ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 542

บทที่ 542 ฮ่องเต้ชิงหยู่ผู้ได้คืบจะเอาศอก

มู่มิงเริ่มดิ้นรนขึ้นมาอีก ดวงตามีประกายแสงประหลาตเป็นสีฟ้าจาง ๆ กงชิงวี่เริ่มจะไม่อาจรั้งนางเอาไว้ได้แล้ว ขาของมู่มิงตวัดรัดพันเกี่ยวขาของเขาแน่น แม้ว่าเขาจะเป็นวรยุทธขั้นสูง แต่เขาก็ไม่สามารถทนได้ในสถานการณ์เช่นนี้ ทันทีที่มู่มิงยกขาขึ้นเกี่ยวพัน เขาก็ลุกขึ้นยืนรีบออกห่างจากเตียง แต่เขาอุ้มประคองอันหลิงหยุนขึ้นมาก่อน จึงค่อยขอตัวเดินจากไป

มู่มิงลุกขึ้น ใช้สายตามองด้วยอารมณ์หลงใหลรักใคร่ นางมองดูคนที่อยู่ตรงหน้า จ้องมองไปที่ฮ่องเต้ชิงหยู่ พลันปรากฏความขุ่นเคืองเล็กๆ ในแววตาของนาง กงชิงวี่กล่าวว่า: "เรื่องของฝ่าบาท ก็ควรให้ฝ่าบาทแก้ไขด้วยองค์เองเถอะ หม่อมฉันยังมีเรื่องสำคัญต้องทำ ขอทูลลาก่อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

หลังจากพูดจบเขาก็อุ้มอันหลิงหยุนเดินจากไป มู่มิงเดินโซซัดโซเซไปเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ชิงหยู่ ลูบไล้พระพักตร์ไปมา สีหน้าแดงก่ำ มู่มิงไม่สามารถแยกแยะได้แล้วว่าใครเป็นใครในตอนนี้

มู่มิงดึงฉลองพระองค์บนพระวรกายฝ่าบาทสองสามครั้ง เดิมทีคิดจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ฮ่องเต้ชิงหยู่ก็พลันฉีกเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงหลุดลุ่ยบนตัวมู่มิงออก เมื่อร่างกายได้สัมผัสกับอากาศเย็น มู่มิงก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนแล้ว

ในช่วงเวลาหนึ่ง ความคิดของมู่มิงก็พลันปลอดโปร่งแจ่มใส แต่เพียงไม่นาน มันก็กลับมาไม่เหมือนเดิมอีก

ฮ่องเต้ชิงหยู่เข้ามาใกล้ เชิดรั้งคางมู่มิงขึ้น เพ่งพินิจอย่างละเอียดถี่ถ้วน จึงค่อยอุ้มคนขึ้นมา

มู่มิงมองฮ่องเต้ชิงหยู่ด้วยสายตาที่วูบไหวไม่นิ่ง เหมือนดั่งเด็กน้อยคนหนึ่ง

ม่านถูกปลดลงปิดพราง เป็นค่ำคืนที่อันยาวนาน

เดิมกงชิงวี่วางแผนที่จะจากไปทันที แต่อันหลิงหยุนไม่วางใจจึงไม่ยอมไป

กงชิงวี่เอาแต่นั่งรออยู่ด้านนอกตำหนัก เสี่ยวสวีจื่อถูกทำให้หวาดกลัวแทบแย่ ยืนเซ่อซ่าตัวสั่นงันงกอยู่อีกด้าน

คนในวังที่เหลือก็ยิ่งไม่ต่างจากนั้น แต่ทว่าด้านในนั้น กลับมีความเคลื่อนไหวบางอย่างปรากฏขึ้น เป็นเสียงหฤหรรษ์ระลอกแล้วระลอกเล่าที่ดังแว่วออกมา แต่กลับทำให้ผู้คนด้านนอกตกอกตกใจกัน จนแค่จะหายใจแรงก็ยังไม่กล้า คิดจะไปรบกวนใดๆก็ยิ่งไม่มีเป็นอันขาด

อันหลิงหยุนหน้าแดง จนอายุล่วงเลยมาวัยขนาดนี้แล้ว กระดูกกระเดี้ยวยังไหวอยู่หรือนั่น?

สีหน้ากงชิงวี่ยิ่งแย่กว่า กวาดตามองไปยังบรรดาผู้คนที่อยู่ในลานนอกตำหนัก : "ออกไปให้หมด หากเรื่องในวันนี้แพร่งพรายออกไปล่ะก็ ข้าจะประหารมันเก้าชั่วโคตร”

กงชิงวี่คือใคร ในเมืองหลวงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก มีหัวคนที่โดนกุดไปตั้งเท่าไหร่ ในโทษฐานที่ขวัญกล้าบังอาจไม่ฟังคำพูดของเขา

คนในวังต่างคุกเข่าลงทีละคนสองคน : "พวกข้าน้อยจะปิดปากตัวเองให้แน่นหนา ไม่กล้าพูดมากแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ"

“ อื้ม ลงไปเถอะ”

ในเวลานี้กงชิงวี่รู้สึกไม่พอใจอย่างหนัก เมื่อย้อนนึกถึงตอนที่อันหลิงหยุน ถูกกดลงบนเตียง เขาก็รู้สึกหงุดหงิดไม่สบอารมณ์สุดขีด รู้สึกว่าไม่ควรช่วยมู่มิง

ตายซะได้ก็ดี!

อันหลิงหยุนในตอนนี้หน้าแดงใบหูเห่อร้อน ทั้งกังวลไม่รู้ว่าร่างกายของมู่มิงจะเป็นอย่างไรบ้าง นางจำได้ว่าตอนที่ตัวเองถูกวางยาพิษปลุกกำหนัด ทั้งสองคนกว่าจะออกมาได้ ก็ใช้เวลาไปถึงสองสามวันเลยทีเดียว

กงชิงวี่เอ่ยเรียก: "มาหาข้าตรงนี้มา"

อันหลิงหยุนลุกขึ้นและเดินไปข้างหน้า กงชิงวี่ยื่นมือออกมา อันหลิงหยุนก็ถูกดึงไปที่ตักของเขาและนั่งลงไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อมองไป อันหลิงหยุนก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเสียแล้ว

กงชิงวี่สวมกอดอันหลิงหยุนไว้แน่น อดใจไม่ไหวจึงกัดใบหูนางไปหนึ่งที แค่ได้ยินเสียง เขาก็ต้องการมันมากเสียแล้ว

เขาก็อยากควบคุมเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่เมื่อนึกถึงความหฤหรรษ์ที่อยู่ด้านในนั้น เขาก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

แต่เขาทั้งโกรธทั้งเกลียดจนแทบคลั่ง: "ข้าล่ะโกรธนัก!"

อันหลิงหยุนหันหน้าไปมอง เขาดูโกรธมากจริงๆ ใบหน้านั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยไอสังหาร

อันหลิงหยุนคล้ายจะนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ จึงจุมพิตที่ริมฝีปากเขาเบาๆ ความโกรธของกงชิงวี่ลดหายไปเป็นครึ่งทันที ตามด้วยสองมือที่โอบกระชับ: "หากเรื่องนี้ไม่มีคำอธิบายที่น่าพอใจ ข้าจะไม่ยอมปล่อยผ่านเด็ดขาด "

“ต้องอธิบายอะไรกัน ไม่ใช่ความผิดของข้าเสียหน่อย”

กงชิงวี่จ้องมองด้วยความคับแค้นใจ: "ให้นางแตะต้องได้น่ะหรือ?"

"นางเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง มี .... "

"บังอาจนัก!" กงชิงวี่ได้ยินพลันโกรธจัด ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะไม่เป็นไรอย่างนั้นหรือ?

อันหลิงหยุนก็ไม่อยากจะทะเลาะด้วย ทั้งยังคิดว่า หากกงชิงวี่ถูกผู้ชายสักคนทำอะไรแบบนั้น นางก็คงไม่พอใจอยู่เหมือนกัน

"แล้วจะทำอย่างไรล่ะเพคะ?"

อันหลิงหยุนยังคงรู้สึกว่ามันไร้สาระ นางยังถูกจูบด้วยซ้ำ นี่ไม่ถึงกับต้องตายชดใช้ความผิดเลยหรือนั่น?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน