ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 495

บทที่ 495 ไปเป็นแขกที่จวนซ่างซู

เมื่อกลับมาบนถนน หยุนโล๋ชวนก็เอ่ยถามอันหลิงหยุน "พี่หญิง ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไรดี"

"เจ้าไม่เคยได้ยินหรือ หลี่ปู้ซื่อหลัง เฉาเหวินผู้นี้ มีปูมหลังยิ่งใหญ่นัก และในเมื่อมีปูมหลังใหญ่โต ย่อมต้องรับมือได้ไม่ง่ายแน่ เหล่าขุนนางน้อยใหญ่เองก็ต้องไม่กล้าพูดเรื่องนี้ หากจะหาก็ต้องหาพวกที่ไม่กลัวตาย"

อันหลิงหยุนมองไปยังจวนหลี่ปู้ซ่างซู "เช่นนั้นก็ไปหาเขาเถิด พวกเราไปดูกัน"

"หลี่ปู้ซ่างซูเป็นคนปลิ้นปล้อนหลอกลวง ได้ยินว่าแต่ไหนแต่ไรสนใจแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้น ไม่เคยสนใจเรื่องในราชสำนัก" พอหยุนโล๋ชวนเอ่ยขึ้น อันหลิงหยุนก็รู้สึกแปลกใจ "พูดเช่นนี้ เจ้ารู้จักเขาด้วยหรือ"

"ข้าไม่รู้จักเขาหรอก แต่ข้าเคยเห็นเขาอยู่กับราชครูจุนในวัง เขาเป็นตาแก่อายุหกสิบผู้หนึ่ง เขากับราชครูจุนความสัมพนธ์แน่นแฟ้น ท่านปู่ข้าก็เคยพูดถึงคนผู้นี้ว่าเป็นคนไม่น่าคบนัก ทั้งยังบอกว่าอะไรที่ออกมาจากปากเขาล้วนไม่น่าฟังทั้งสิ้น

ทว่ามีคนไม่น้อยเอ่ยถึงเรื่องๆ หนึ่งของหลี่ปู้ซ่างซูผู้นี้ เล่ากันว่าเขามีพี่ชายคนหนึ่ง ตอนเขายังเล็กที่บ้านอดอยากแร้นแค้น คนทั้งบ้านตายหมด เหลือเพียงพวกเขาสองพี่น้อง ทว่าเขาอ่อนกว่าพี่ชายนับสิบปี ตอนเขาอายุสามขวบ พี่ชายเขาอายุสิบสาม สองพี่น้องขอทานเลี้ยงชีพไว้วันๆ

คิดว่าพี่ชายเขาคงดีกับเขามากกระมัง ทั้งยังลำบากมาไม่น้อย ต่อมาเพื่อให้เขาได้เรียนหนังสือ พี่ชายเขาต้องทำงานทั้งวันทั้งคืน กว่าเขาจะได้เป็นขุนนาง พี่ชายเขาก็เหนื่อยจนแทบรับไม่ไหว ดังนั้นทุกคนจึงรู้กันดีว่าหลี่ปู้ซ่างซูมีพี่ชายคนโตเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต ทุกปีเขาจะฉลองวันเกิดให้พี่ชาย แต่จะไม่เชิญแขก ได้ยินว่าพี่ชายของเขาชอบกินปลา ฉะนั้นเขาจึงต้องหาซื้อปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่งมา"

"เช่นนั้นพวกเราไปดูกันเสียหน่อย" เมื่ออันหลิงหยุนเดินไปถึงหน้าประตูจวนหลี่ปู้ซ่างซู ข้ารับใช้คนหนึ่งก็ถือปลาตัวหนึ่งมาจากอีกด้านหนึ่งพอดี ปลาตัวนั้นก็ดูไม่ตัวเล็กนัก อย่างน้อยก็น่าจะสิบกว่าจินกระมัง

อันหลิหยุนพลันเอ่ยขึ้น "ปลาตัวใหญ่เพียงนี้ ต้องแพงมากกระมัง"

"ไม่ได้แพงมากหรอก ข้ารู้จักกับคนขายปลา จึงไม่ได้ใช้เงินอะไรมากมาย" ข้ารับใช้ผู้นั้นกำลังจะเดินเข้าประตูก็พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันมามองอันหลิงหยุนแล้วเอ่ยถามแปลกๆ "พวกเจ้าเป็นใคร มาทำอะไรที่จวนท่านซ่างซูของข้า"

"เรื่องเป็นเช่นนี้ พวกเราผ่านมาทางนี้ อยากจะถามอะสักหน่อย ได้ยินมาว่ามีเพียงใต้เท้าซ่างซูเท่านั้นที่ทราบ จึงได้มาดูสักหน่อย"

"พวกเจ้านี่ช่างมาก่อความวุ่นวายเสียจริง อยากรู้เรื่องอะไรก็ใช่ว่าจะมาถามเอาที่จวนซ่างซูของเราได้ พวกเจ้าเห็นนั่นหรือไม่เล่า ฝั่งข้ามนั่นเป็นจวนซื่อหลัง พวกเจ้าไปที่นั่นก็แล้วกัน"

ว่าจบข้ารับใช้ผู้นั้นก็เดินเข้าประตูไป แต่อันหลิงหยุนกลับเอ่ยขึ้น "รอเดี๋ยว เจ้าเอานี่ไป"

อันหลิงหยุนเอาป้ายหยกของกงชิงวี่ให้ข้ารับใช้ ครั้นพอเห็นว่าเป็นของดี เขาจึงไม่กล้าบกพร่องในการต้อนรับขับสู่้

"เจ้ารอสักครู่" ผู้เป็นข้ารับใช้หันหลังเดินกลับเข้าไป เพียงไม่นานก็มีคนออกมา

ข้ารับใช้ผู้นั้นเดินตามสตรีนางหนึ่งอายุราวสามสิบ สวมใส่อาภรณ์งดงามสมตัวออกมา พอเห็นอันหลิงหยุนก็รีบทำความเคารพทันที "ข้าน้อยถวายบังคมพระชายาอ๋องสียนเพคะ"

ในขณะเดียวกันนั้นก็ถือโอกาสส่งป้ายหยกคืนให้อันหลิงหยุนด้วย

"เจ้าเป็นผู้ใดกัน" อันหลิงหยุนรับป้ายหยกมาแล้วสอบถามถึงได้รู้ว่า อีกฝ่ายเป็นลูกสะใภ้คนโตของหลี่ปู้ซ่างซู นามว่า เจิ้งหวังซื่อ

"เชิญพระชายาเพคะ" ลูกสะใภ้คนโตของหลี่ปู้ซ่างซูมองอันหลิงหยุน ก่อนจะเห็นหยุนโล๋ชวนที่กำลังเหม่ออยู่เล็กน้อย

"แล้วท่านนี้คือ?"

"นางคือพระชายาอ๋องตวน วันนี้เราสองสะใภ้ออกมาเดินเล่น เห็นคนรับใช้ของเจ้าหิ้วปลาตัวใหญ่มา เลยคิดอยากจะมาร่วมสนุกด้วย ต้องรบกวนพวกเจ้าแล้ว"

"รบกวนที่ไหนกันเพคะ พระชายาอ๋องตวนเพคะ ข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว"

"ไม่เป็นไร"

"เชิญพระชายาอ๋องเสียน พระชายาอ๋องตวนเพคะ" เจิ้งหวังซื่อ เชิญทั้งสองเข้าไปด้านใน พวกนางจึงตามเข้าไปในจวนซ่างซูของหลี่ปู้ซ่างซู

อันหลิงหยุนค้นความทรงจำตัวเองอยู่ครู่หนึ่งถึงได้พบว่า นางไม่มีความทรงจำใดๆ ต่อหลี่ปู้ซ่างซูผู้นี้เลยแม้แต่น้อย กระทั่งชื่อเสียงเรียงนามก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน