ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 111

สรุปบท บทที่ 111 มงคลคู่ที่มาพร้อมกันกับอันน่าสยองขวัญ: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

บทที่ 111 มงคลคู่ที่มาพร้อมกันกับอันน่าสยองขวัญ – ตอนที่ต้องอ่านของ ยอดหมอยาของอ๋องเสียน

ตอนนี้ของ ยอดหมอยาของอ๋องเสียน โดย หยูนเยว่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 111 มงคลคู่ที่มาพร้อมกันกับอันน่าสยองขวัญ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 111 มงคลคู่ที่มาพร้อมกันอันน่าสยองขวัญ

ที่นี่ เสินหยุนเอ๋อเองก็อยู่ด้วย แต่นางนั่งอยู่ในที่ที่ไม่สะดุดตานัก ดูรูปร่างผอมบางของนาง และดวงตาที่หมองคล้ำ ยิ่งทำให้รู้ว่าจิตใจไม่เบิกบาน แต่นางไม่ได้มาคนเดียว มีคนติดตามมาด้วยอีกสองคนขนาบซ้ายขวา

ด้านซ้ายคือเสินเฉิงเสี้ยง ส่วนคนขวาคือเสินหยุนเจ๋

อันหลิงหยุนไม่ทันที่จะสังเกตเห็นในตอนแรก เพียงแต่รู้สึกอยู่ตลอดว่า แถวๆนี้มีคนกำลังจ้องมองนางอยู่ จนกระทั่งตอนที่นางเห็นเสินหยุนเอ๋อ จึงพบว่าเสินหยุนเจ๋ก็มาด้วย

เมื่อเผชิญหน้ากลับดวงตาที่เหมือนกำลังลุกเป็นไฟของเสินหยุนเจ๋ อันหลิงหยุนก็รู้สึกผิดหวัง จริงๆแล้วพวกเขาทั้งสองคนมีความเกี่ยวข้องเช่นไรกันแน่ ถึงจะต้องมองนางเช่นนี้

เมื่อนึกถึงกิ๊บอันนั้น อันหลิงหยุนก็รู้สึกเศร้าโศก

อย่าได้มีความคิดอะไรกับร่างเดิมเลย

ไม่รู้ว่าตอนไหนกันที่มือของกงชิงวี่ออกแรงตีมาหนึ่งครั้ง อันหลิงหยุนตกใจจนสะดุ้งโหยง จึงหันหน้ากลับไปมองกงชิงวี่ด้วยท่าทีฝืนยิ้ม: “พระชายากำลังดูอะไรหรือ?”

“ไม่มีอะไรเพคะ”

อันหลิงหยุนรู้สึกไม่มั่นใจ จริงๆแล้วนางมองเสินหยุนเจ๋ถึงสองครั้ง แต่ก็ยากที่จะหักล้างความคิดของอีกฝ่ายได้

“แคก แคก......” อันหลิงหยุนกำลังคิดว่าจะไม่มองเสินหยุนเจ๋ แต่ทางด้านของเสินหยุนเจ๋นั้นไอขึ้นมา อีกทั้งยังเป็นการไอแบบเอาเป็นเอาตาย

อันหลิงหยุนเป็นหมอ เมื่อได้ยินคนไอ ก็เงยหน้าขึ้นไปมองอย่างตั้งใจในทันที เมื่อเห็นเสินหยุนเจ๋กำหมัดแน่น เหมือนคนเป็นวัณโรค นางก็รู้สึกเป็นห่วง นี่มันวัณโรคไม่ใช่หรือ?

สีหน้าของกงชิงวี่ดูเคร่งขรึมลง เขาออกแรงบีบมือของอันหลิงหยุน เพื่อที่จะดูโรคของเสินหยุนเจ๋ให้ชัดเจน อันหลิงหยุนจึงไม่ได้สนใจเลยสักนิด

ทำให้กงชิงวี่โกรธจนตบโต๊ะ

“ตูม!”

ตกใจจนเสียงรอบข้างเงียบกริบไปหมด

อันหลิงหยุนมองอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว หน้าตางุนงง แม่เอ๊ย! ให้ใครตกใจกัน?

กงชิงวี่ทใบน้าตาเย็นชา: “ข้าเจ็บหัวใจ!”

“......” อันหลิงหยุนขมวดคิ้ว: “ตรงไหนหรือเพคะ?”

นางคิดว่าเป็นเรื่องจริง

จึงยกมือขึ้นมาลูบดูทันที กงชิงวี่ดึงมือของนางมาวางไว้แนบอกตรงหัวใจ: “ตรงนี้รึ?”

คนที่อยู่รอบๆล้วนมองดูพวกเขาอยู่ ใบหน้าของเสินหยุนเจ๋นั้น ซีดเผือดจนน่ากลัว และในตอนนี้เองเขาก็เริ่มไออีกครั้ง

ส่วนคนที่เหลือ ต่างก็คิดกันไปต่างๆนานา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

อ๋องเสียนเจ็บหัวใจ ยังจะออกแรงทุบโต๊ะขนาดนั้นอีก

“เมื่อเช้ายังดีๆอยู่เลย ทำไมอยู่ดีๆถึงเจ็บหัวใจล่ะเพคะ? อันหลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จึงลองตรวจดูให้อันชิงวี่ก่อนแล้วค่อยสรุป

มือข้างหนึ่งถูกอันชิงวี่จับแนบอกไว้ ส่วนมืออีกข้างจับที่ข้อมือของเขา แล้วตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง

หายใจไม่สะดวกจริงๆด้วย ทำให้อันหลิงหยุนรู้สึกเศร้า

โรคหัวใจไม่ใช่โรคที่จะรักษากันได้ง่ายๆ ถึงแม้จะไม่เหมือนจำพวกโรคไขข้อและปวดกระดูกที่ไม่ตายก็เหมือนตาย แต่โรคหัวใจนั้น แม้ในยุคปัจจุบันก็ยากที่จะควบคุมและรักษาให้หายขาด ยิ่งสมัยโบราณเช่นนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

อันหลิงหยุนแสดงสีหน้ากังวลทันที: “ครั้งก่อนท่านโกรธจนไม่สบาย ท่านโกรธอีกแล้วใช่หรือไม่?”

กงชิงวี่พยักหน้า ด้วยท่าทีเชื่อฟังอย่างมาก

อันหลิงหยุนรู้สึกเป็นห่วง: “ท่านอย่าโกรธอีกเลย อีกประเดี๋ยวเข้าเฝ้าฝ่าบาทเสร็จก็กลับกันเลยเพคะ”

“ดี”

กงชิงวี่ค่อยๆผ่อนคลายลง จริงๆแล้วก็โกรธไม่น้อย

ขณะที่กำลังมองหน้าเขา นางก็แอบหันไปส่งสายตากับเสินหยุนเจ๋ ในสายตายังมีเขาคนนี้อยู่อีกหรือไม่

อันหลิงหยุนเองก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เป็นนางที่ถูกจูงมือ แต่มาตอนนี้นางกลับเป็นคนจูงมือกงชิงวี่แล้ว

นางกลัวว่ากงชิงวี่จะไม่สบาย โรคหัวใจกำเริบ

เมื่อแม่ทัพอันเห็นว่าลูกสาวและกงชิงวี่มีความสัมพันธ์ที่ดูกลมเกลียวกัน ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นเสินเฉินเสี้ยง ดูท่าทางเขาก็พอใจมากเช่นกัน

โดยเฉพาะตอนที่เห็นเสินหยุนเจ๋ ก็ดูมีความสุขมาก

ลูกชายทั้งสองของตระกูลเสิน แม่ทัพอันก็เป็นผู้ชักนำเข้ากองทัพทั้งสิ้น แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยนำเรื่องของส่วนรวมมาใช้ในการแก้แค้นส่วนตัว การเติบโตและความสามารถของพวกเขาก็อยู่ในสายตามาโดยตลอด

โดยเฉพาะเสินหยุนเจ๋คนนี้ แม่ทัพอันรู้วึกพอใจเป็นอย่างมาก เวลาต่อสู้ก็มีความสามารถในการต่อสู้ เวลานำทัพก็มีความสามารถในการนำทัพ คนคนที่มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากจริงๆ

เมื่อเห็นแม่ทัพอัน เสินหยุนเจ๋ก็มีสีหน้าที่ดีขึ้นเล็กน้อย ไม่ไอ แต่กลับลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างหน้าแม่ทัพอัน แล้วทำความเคารพเขา: “ข้าน้อยคารวะท่านแม่ทัพ”

ต่อหน้าผู้คนมากมาย อีกทั้งทั้งสองตระกูลก็เป็นศัตรูกัน การก้าวออกมาของเสินหยุนเจ๋ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจ เสินเฉินเสี้ยงโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ในใจรู้ดีว่าลูกชายตนเองหลงรักอันหลิงหยุนแล้ว แต่ก็ควรจะเอาเรื่องนี้ทิ้งไว้ในอดีต ตอนนี้นางเองก็แต่งงานแล้ว ทำเช่นนี้น่าขายหน้าจริงๆ

แม่ทัพอันเองไม่ได้มีทีท่าลังเล รีบลุกขึ้นไปประคองเสินหยุนเจ๋ทันที: “เจ้าโตแล้ว อีกทั้งยังแข็งแกร่ง ได้ยินว่าเจ้าประสบความสำเร็จในการรบอย่างมาก ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้แก่ฮ่องเต้จริงๆ”

“ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะท่านแม่ทัพสั่งสอนมาดี หยุนเจ๋จึงประสบความสำเร็จในการรบอย่างเช่นวันนี้” เสินหยุนเจ๋ใบหน้าซีดเผือด อีกทั้งยังคงไออยู่เล็กน้อย

แม่ทัพอันเอ่ยถาม: “เจ้าเป็นอะไรไปรึ?”

“เป็นหวัดนิดหน่อยขอรับ เพิ่งจะกลับมา ก็ต้องไปที่ชายแดนต่อ” เสินหยุนเจ๋สีหน้าขมขื่น ขณะที่กำลังพูดฮ่องเต้ชิงหยู่พร้อมกับฮองเฮาและพระสนมเดินมาทางด้านหน้า

ฮ่องเต้ชิงหยู่หยุดยืน พร้อมกับยิ้มแล้วพูดว่า: “ดูไม่ออกเลยว่า แม่ทัพอันกับหยุนเจ๋เป็นสหายต่างวัยกัน”

“ถวายบังคมฝ่าบาท ฮองเฮา เซียวกุ้ยเฟย......”

ทุกคนลุกคนและหมอบลงไปบนพื้น ฮ่องเต้ชิงหยู่กล่าวว่า: “ลุกขึ้นเถอะ”

ฮ่องเต่ชิงหยู่นั่งลง เสินหยุนชูจับมือและนั่งลงข้างๆฮ่องเต้ชิงหยู่ โดยมีเซียวกุ้ยเฟยนั่งอยู่ด้านล่าง

ตอนนี้เองทุกคนจึงกล้าที่จะนั่งลง

แต่เสินหยุนเจ๋กลับยืนอยู่ที่เดิม ฮ่องเต้ชิงหยู่เองรู้สึกโปรดปรานน้องเขยที่ประสบความสำเร็จในการรบครั้งนี้เป็นอย่างมาก จึงเอ่ยปากถามว่า: “หยุนเจ๋ เจ้ามัวยืนอยู่ทำไม?”

“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันอยากจะนั่งข้างๆแม่ทัพอันพ่ะย่ะค่ะ”

“หยุนเจ๋ อย่าพูดเหลวไหล” เสินหยุนชูซึ่งมีศักดิ์เป็นฮองเฮา พูดตำหนิน้องชายของตนเองอย่างตรงไปตรงมาที่ไม่รู้จักกฎระเบียบ ทางด้านฮ่องเต้ชิงหยู่ เพื่อที่จะแสดงถึงความรักความโปรดปรานที่มีต่อฮองเฮา จึงจับนางไว้แล้วตบเบาๆ: “ให้เขานั่งเถอะ”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

ตอนนี้เอง เสินหยุนเจ๋จึงเดินไปนั่งลงข้างๆแม่ทัพอัน ซึ่งติดกับอันหลิงหยุนพอดี

อันหลิงหยุนรู้สึกอึดอัด ฮ่องเต้ตรัสอะไรก็ได้ยินไม่ชัดเจน ได้แต่เก็บความรู้สึกไม่ชอบใจเอาไว้

กงชิงวี่ออกแรงบีบมือของนางอีกครั้ง ทรมานจริงๆ

อีกทั้งจุนฉูฉูและเสินหยุนเอ๋อที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็กำลังมองนางอยู่

ไม่นาน นางก็กลายเป็นเหมือนผู้หญิงที่สวยที่สุดในที่นั้น ที่สามารถดึงดูดสายตาของผู้คนได้

ฮ่องเต้กล่าวคำพูดด้วยท่าทีสง่างามสองสามประโยค แล้วงานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น

ฮองเฮาเสนอเกมที่สนุกๆขึ้นมาหนึ่งเกม โดยให้ฮ่องเต้ชิงหยู่เป็นผู้เริ่ม หนึ่งคนหนึ่งประโยค หากพูดรับต่อได้ก็ให้รางวัลเป็นอาหารหนึ่งอย่าง หากรับต่อไม่ได้ก็จะต้องถูกลงโทษโดยการให้แสดงความสามารถออกมาหนึ่งอย่าง

ฮ่องเต้ชิงหยู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง: “เช่นนั้นก็พนะชายาเสียนแห่งจวนอ๋องเสียนละกัน”

คนที่อยู่ด้านล่างต่างผงะไปชั่วครู่ และต่างก้มศีรษะกันอย่างโกลาหล

ฮ่องเต้ชิงอยู่พูดว่า: “ตกรางวัล นำกระบี่โม่เย่ที่ข้าใช้เมื่อวานออกมามอบให้หยุนเจ๋”

“ฝ่าบาท ไม่ได้เพคะ นั้นคือของคู่พระวรกายของพระองค์ จะมอบให้หยุนเจ๋ได้กระไร?” ฮองเฮารีบลุกขึ้น ฮ่องเต้ชิงหยู่จึงจับมือนางไว้

“ไปเอามา”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ออกคำสั่ง สวีกงกงจึงรีบพาคนไปนำมาทันที

“ท่านแม่ทัพน้อย รีบขอบพระทัยเร็วเข้า นี่เป็นของคู่พระวรกายฝ่าบาท เป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น”

เสินหยุนเจ๋ลุกขึ้น แล้วเดินไปด้านหน้าพระที่นั่ง ยกเสื้อคลุมขึ้น แล้วคุกเข่าลงรับกระบี่!

ขอบพระทัยเสร็จก็ลุกขึ้นยืน เสินหยุนเจ๋ยืนดูกระบี่อยู่ตรงหน้าสักครู่ ฮ่องเต้ชิงหยู่ก็พูดขึ้นว่า: “มีกระบี่เล่มนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าก็สามารถนำดาบเข้าวังหลวงได้”

เมื่อเสินหยุนเจ๋มองไป ก็เห็นเสินเฉินเสี้ยนรีบลุกขึ้นทันที: “ฝ่าบาท ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ ขอทรงถอนรับสั่งด้วย”

ฮ่องเต้ชิงหยู่จับมือของฮองเฮาเสินหยุนชูไว้: “มีอีกเรื่องที่ข้าจะประกาศ ฮองเฮาและกุ้ยเฟยตั้งครรภ์แล้ว”

อันหลิงหยุนตกใจ คนที่อยู่รอบข้างต่างรีบลุกขึ้น แล้วคุกเข่าลงแสดงความยินดีแด่ฮ่องเต้ชิงหยู่

อันหลิงหยุนถูกดึงให้ลุกขึ้นแสดงความยินดี ทุกคนต่างก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง

อันหลิงหยุนรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก ช่างน่าตกใจจริงๆ!

ต่อให้การรักษาจะได้ผลเพียงใด ก็ไม่น่าจะเร็วถึงเพียงนี้ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

ฮองเฮาเองก็ตั้งครรภ์แล้ว

หลังจากแสดงความยินดีเสร็จ ทุกคนก็ยังคงอยู่ในบรรยากาศของความปิติยินดี อันหลิงหยุนรู้สึกปวดเมื่อยไปหมด เข้าวังทุกครั้งต้องคุกเข่า นางอย่างจะเป็นฮ่องเต้จริงๆ เช่นนั้นก็จะมีแต่คนอื่นที่จะต้องคุกเข่าให้

เมื่อนั่งลง อันหลิงหยุนก็เห็นไปหน้าซีดเผือดของจุนฉูฉู ที่มองดูครอบครัวด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

เมื่อคิดถึงเรื่องที่นางยังคงรอคอยการขึ้นครองราชย์ของอ๋องตวน อันหลิงหยุนเองก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจนาง

อันหลิงหยุนหันหน้าไปมองกงชิงวี่ อยากจะรู้ว่าเขามีสีหน้าเช่นไร แต่ดูเหมือนเขาจะกำลังจมอยู่ในความคิดอะไรสักอย่างอยู่ ก้มหน้าก้มตาคิดเรื่องบางอย่างอยู่

เขาดึงมือของนางมา ตอนนี้เองเขาค่อยๆใช้นิ้วโป้งถูไปถูมาบนมือของนางเบาๆ

คิดว่าคงจะรู้สึกตกใจเช่นกัน

ฮ่องเต่ชิงอยู่มีบุตรยาก แต่เซียวกุ้ยเฟยเพิ่งจะเข้าวังมาไม่ถึงสองเดือน ทั้งสองตำหนักก็ทรงพระครรภ์ทั้งคู่ เช่นนี้จะไม่ให้ตกใจได้กระไร?

เป็นเพราะทรงพระโสมนัส ฮ่องเต้จึงพระราชทานรางวัลเป็นอาหารลงมาหลากหลายอย่าง อันหลิงหยุนมีลาภปากแล้ว

งานเลี้ยงจบลง ทุกคนต่างแยกย้าย เหล่าข้าราชบริพารที่อยู่ในตำแหน่งสูงเหล่านั้น ต่างก็มีสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป

อันหลิงหยุนเดินตามกงชิงวี่ไปด้วยความแปลกใจ ปล่อยให้เขาจูงมือไป

นางเดินไปพลางบ่นพึมพำไปพลาง: “หรือแม้แต่ราชครูจุนและเสินเฉินเสี้ยนก็ไม่รู้เรื่องนี้?”

อันหลิงหยุนสังเกตเห็นว่าพวกเขาต่างก็ไม่รู้เรื่อง

กงชิงวี่พูดเบาๆ : “ถ้าหากเรื่องที่แม้แต่ข้าเองก็ยังไม่รู้ เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่มีโอกาสได้รู้แน่นอน”

อันหลิงหยุนแสดงสีหน้าตกใจ: “ท่านเก่งกาจขนาดนั้นเชียวหรือ?”

“ข้าไม่เก่งกาจหรอกหรือ?” กงชิงวี่แสดงสีหน้าภูมิใจ แววตาที่มองอันหลิงหยุนเต็มไปด้วยการหยอกล้อ อันหลิงหยุนมองเขาอย่างเบื่อหน่าย: “หน้าไม่อาย!”

“อืม!”

กงชิงวี่พยักหน้า แสดงให้เห็นว่าอันหลิงหยุนพูดถูก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน