาลข้างถนนพื้น ๆ ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้เลย!"

แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว หลิงอวี๋ไม่ได้คาดหวังว่าพวกเขาจะสามารถจัดการกับยอดฝีมือด้านการต่อสู้ได้ ขอเพียงพวกเขาสามารถรับประกันความปลอดภัยขั้นพื้นฐานของหลิงเยวี่ยได้ก็พอแล้ว

นางประทับใจเด็กทั้งสองมากจึงรับพวกเขาเอาไว้

หลังจากสอบถามก็รู้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองสกุลฉี หลิงอวี๋ไม่ยอมให้พวกเขาเปลี่ยนสกุล จึงยังคงเรียกพวกเขาว่าฉีฮู๋กับฉีเต๋ออยู่

สิ่งที่หลิงอวี๋ประหลาดใจคือ เด็กทั้งสองคนต่างก็อ่านออกเขียนได้ หลังจากใช้เวลาอยู่กับหลิงเยวี่ยครึ่งวันทั้งสามก็มีความสุขมากราวกับเป็นพี่น้องกันแท้ ๆ

เด็กสองคนนี้ไม่เหมือนเฮยจื่อที่มีนิสัยเอาแต่ใจ

แม้ว่าหลิงอวี๋จะให้พวกเขารับหน้าที่ปกป้องหลิงเยวี่ย แต่เมื่อเด็กทั้งสองว่าง คนหนึ่งจะคอยดูหลิงเยวี่ย ในขณะที่อีกคนจะเข้าไปช่วยหลิงซินกับแม่นมลี่ทำงาน

หลังจากอยู่กันได้เพียงวันเดียว หลิงซินกับแม่นมลี่ก็ถือว่าเด็กทั้งสองเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว

แม่นมลี่ก็ออกไปซื้อเสื้อผ้า รองเท้าและเครื่องนอนใหม่ให้กับเด็กสองคนและหลิงซวนที่กำลังพักฟื้นอยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา