บทที่ 191 การรัฐประหารของจักรพรรดิองค์ก่อน
“ใช่แล้ว นางฉลาดมาก ก่อนที่นางจะเข้าวัง ได้ช่วยฮ่องเต้องค์ก่อนกำจัดคนไปจำนวนหนึ่ง คนเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าเป็นอุปสรรคในการเข้าวังของนาง และสิ่งที่นางแอบซ่อนไว้จริงๆกลับเป็นความคิดที่ไม่ซื่อและทรยศ ที่คิดจะทำลายอำนาจขององค์ฮ่องเต้
เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่นางนำมา
อีกทั้งหลังจากที่นางเข้าวัง ในสายตาของคนนอกที่มองเข้ามาต่างรู้สึกว่านางเริ่มหยิ่งผยอง
แม้แต่ตัวข้าเอง ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของนาง แต่นางก็ยืนอยู่ข้างกายฮ่องเต้มาโดยตลอด ดังนั้นข้าจึงเข้าใจอย่างชัดเจนอยู่หนึ่งอย่างว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางมีนั้น ฮ่องเต้เป็นคนให้นางทั้งหมด
เหล่านางสนมที่อยู่ในวัง เมื่อตั้งครรภ์ต่างก็ต้องแท้งทั้งหมด หากเด็กบางคนที่ได้เกิดมาก็จะต้องมีเรื่องขึ้น
ข้าต้องการที่จะปกป้องลูกของข้า ข้าเองก็เคยสูญเสียลูกมาก่อน แท้จริงแล้วมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่อาจรับมือได้ ในวังหลวงเองก็เต็มไปด้วยการเข่นฆ่าแก่งแย่งชิงดีกัน
นางสนมหลายคนต่างไม่เข้าใจในตำแหน่งของตนเอง แต่ฮั๋วไท่เฟยเข้าใจดี
เป็นเพราะฮั๋วไท่เฟยอยู่ในวังหลวง ตระกูลฮั๋วจึงขอให้ทรงมีรับสั่งให้ทั้งตระกูลไปประจำการอยู่ที่แนวชายแดน พวกเขาต้องการให้ทุกคนรับรู้ว่า ได้ให้คำสัตย์ปฏิญาณไว้ว่าจะจงรักภักดีกับฮ่องเต้องค์ก่อน
นี่ก็คือฮั๋วไท่เฟย ถึงแม้ตอนนี้ ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะไม่ใช่พระโอรสของนาง แต่นาง......ก็ทำให้ข้าวางใจได้
ถึงแม้นางจะหวังให้อ๋องตวนได้ขึ้นครองราชย์ แต่นางก็ไม่ได้ต่อต้าน
ตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงสวรรคต พวกเราสองคนเด็กกำพร้าและแม่หม้ายถูกปองร้ายจากทั่วทุกสารทิศ แต่ฮั๋วไท่เฟยกลับไม่มีใจคิดเป็นอื่นเลย อีกทั้งยังคอยสนับสนุนองค์ฮ่องเต้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีที่ฮั๋วไท่เฟยมีต่อฮ่องเต้องค์ก่อน”
อันหลิงหบุยไม่ได้พูดอันใด แต่เมื่อฟังสิ่งที่หวางฮองไทเฮาพูดนั้น ก็รู้สึกว่าฮั๋วไท่เฟยนั้นไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ
คนคนหนึ่งที่สามารถขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดได้ มีโอกาสที่จะขึ้นไปยืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุด แต่นางกลับเต็มใจที่จะยอมเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของคนคนหนึ่ง เต็มใจที่จะก้มหัวให้ คนเช่นนี้จริงๆแล้วน่ากลัวจริงๆ
โดยเฉพาะผู้หญิงที่ยอมแพ้ต่อความรักของสามี ถึงแม้จะพูดไม่ได้ว่าถึงต้องกล้ำกลืนฝืนทน แต่ก็ยังต้องการที่จะคอยติดตามรับใช้ แม้กระทั่งยินดีที่จะถูกตำหนิก็ตาม
นี่ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็สามารถจะทำได้
หวางฮองไทเฮามองอันหลิงหยุน: “ตระกูลฮั๋วคอยดูแลปกป้องแนวชายแดนมาหลายปี แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครคิดกระด้างกระเดื่องต่อราชสำนักเลย อีกทั้งแต่ไหนแต่ไรมาตระกูลฮั๋วก็ไม่เคยก้าวก่ายงานในราชสำนัก เจ้าเคยเห็นคนในตระกูลฮั๋วอยู่ในราชสำนักบ้างหรือไม่ล่ะ?”
อันหลิงหยุนส่ายหัว: “ไม่เคยเห็นเพคะ”
“คนพวกนั้น ที่วันๆออกมาต่อสู้แก่งแย่งชิงดีกันนั้นจริงๆแล้วไม่น่ากลัวดอก ที่น่ากลัวจริงๆคือพวกที่ปกติแล้วไม่พูดไม่จาต่างหาก เหมือนกับคนที่ไร้ตัวตน
ถ้าหากพวกเขาปรากฏตัวขึ้นมาล่ะก็ ก็คงไม่คิดที่จะยอมแพ้ง่ายๆ”
หวางฮองไทเฮาสังเกตอันหลิงหยุน อันหลิงหลุนครุ่นคิดอยู่นานจึงพูดว่า: “หากเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่า กองทัพตระกูลฮั๋วเป็นภัยคุกคามต่อราชสำนัก?”
หวางฮองไทเฮามีรอยยิ้มที่ชัดเจนขึ้น: “เห็นว่าเจ้าฉลาด แต่จริงๆแล้วก็ยังคงสับสนอยู่ ตอนนี้ฮั๋วไท่เฟยได้เพลิดเพลินไปกับความรุ่งเรืองและมั่งคั่งแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้มีตำแหน่งที่สูงเช่นข้า แต่ตอนที่นางเข้าวัง ฮ่องเต้องค์ก่อนเคยอยู่ที่ตำหนักของนางติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งร้อยวัน เห็นได้ชัดว่ายากที่จะออกห่าง นี่คือความรักความเอ็นดูและพระมหากรุณาธิคุณที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงมีต่อนาง ถือว่านางได้ยืนอยู่ในจุดสูงสุด ถึงตรงนี้ก็เพียงพอแล้ว
ตอนนี้ตวนอ๋องจะได้เป็นฮ่องเต้หรือไม่ได้เป็นฮ่องเต้ แล้วเป็นกระไร?
จริงๆแล้วนางได้ในสิ่งที่ควรจะได้เรียบร้อยแล้ว
เป็นศัตรูกับผู้อื่น ไม่สู้มีศัตรูคนเดียวกันกับข้าจะดีกว่า
ด้วยเหตุนี้นางจึงมีศัตรูคนเดียวกันกับข้า”
อันหลิงหยุนไม่เข้าใจ: “อ๋องทั้งแปดท่านหรือเพคะ?”
“หึ ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงเป็นพระโอรสองค์โต พวกเขาแต่ละคนล้วนไม่ใช่พระโอรสที่ประสูติจากพระมารดาองค์เดียวกันกับฮ่องเต้องค์ก่อน ส่วนคนที่เกิดจากพระมารดาองค์เดียวกับฮ่องเต้องค์ก่อนนั้นมีเพียง องค์หญิงใหญ่กับองค์หญิงน้อย
แล้วพวกเขาจะจริงใจได้กระไรกัน!”
“เช่นนั้นเป็นเพราะเสด็จแม่สูญเสียลูกไป?”
“เรื่องลูกเป็นเรื่องหนึ่ง ความเจ็บปวดที่ต้องฆ่าลูกนั้น ชีวิตนี้ไม่อาจลืมได้ ไม่รู้ว่าจะชดใช้ได้กระไร? แต่ว่าอ๋องทั้งแปดท่านบังคับให้ฮ่องเต้ทรงสละราชสมบัตินั้นต่างหากที่เป็นเหตุผลที่เราให้พวกเรารู้สึกเกิดความพะวงในใจอยู่ตลอดเวลา”
“อ๋องทั้งแปดท่านบังคับให้ฮ่องเต้สละราชสมบัติ คือบังคับฮ่องเต้องค์ก่อนหรือเพคะ?” อันหลิงหยุนนึกออกแล้ว ผู้หญิงทั้งสองคนที่รักฮ่องเต้องค์ก่อนมากที่สุด เมื่อเห็นฮ่องเต้องค์ก่อนถูกอ๋องทั้งแปดบังคับให้สละราชบัลลังก์ พวกนางจึงรู้สึกโกรธแค้น และรู้สึกไม่เต็มใจ
ดังนั้นพวกนางจึงมีศัตรูคนเดียวกัน!
หวางฮองไทเฮากล่าวต่อ: “บังคับฮ่องเต้องค์ก่อน และบังคับข้าและฮั๋วไท่เฟย แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถกำจัดใครได้สักคน
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น กองทัพตระกูลฮั๋วที่อยู่ตามชายแดน พวกเขาเองก็ต้องกลัวเช่นกัน
ตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังอยู่ กองทัพตระกูลฮั๋วเปรียบเสมือนดาบเล่มหนึ่งของฮ่องเต้องค์ก่อน มีตอนไหนบ้างที่ฮ่องเต้องค์ก่อนจะทรงปล่อยให้เป็นสนิม?
มีบางคนเคยเสนอว่า ให้ฮ่องเต้ทรงแบ่งทหารในกองทัพของตระกูลฮั๋วให้แก่แม่ทัพอันและจวนกั๋วกงรับผิดชอบ แต่ฮ่องเต้ทรงตรัสว่า ในอนาคตอ๋องตวนเองก็จะต้องเป็นผู้นำกองทหารเพื่อดูแลประเทศชาติ หากแบ่งให้คนอื่นเข้ามาควบคุมดูแล ไม่สู้รอให้อ๋องตวนไปหาประสบการณ์เอง
จริงๆแล้ว ในใจของฮ่องเต้ทรงรู้ดีว่า กองทัพตระกูลฮั๋วแตะต้องไม่ได้”
อันหลิงหยุนพยักหน้า: “มีแนวโน้มว่าจะเป็นเช่นนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...