ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 177

บทที่ 177 เหมือนเข็มทิ่มลงกระดูก

สามวันติดต่อกันที่อันหลิงหยุนนั้นไม่ได้ออกจากเรือน นางได้แต่เก็บตัวไว้ภายในเรือน

หากไม่ถึงเวลาพระกระยาหารก็จะไม่ออกมา เมื่อเสวยเสร็จแล้วก็กลับเข้าเรือนเพื่อทำการวิเคราะห์ผลต่อ

พอครบสามวัน อันหลิงหยุนไม่เพียงจะไม่อ้วน แถมยังดูผอมลงไปเยอะ

และกงชิงวี่เองภายในสามวันนั้นก็ยุ่งอยู่กับการสลายดินปูนทำให้ปูน ออกจากจวนก็เช้าตรู่ กลับมาอีกทีก็ค่ำ ทั้งสองคนแทบจะไม่มีเวลาได้คุยกันเลย และก็ไม่ทราบว่าอันหลิงหยุนนั้นผอมลงอีกด้วย

วันนี้อันหลิงหยุนเข้าวัง กงชิงวี่เองก็ลุกแต่เช้าไปดูปูน และทั้งสองคนก็ไม่ได้เจอกันอีกรอบ

แต่ว่าวันนี้เป็นวันสุดท้าย ปูนเหลืออีกแค่นิดเดียวก็จะสำเร็จแล้ว

อันหลิงหยุนไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ชิงหยู่แต่เช้าตรู่

เมื่อทั้งสองคนเจอกัน ฮ่องเต้ชิงหยู่ถึงกับต้องตกใจ สามวันผอมลงได้ขนาดนี้เชียวหรือ หน้าที่กลม ๆ แต่ก่อนกลับไม่กลมแล้ว

“ถวายพระพรฝ่าบาท” อันหลิงหยุนทำความเคารพ ไม่มีคนอื่นนางเลยไม่ต้องนั่งคุกเข่าทำความเคารพ

ฮ่องเต้ชิงหยู่ผู้สูงส่ง นั่งบนบัลลังก์มังกรแล้วเอามือจับที่หัวมังกรไว้ เมื่อเห็นอันหลิงหยุนแล้วนั้น ฮ่องเต้ชิงหยู่ก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินลงมายังข้างล่าง

“เจ้าทำไมผอมลงได้ขนาดนี้” ฮ่องเต้ชิงหยู่รู้สึกเป็นห่วง แล้วมองนางด้วยแววตาที่ดูอ่อนโยน

“ฝ่าบาท หม่อมฉันวิเคราะห์มาแล้วสามวัน แต่ก็ไม่ได้ผลอันใด หม่อมฉันทำได้แค่ผสมยาห้ามพิษออกมาก่อน เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดของฝ่าบาท หม่อมฉันขอเวลาอีกหน่อย”

อันหลิงหยุนเมื่อยังคิดหาวิธีผสมยาถอนพิษไม่ได้ ก็รู้สึกเป็นกังวล

ชีวิตคนหนึ่งคนจะจบลงอย่างง่าย ๆ อย่างนี้หรือ

ฮ่องเต้ชิงหยู่เห็นยาที่นำมาถวายนั้น ก็ได้รับเอาไว้

“ข้าจะเสวยมัน”

“ฝ่าบาทแต่อย่าเสวยเยอะไป ครั้งละหนึ่งเม็ด หนึ่งวันเสวยเพียงสองครั้งพอ ยานี้มีเพียงพอเสวยแค่เจ็ดวัน หลังจากวันที่เจ็ดแล้วหม่อมฉันจะมาใหม่อีกรอบ”

“อืม ข้าทราบแล้ว” ฮ่องเต้ชิงหยู่จึงได้หันกลับไป แล้วเดินไปเดินมาในพระตำหนักจรุงจิต

อันหลิงหยุนเห็นฮ่องเต้ชิงหยู่จากด้านหลังยังดูเป็นหนุ่มอยู่ แค่คิดมากไปหน่อย

ฮ่องเต้ชิงหยู่ “หยุนหยุน”

ผ่านไปสักพัก อันหลิงหยุนเลยขานรับ “หม่อมฉันอยู่นี่เพคะ”

ฮ่องเต้ชิงหยู่หันกลับมา “ทำไมเจ้าต้องเป็นเดือนเป็นร้อนกับเรื่องของเราด้วย”

อันหลิงหยุนตอบตามความจริงไปว่า “ไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่าชีวิตของคน ฝ่าบาทยังหนุ่ม และอีกอย่างก็ยังไม่ถึงเวลาของพระองค์”

ฮ่องเต้ชิงหยู่หัวเราะขึ้น “อยู่ ณ ที่ตรงนี้ มันก็คือชะตา แต่ว่าข้าเองรู้สึกดี ที่หยุนหยุนเป็นห่วงข้า”

ฮ่องเต้ชิงหยู่หันกลับไปมองยังบัลลังก์ “เรื่องของทั้งสองตำหนักนั้นให้เจ้าจัดการ ไปเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียวสักพัก”

“หม่อมฉันทูลลาเพคะ”

อันหลิงหยุนออกจากพระตำหนักจรุงจิต จากนั้นก็เตรียมตัวจะไปตรวจชีพจรให้แก่เจ้านายทั้งสองตำหนัก

ในตอนนี้จุนเซียวเซียวก็ได้เป็นเซียวผินแล้ว ตำหนักที่พักนั้นได้ย้ายไปอยู่ที่วังสวยหัว

เมื่ออันหลิงหยุนเจอกับเซียวผินแล้ว ก็ได้เตรียมตัวที่จะทำความเคารพ “ถวายพระพรเซียวผิน”

จุนเซียวเซียวเดินมายังด้านหน้าของอันหลิงหยุนก้มหน้าลง “พระชายาเสียนเป็นกระไรบ้าง”

สถานะแตกต่างกัน จุนเซียวเซียวเองก็ทราบดี

ตำแหน่งผินนั้นอยู่ในลำดับไม่สูง แต่หากเมื่อเจอกับพระชายาเสียนก็ต้องทำความเคารพเช่นกัน

“ก็ไม่ได้แย่เท่าไร”

“ทำไมพระชายาเสียนผอมลงอย่างนี้” จุนเซียวเซียวเองก็แปลกใจ

“ช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับ แล้วยังบอกว่าหม่อมฉันอ้วน จึงอยากจะคุมน้ำหนักหน่อย” อันหลิงหยุนตอบแบบโกหกไป จากนั้นก็นั่งลงตรวจชีพจรในแก่จุนเซียวเซียว

จุนเซียวเซียวยังคุยหยอกล้อกับนาง จากนั้นอันหลิงหยุนก็ขอตัวจากไป

เมื่อออกมาจากตำหนักของจุนเซียวเซียวแล้ว อันหลิงหยุนก็ได้ไปยังตำหนักของฮองเฮาต่อ แต่ว่าก็ยังมองไม่ออกอยู่ดีว่าเป็นใคร

พอถึงช่วงค่ำก็กลับจวนอ๋องเสียน อันหลิงหยุนนอนไม่หลับ

เมื่อยามดึกกงชิงวี่ก็ได้กลับมา พอเปิดประตูก็เข้าไปหาอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนถูกกงชิงวี่กอดเอาไว้ในอ้อมอกอย่างใจลอย

“ท่านอ๋อง วันนี้ดูมีความสุข เป็นเพราะเรื่องของปูนใช่หรือไม่”

“ใช่แล้ว สำเร็จแล้ว ข้าทำตามวิธีที่เจ้าแนะนำ จนสำเร็จเป็นผล” กงชิงวี่ดูมีความสุข เพราะที่ตูฟางจุ้นสามารถดำเนินการไปได้เรื่อย ๆ และแถมยังสามารถทำให้เสร็จก่อนกำหนดได้อีก

“ท่านอ๋อง วันนี้ข้าเหนื่อยมาก ไม่อยากแล้ว ”อันหลิงหยุนปฏิเสธดื้อ ๆ ซึ่งนางเองก็ไม่สามารถที่ปฏิเสธเรื่องนี้อย่างนุ่มนวลได้

กงชิงวี่ออกห่างจากร่างของอันหลิงหยุน แล้วมองใบหน้าของอันหลิงหยุนอย่างละเอียด

“หลิงหยุนมีเรื่องอันใดหรือเปล่า”

อันหลิงหยุนส่ายหน้า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดหรือก แต่ว่ามันก็มีปัญหา และตอนนี้ยังพูดไม่ได้”

“หลิงหยุน ช่วงที่ข้าไม่อยู่ เจ้าผอมลงไปหรือ”

อันหลิงหยุนถอนหายใจ นี่คือผลของการทำงาน แม้แต่เวลาจะพูดยังไม่มี

จากนั้นอันหลิงหยุนก็กอดกงชิงวี่แล้วก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ “วันนี้กอดกันอย่างนี้แล้วกัน”

กงชิงวี่นอนแล้วก็โอบอันหลิงหยุนไว้ “ข้าไม่เป็นไร กอดได้”

อันหลิงหยุนพยักหน้า แต่เวลาก็ผ่านไปนานกว่าจะหลับ

ในความฝันนานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงซูมู่หรง แต่ว่าครั้งนี้อันหลิงหยุนนอนหลับจนฝันไปว่าซูมู่หรงนั้นได้ที่นี่ แถมยังคุยกับนางด้วย

ในตอนที่ซูมู่หรงบอกว่าจะไปนั้น อันหลิงหยุนเองก็จะไป อีกนิดเดียวก็เกือบจะได้ตามกันไปแล้ว แต่เป็นเพราะคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ นางนั้นขยับ อันหลิงหยุนเลยตื่นขึ้นมาจากฝัน

เมื่อลืมตาขึ้น กงชิงวี่ก็มองที่นาง

“ฝันเห็นซูมู่หรงใช่หรือไม่” กงชิงหยู่สีหน้าดูสงสัยคนที่ตัวเองนั้นกำลังโอบเอาไว้ในอ้อมแขน แต่ไม่ทันไรอันหลิงหยุนก็เป็นฝ่ายกอดกงชิงหยู่เอาไว้

พอทราบว่ากงชิงหยู่นั้นกลัว นางก็เลยอยากที่จะปลอบเขา

“ฝันถึงเขาแล้ว แต่เขาก็ได้ไปแล้ว ข้าเองก็อยากจะไปกับเขา แต่ก็ตื่นขึ้นมาก่อน”

กงชิงหยู่ดูมีสีหน้าที่เศร้าไป “ห้ามไป ถ้าเขามา ข้าจะให้เขามา แต่เขาคงไม่มีทางได้กลับไป”

อันหลิงหยุนหัวเราะขึ้น จากนั้นก็เงยหน้ามองกงชิงหยู่ “แต่ว่าเจ้าเองก็เจอเขาไม่ได้ จะให้เขามา แล้วไม่ให้เขากลับไปได้กระไร”

“ข้าเองก็มีวิธีของข้า หากว่าเขากล้าที่จะมา ข้าจะไม่ยอมปล่อยเขาเอาไว้แน่”

“แล้วแต่ท่านอ๋องเลยค่ะ ไม่ทราบว่าหึงเขาเอาตอนไหนกัน ท่านอ๋องชอบหึง” อันหลิงหยุนปลดผ้าของกงชิงวี่ออก จากนั้นก็ปืนขึ้นไป

“ท่านอ๋อง วันนี้ไม่เข้าเฝ้าในช่วงเช้าหรือ”

“ไม่ไป”

กงชิงวี่ส่งคนไปบอกแล้วว่าขอลา เพราะเขากลัวว่าอันหลิงหยุนนั้นจะหายไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน