ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 596

บทที่ 596 วางแผนดักหยุนโล่ชวน

ฮ่องเต้ชิงหยู่โบกพระหัตถ์: "หากไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็ออกไปเสียเถอะ"

เรื่องลอบปลงพระชนม์ที่เกิดขึ้น ถูกฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ใส่เพียงครั้ง เรื่องนี้ก็ถูกตบร่วงลงไปไม่ถูกยกขึ้นมากล่าวอีก กงชิงวี่มองดูฮ่องเต้ที่หันวรกายเสด็จกลับไปแล้ว จึงประสานมือทั้งสองตามธรรมเนียม : "หม่อมฉันทูลลา"

ฮ่องเต้ชิงหยู่ตรัสอย่างสงบนิ่ง : "ไปเถอะ"

กงชิงวี่มองยังไม่มองด้วยซ้ำ หันกายแล้วเดินจากไปทันที

อ๋องตวนก็รีบกล่าวทูลลาเป็นพัลวัน แล้วตามหลังกงชิงวี่ออกไป จากพระตำหนักจรุงจิต

กงชิงวี่ไปหาอันหลิงหยุนที่วังเฉาเฟิ่ง อ๋องตวนก็รีบเดินตามไปติดๆ

"ได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้ฝ่าบาทเกิดเรื่องขึ้นที่เขตล่าสัตว์ เหตุใดจึงไม่พูดถึงเรื่องนี้ล่ะ?" เรื่องความไม่สนใจในราชการบ้านเมืองของอ๋องตวน ถือเป็นสิ่งที่ผู้คนต่างรู้กันดี แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจในความปลอดภัยของฮ่องเต้

อาจเป็นเพราะว่าในประเทศต้าเหลียง มีพวกเขาเป็นรัชทายาทสายตรงเพียงสามคนเท่านั้น สามคนพี่น้องจึงมีใจรักใคร่สมานฉันท์ ไม่เคยคิดเป็นปรปักษ์ต่อกัน

จุดนี้เป็นสิ่งที่ อ๋องตวนเอาใจใส่อย่างมากมายหาใดเปรียบ

กงชิงวี่กล่าวอย่างเย็นชา: "ชีวิตตัวเองเขายังไม่ต้องการเลย ต่อให้ข้าเอามัดติดไว้กับเข็มขัด พกไปไหนมาไหนด้วยก็ไม่มีประโยชน์"

อ๋องตวนฟังแล้วผงะไปชั่วครู่ พอนึกขึ้นได้ว่าต้องทำอะไร เขาก็รีบหมุนตัวออกไปน้อมทักทายฮั่วไท่เฟย

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ฮั่วไท่เฟยทรงเกษมสำราญ กระปรี้กระเปร่าอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ที่นางรู้ว่าหยุนโล่ชวนตั้งครรภ์ นางก็เริ่มประทานของรับขวัญต่าง ๆ ให้กับหลานชายของนางทุกวัน

นางคิดมาตลอดว่า หากเด็กถือกำเนิดได้เร็วกว่านี้สักหน่อย ก็อาจยังสามารถเป็นชูจุน (ตำแหน่งพระยุพราชหรือว่าที่กษัตริย์) ได้ แต่ตอนนี้ลูกชายทั้งห้าคนของจวนอ๋องเสียน เรียงรายเบียดเสียดกันอยู่ที่นั่นเป็นแถว ฮั่วไทเฟยจึงล้มเลิกความคิดนี้ไปนานแล้ว

หากปราศจากใจที่คิดอยากแช่งยิง ไม่ว่าจะเห็นใครต่างก็ดูไม่ขัดนัยน์ตาทั้งสิ้น

ความปรารถนาเดียวคือ ขอให้หลานชายมาสู่โลกใบนี้อย่างราบรื่นปลอดภัย มาให้นางได้กอดได้อุ้มเล่นก็เพียงพอแล้ว

เมื่อนึกถึงนิสัยของหยุนโล่ชวนแล้ว หลังคลอดลูกเสร็จ จะต้องยินดีส่งมาให้นางเลี้ยงเป็นแน่

อ๋องตวนไปเข้าพบฮั่วไท่เฟยเพื่อน้อมทักทาย นางเห็นว่ามีเพียงอ๋องตวนคนเดียว ก็ทรงไม่พอพระทัยอย่างมาก ขยับฉลองพระองค์ตัวกว้างไปมา เสด็จเข้าไปข้างในประทับนั่งลงประสานหัตถ์เข้าด้วยกัน ถอนปัสสาสะแผ่วเบา ตรัสถามว่า: หยินเอ๋อ แม่จำได้ว่าเกือบเดือนมานี้เจ้าไม่ได้เข้าวังเลยสักครั้ง ทำไมพอเข้ามา กลับมาแค่คนเดียวเสียล่ะ?”

"เสด็จแม่ วันพรุ่งนี้หม่อมฉันจะพาชวนเอ๋อมาด้วย วันนี้ที่ข้ามา ก็เพราะมีเรื่องมาทูลเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ" อ๋องตวนก็รู้ดีว่า นับตั้งแต่หยุนโล่ชวนตั้งครรภ์ ฮั่วไท่เฟยก็เอาแต่คิดถึงคะนึงหามาตลอด

ฮั่วไท่เฟยเลิกคิ้วมองโอรสของตน จะมีเรื่องอะไรได้ล่ะ?

"เรื่องอะไรหรือ?"

“เมื่อครู่นี้หม่อมฉันเพิ่งกลับมาจากเข้าเฝ้าฝ่าบาท พระองค์ทรงแต่งตั้งให้ลูกเป็นอ๋องฝู่เฉิน

พ่ะย่ะค่ะ”

ฮั่วไท่เฟย ที่ทรงรอคำตอบจากอ๋องตวนอย่างเบื่อหน่ายอย่างยิ่งนั้น ครั้นเมื่อได้สดับรับฟัง นางถึงกับผงะไปครู่ใหญ่ ผ่านไปเป็นเวลานาน จึงหันมาทอดพระเนตรมองอ๋องตวนอย่างช้าๆ: "เจ้าว่าอะไรนะ?"

"ฝ่าบาททรงแต่งตั้งหม่อมฉันเป็นอ๋องฝู่เฉิน" อ๋องตวนอายุเพียงยี่สิบต้น ๆ ยังพอนับได้ว่าอายุยังน้อย บวกกับนิสัยของเขาที่ดูเหมือนจะใจเย็นสงบนิ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขามีความชอบเล่นซุกซน จนซึมลึกเข้าถึงในกระดูกเลยทีเดียว

บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมืดมน ท่าทางการแสดงออก ก็ไร้การปิดบังอารมณ์ใดๆโดยสิ้นเชิง ฮั่วไท่เฟยแย้มสรวล: "เช่นนั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เจ้าก็เป็นรองเพียงอ๋องเสียนคนเดียวแล้วล่ะสิ?"

"พ่ะย่ะค่ะ" อ๋องตวนรู้สึกหดหู่มาก เขากลัวว่าเขาจะทำให้อ๋องเสียนหนีไป แล้วโยนภาระหน้าที่อิรุงตุงนังทั้งหลายมาให้เขา เขาย่อมไม่ยินดีอยู่แล้ว

"นี่เป็นเรื่องดีแท้ๆ ทำไมเจ้าถึงเอาแต่ทำหน้าหมองเศร้าอย่างนั้นกัน ? หรือเพราะเจ้ารังเกียจตำแหน่งขุนนางจึงไม่อยากทำ" คนเป็นแม่ที่รู้จักลูกชายดีอย่างฮั่วไท่เฟย มีหรือจะไม่เข้าใจ โอรสของนางผู้นี้ ช่างสามานย์ไม่เอาไหน!

อ๋องตวนก็ไม่ได้คิดปิดบัง:“ เสด็จแม่ หม่อมฉันไม่ชอบตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ ชอบทำการค้า ชอบคิดชอบวางแผนที่ละเอียดรอบคอบ”

"เชอะ!" ฮั่วไทเฟยโทสะพวยพุ่ง จนต้องเหยียดพระเนตรใส่อ๋องตวนไปทีหนึ่ง: "ความสามารถของเจ้าพรรค์นั้น เรียกว่าการคิดคำนวณอย่างรอบคอบแล้วหรือ? หากเจ้ารู้จักคิดคำนวณอย่างรอบคอบจริง ทำไมไม่รู้จักส่งมอบงานให้ชวนเอ๋อ ปากหรือก็เอาแต่พร่ำๆว่า กลัวนางจะไปออกรบ ลองเจ้าหาธุระงานการให้นางทำ นางยังจะไปออกรบได้อีกหรือ?

ไม่ช้าก็เร็ว คนของจวนกั๋วกงย่อมจะได้รับคำสั่งให้ไปเข้าร่วมรบในแนวหน้าอยู่แล้ว จะไม่ดีกว่าหรือ ถ้าส่งมอบการค้าในมือให้กับชวนเอ๋อ ด้านหนึ่งคือให้นางยุ่งอยู่กับการทำการค้า อีกด้านหนึ่งคือ ให้นางยุ่งอยู่กับเรื่องภายในจวนอ๋องตวน ในขณะที่อีกด้าน ก็ต้องยุ่งอยู่กับการเลี้ยงดูลูก อีกด้านก็ต้องมีลูกต่อไปเรื่อยๆ ขนาดนี้แล้วยังจะมีเวลาที่ไหนไปออกรบได้อีก?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน