เซียวทงถลึงมองหลิงอวี๋พลางกล่าวเหลืออด
“พี่สะใภ้สี่ช่างรอบคอบจริง ๆ! โปรดวางใจ ตัวข้าเตรียมผู้ตัดสินไว้เรียบร้อย! ผู้ที่รับเชิญมาทั้งสี่ในวันนี้ต่างคือปรมาจารย์ทั้งสิ้น!”
“ด้านศิลปะดีดพิณคือแม่นางชางหัวหน้านักดนตรีแห่งวังหลวง… ด้านหมากล้อมคือหลวงจีนอวี๋ ด้านอักษรศิลป์คือหลวงจีนซุนอดีตประมุขแห่งสำนักเยวี่ยลู่ ส่วนด้านวาดภาพคือแม่ชีเฉินแห่งสำนักชิงเถิง”
เมื่อวาจานี้ขององค์หญิงหกได้เอื้อนเอ่ยก็ดึงดูดความปั่นป่วนทันที ปรมาจารย์ทั้งสี่ท่านต่างคือผู้อาวุโสมากชื่อแห่งลัทธิเต๋า
แม่นางชางเชี่ยวชาญเครื่องดนตรีหลายประเภท และมีหูที่แหลมคมจนชวนคนอิจฉา
นางสามารถจับผิดจังหวะของเครื่องดนตรีได้ทุกประเภทท่ามกลางเสียงอันวุ่นวาย
ส่วนหลวงจีนอวี๋ที่อายุหกสิบในปีนี้ เขาเริ่มเรียนหมากล้อมตั้งแต่สามขวบ และเมื่ออายุได้ยี่สิบปีก็ไม่มีคู่ต่อสู้คนใดในแผ่นดินคว่ำเขาลง
หลวงจีนซุนอดีตประมุขแห่งสำนักเยวี่ยลู่เป็นผู้เชี่ยวชาญมีชื่อด้านอักษรศิลป์ เขาไม่เพียงช่ำชองลายมือหลายแบบ แต่เขายังมีลายเส้นโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย
ที่ยิ่งสำคัญกว่านั้นคือ หลวงจีนซุนอบรมบ่มเพาะศิษย์มาทั้งชีวิต และลูกศิษย์ก็มีทั่วทุกแห่งในทั่วหล้า
กระทั่งองค์จักรพรรดิอู่อันองค์ปัจจุบันก็ยังได้รับคำชี้แนะจากหลวงจีนซุน
ส่วนสำนักชิงเถิง นั่นคือสำนักของสตรีเพียงแห่งเดียวในเมืองหลวง แม่ชีเฉินคืออาจารย์หญิง และเป็นรองประมุขแห่งสำนักคอยชี้แนะด้านวาดภาพ
ในเมื่อองค์หญิงหกสามารถเชิญปรมาจารย์ทั้งสี่มาตัดสินงานชมบุปผาได้ นี่ก็ทรงเกียรติเทียมฟ้าโดยแท้แล้ว!
หลิงอวี๋เชิดริมฝีปากถากถาง
หลิงซวนเคยบอกตนว่า จ้าวเจินเจินเคยเรียนวาดภาพกับแม่ชีเฉินมาหลายปี และแม่นางชางหัวหน้านักดนตรีแห่งราชสักนักผู้นั้นก็ลือว่าเป็นคนใกล้ชิดของจ้าวเจินเจิน
ในบรรดาผู้ตัดสินทั้งสี่มีคนถือหางจ้าวเจินเจินถึงสองคน การแข่งขันแบบนี้ยังจะเรียกว่ายุติธรรมได้อีกหรือ?
หลิงอวี๋เหลือบตามองกล่าวด้วยยิ้มอ่อนจาง “เป็นเกียรติของพวกเราอย่างสูงที่องค์หญิงหกเชิญปรมาจารย์ทั้งสี่เป็นผู้ตัดสิน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ขอบคุณนะที่ลงเพิ่ม กำลังสนุกมาก...
คนเขียนกลับมาก๊อนนนน🥹 ทางนี่ใจจะขาดแล้วฮะ...
รอสนุกมาก...
รอ........
จะมีแบบรูปเล่มออกมาเมื่อไหร่คะ...
หยุดอัพอีกแล้ว 😭...
รออัพตอนใหม่นะคะ...
ต่อๆ รอออ...
รอนะคะ...
จะมีตอนต่อไปให้อ่านใหมคะ กำลังฟินเลย...