บทที่ 720 แม่ทัพอันลาออก
ฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงตกตะลึงไปชั่วขณะ ราวกับว่าได้ยินไม่ชัดเจน จึงตรัสถามย้ำออกไปอีกครั้งว่า: "จือซาน เจ้าพูดว่าอะไรนะ? ข้าได้ยินไม่ชัด"
แม่ทัพอันไม่ลังเล : "ถึงอย่างไรฝ่าบาท ก็ไม่ได้ทรงเห็นความสำคัญของการแต่งงานระหว่างอ๋องเสียนกับหยุนหยุนอยู่แล้ว หลายปีที่ผ่านมาหม่อมฉันก็เอาแต่ไปสู้รบในต่างแดน ปล่อยปละละเลยหยุนหยุนไม่ได้ใส่ใจนางให้ดี พอได้มารับรู้เรื่องราวต่าง ๆ อย่างเช่นเจ้าสารเลวโจวไท่นั่น จึงเพิ่งได้รู้ว่า ที่แท้ในเมืองหลวงที่หยุนหยุนต้องใช้ชีวิตผ่านไปให้ได้ในแต่ละวันนั้น มันช่างเลวร้ายเสียยิ่งกว่าหมูหมาตัวหนึ่งเสียอีก
หม่อมฉันเจ็บปวดใจเหลือเกินแล้ว แม่ของนางมาด่วนจากไป ฝากฝังนางเอาไว้กับหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันต้องไปออกรบ ต้องช่วยฝ่าบาทต่อสู้ รวบรวมแผ่นดินไม่ว่างเว้น จึงจำเป็นต้องทิ้งนางไว้ที่บ้าน
หม่อมฉันคิดอยู่เสมอว่าเสื้อผ้างดงาม อาหารสมบูรณ์ นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนางแล้ว
แต่หม่อมฉันไม่เคยรู้เลยว่า นางได้กินอิ่มนอนอุ่น แต่กลับต้องถูกคนรังแก
เจ้าเศษสวะต่ำช้าอย่างโจวไท่นั่น ยังถึงกับมารังแกนางได้ ใจหม่อมฉันมันเจ็บปวดทุกข์ทรมานเหลือเกินแล้ว
ที่ชื่อเสียงของนางไม่ดี หม่อมฉันเองก็สงสัย จะคิดอย่างไรก็คิดไม่ตกว่า ทั้งๆที่แม่ของนางเป็นคนสงบเรียบร้อยขนาดนั้นแท้ๆ ทำไมนางถึงเป็นอย่างนั้นไปได้?
จู่ๆหม่อมฉันก็เข้าใจขึ้นมาได้ว่า แท้ที่จริงแล้วนางถูกเข้าใจผิดมาโดยตลอด
คนอย่างโจวไท่นั่นยังเข้าถึงนางได้ง่ายๆด้วยซ้ำ ลองถ้านางชื่อเสียงดีงามสักหน่อยล่ะก็ ป่านนี้ก็ไม่รู้ว่า จะโดนคนเหยียบย่ำทำลายไปมากมายขนาดไหนแล้ว
เมื่อเปรียบเทียบกับบรรดาลูกสาวของจวนราชครูจุน ลูกสาวของจวนกั๋วกง ลูกสาวของจวนเฉิงเสี้ยงทั้งหลายเหล่านั้น นางเทียบไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ พวกนางมีคนที่รัก มีคนที่คอยปกป้อง แต่หยุนหยุนไม่มีอะไรอย่างนั้น พ่ออย่างข้ารู้ดีก็แค่เรื่องรบราฆ่าฟัน เรื่องอื่นไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง เป็นข้าเองที่ทำให้นางต้องลำบากใจเรื่อยมา
จนมาตอนนี้แต่งงานไปแล้ว ก็ยังต้องได้รับความทุกข์ทนลำบากไม่เปลี่ยน เป็นเพราะพ่ออย่างข้ามันไร้ความสามารถ
ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย รอให้การหย่าเสร็จสิ้นลง ข้าอันจือซานจะปลดอาวุธชุดเกราะทั้งหลาย กลับไปทำไร่ไถนาทันที จากนี้จะไม่ถามไถ่ถึงเรื่องใด ๆ ในราชสำนักอีกเป็นอันขาด ตราประทับผู้บัญชาการที่อยู่ในมือ ก็จะส่งคืนให้กับฝ่าบาททั้งหมด ไพร่พลทหารนักรบทั้งหลายจะไม่เก็บไว้แม้แต่คนเดียว
ข้าจะพาหยุนหยุนไปจากต้าเหลียง ไปใช้ชีวิตในหุบเขาลำเนาไพรอันห่างไกลไร้ผู้คน "
"จือซาน นี่เจ้าจะทำอะไร? ข้าไม่ได้มีใจคิดอย่างนั้นจริง ๆ เหตุใดเจ้าต้องหุนหันพลันแล่นถึงเพียงนี้ด้วย?" ฮ่องเต้ชิงหยู่เริ่มจะกลัวขึ้นมาแล้ว
อันจือซานตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไป ยกเสื้อคลุมขึ้นพลางคุกเข่าลงคำนับฮ่องเต้ชิงหยู่ โขกหัวแสดงการคารวะเสร็จ ก็หยัดกายลุกขึ้นยืน: "หม่อมฉันขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ!"
หันหลังได้อันจือซานก็จากไปทันที เสี่ยวสวีจื่อกำลังยืนรออยู่ด้านนอก เฝ้ารอให้ด้านในเริ่มสู้กันก่อนเขาถึงจะเข้าไป แต่รออยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงสู้กัน ในขณะที่กำลังกลุ้มใจอยู่ ประตูก็พลันถูกผลักเปิดออกอย่างกะทันหัน ได้เห็นแม่ทัพอันเดินออกมา แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
อันหลิงหยุนกำลังอุ้มเจ้าห้า พลางกินข้าวอยู่บนภูเขา เป็นธรรมดาที่ชีวิตบนภูเขานั้นย่อมต้องยากลำบากไม่น้อย แต่ในช่วงสองสามวันนี้ นางก็ยังไม่อาจไปจากที่นี่ได้
แม่ทัพอันขึ้นภูเขาไป ใช้สายตากวาดมองไปรอบ ๆ จนพบลูกสาวที่นั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มขอทานกลุ่มหนึ่ง กำลังอุ้มหลานชายพลางกินข้าวอยู่
หลังจากยืนอยู่เป็นนานสองนาน แม่ทัพอันก็เดินเข้าไปหา อันหลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมอง ในปากยัดอาหารเอาไว้จนเต็มปรี่ พอได้เห็นแม่ทัพอันเข้า ก็แทบจะพ่นอาหารในปากออกมาเลยทีเดียว
"พ่อ" อันหลิงหยุนรีบคายของที่อยู่ในปากทิ้งไป แล้วลุกขึ้นยืน แม่ทัพอันเข้ามาอุ้มเจ้าห้าไปทันที “มีบางอย่างที่พ่อต้องบอกเจ้า”
แม่ทัพอันอุ้มเจ้าห้าไปแล้ว อันหลิงหยุนคิดไปถึงเรื่องที่ จะไปออกตามหาแม่ของเจ้าของร่างเดิมขึ้นมา
ระหว่างที่เดินตามหลังไป อันหลิงหยุนก็รอให้แม่ทัพอันพูด แม่ทัพอันตบกล่อมเจ้าห้า พลางหันไปมองอันหลิงหยุน: "พ่อได้บอกกับฮ่องเต้แล้วว่า จะให้เจ้าหย่าแล้วแยกบ้านกันกับอ๋องเสียน เจ้าไปกับพ่อ พ่อจะพาเจ้ากับเด็กๆไปอยู่ภูเขาอันห่างไกล นับจากนี้ไปจะไม่ยุ่งเกี่ยวใดๆกับเรื่องของต้าเหลียงอีก”
"….." อันหลิงหยุนตกตะลึง จนถึงกับเซ่อไปเลยทีเดียว พ่อของนางช่างเผด็จการจริงๆ
“พ่อ ท่านจะไม่คิดให้ดี ๆ อีกหน่อยหรือเจ้าคะ?”
"ไม่คิดไม่พิจารณาอะไรทั้งนั้นแล้ว ที่ผ่านมา เจ้าต้องเผชิญความยากลำบากมาไม่น้อย พ่อคิดจนเข้าใจแล้วว่า ตลอดชีวิตของพ่อที่ผ่านมา ล้วนอยู่เพื่อฝ่าบาทมามากแล้ว นับจากนี้เป็นต้นไป พ่อจะอยู่เพื่อเจ้า"
“ แต่พ่อเจ้าคะ ข้ากับท่านอ๋อง.... ”
"พ่อรู้ว่าพวกเจ้าจงใจทำให้ฝ่าบาทดู แต่ฮ่องเต้ไม่ใช่คนยอมรามือไปง่าย ๆ ที่พ่อพาพวกเจ้าไปจากที่นี่ หากเขาเต็มใจจะตามไปด้วย พ่อก็จะไม่ขัดขวาง"
แม่ทัพอันพูดไปก็อุ้มเจ้าห้าเดินออกไปด้วย อันหลิงหยุนยังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่ จึงทำได้แค่รอให้ถึงตอนค่ำเสียก่อน
เมื่อนางกลับไปในตอนค่ำ ที่หน้าจวนแม่ทัพก็เริ่มมีคนกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกันแล้ว กระทั่งองค์หญิงใหญ่ก็ยังมาด้วยแล้ว
อันหลิงหยุนลงจากรถม้ามา ในสภาพทุลักทุเลเดินปัดเดินเป๋ไปมา ทั้งเนื้อทั้งตัวล้วนเต็มไปด้วยฝุ่นผง นางเพิ่งลงมาจากภูเขา จึงมีสภาพเป็นเช่นนี้ หลังจากลงมาแล้วก็เดินต่อไม่ได้ ทั้งตัวของนางล้วนถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นผงมอมแมมเต็มไปหมด
เมื่อองค์หญิงใหญ่และคนอื่น ๆ ได้เห็นอันหลิงหยุนในสภาพนั้น ต่างก็พากันแปลกใจ: "เหตุใดพระชายาเสียน ถึงทำตัวเองจนมีสภาพเป็นเช่นนี้ได้ล่ะนี่?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...