บทที่ 855 ยิ่งนับวันก็ยิ่งเลวร้าย
อันหลิงหยุนฝัน ในความฝันนั้น นางเห็นซูมู่หรงพาฮ่องเต้แห่งเมืองหนานอี้มาที่นี่ พวกเขานั่งมาในรถม้าคันหนึ่ง มีม้าหนึ่งตัวพร้อมด้วยผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง กำลังมุ่งหน้ามายังประเทศต้าเหลียงอย่างเร่งรีบ
ตอนที่อันหลิงหยุนตื่นขึ้นมา กงชิงวี่ไม่ได้อยู่ในห้องพักผู้ป่วยแล้ว เจ้าห้ายังนอนอยู่ข้าง ๆ นาง เฟยยิงยืนเฝ้ายามอยู่หน้าประตู วันนี้อาหยู่ก็มาที่นี่ด้วยเช่นกัน
อันหลิงหยุนเห็นว่าข้างนอกฟ้ามืดสนิทไปแล้ว จึงถามอาหยู่ว่า: "ท่านอ๋องล่ะ?"
“เข้าวังไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ได้ยินมาว่าคนตระกูลกู่ไปเอะอะกันเสียใหญ่โต จนพลอยทำให้จวนกั๋วกงตื่นตระหนกตกใจไปด้วย เห็นฮูหยินเฒ่าตระกูลกู่อ้างว่า มีมิตรภาพอันดีกับฮูหยินใหญ่หยุนกั๋วกง พวกเขาคิดจะยืมอำนาจของทางตระกูลฮองเฮา มาใช้กดดันท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
อันหลิงหยุนกลับไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรนัก คิดเพียงแต่เรื่องที่ว่า ฮ่องเต้หนานอี้เดินทางไกลมาจนถึงที่นี่ ไม่รู้ว่ามีเจตนาจะทำอะไรกันแน่
ในยามนี้ซูอู๋ซินออกจากหนานอี้ เฟิงอู๋ฉิงก็ออกจากหนานอี้ องค์ชายสามกับฮ่องเต้หนานอี้ ก็ยังออกจากเมืองหนานอี้ เช่นนั้นในเวลานี้ หนานอี้จะไม่เป็นเมืองว่างเปล่าที่ง่ายต่อการโจมตีไปแล้วหรอกหรือ?
อันหลิงหยุนส่ายหน้า ถึงแม้ว่าหนานอี้จะปล่อยเมืองว่างอยู่อย่างนั้นจริง แต่ประเทศอื่นก็คงไม่กล้าทำอะไรผลีผลามเป็นแน่ หนานอี้เป็นประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินใหญ่ซื่อฟาง ใครจะอยู่ดีไม่ว่าดี ก็คิดจะไปหาเรื่องหมางใจกับมหาอำนาจอย่างนั้นกันล่ะ
เมื่อรู้สึกว่าไม่เป็นไรแล้ว อันหลิงหยุนจึงหันไปมองเจ้าห้าที่ตอนนี้ตื่นขึ้นมาแล้ว ถามเจ้าห้าออกไปว่า : " เจ้าห้า ที่ลูกไม่ยอมไปหาจื่อฮั่ว ทั้งหมดเป็นเพราะแม่ใช่หรือไม่?
"..... " เจ้าห้าไม่พูดอะไรออกมา เพียงแค่หลับตานิ่งๆ
อันหลิงหยุนอุ้มเจ้าห้าขึ้นมา ให้เจ้าห้านอนซบลงบนไหล่ : "ถ้าอย่างนั้น รออีกสองสามวันให้แม่จัดการธุระของแม่เสร็จก่อน แล้วให้พ่อเจ้าจัดการเรื่องราวในเมืองหลวงให้เรียบร้อย พวกเราค่อยไปหาจื่อฮั่ว ไปเยี่ยมเยียนนางดีหรือไม่?"
เจ้าห้าส่งเสียงอืม ในลำคอตอบรับมาเสียงหนึ่ง อันหลิงหยุนตบกล่อมเขาเบา ๆ
ในเวลานั้น กงชิงวี่กำลังยืนอยู่ในพระตำหนักจรุงจิต ฮ่องเต้ชิงหยินทอดพระเนตรมองฮูหยินเฒ่ากู่ฮูหยิน ที่กำลังร้องไห้ฟูมฟายอยู่ด้านล่าง แล้วทอดพระเนตรไปมองกงชิงวี่ด้วยความกริ้ว
“อ๋องเสียน เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?”
“ หม่อมฉันมีความผิดอะไรอย่างนั้นหรือ?” กงชิงวี่สีหน้าดูไม่ยี่หระเลยแม้แต่น้อย
ฮ่องเต้ชิงหยินตรัสถามว่า: "จริงหรือไม่ที่เจ้าทุบตีคนอื่นแล้ว ยังใช้ดาบไปตัดสิ่งนั้นของคนอื่นจนขาดอีกด้วย?"
ในเวลานี้มีคนอยู่ไม่มาก มีฮูหยินใหญ่หยุนกั๋วกง มีราชครูจุน แล้วก็มีฮูหยินเฒ่ากู่ฮูหยิน
คนเหล่านี้ล้วนถูกเรียกเข้าวังในวันนี้ มีจุดประสงค์คือ ให้มาช่วยเป็นธุระจัดการเรื่องคดีของฮูหยินเฒ่ากู่ฮูหยินนั่นเอง
ตระกูลกู่ก็เป็นตระกูลที่ซื่อสัตย์และภักดีตระกูลหนึ่ง เพียงแต่เมื่อมาถึงรุ่นนี้ ก็เหลือแค่หลานชายพรรค์นี้อยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น จึงไม่ได้เข้ามาเป็นขุนนางในราชสำนัก เป็นคนไม่เอาการเอางาน ใช้ไม่ได้ไร้ประโยชน์ ทำอะไรก็ไม่เคยทำได้สำเร็จ
จากตระกูลที่ทั้งซื่อสัตย์และภักดีตระกูลหนึ่ง จึงต้องกลายมาเป็นตระกูลที่ถดถอยด้อยค่า ไร้ความสามารถไปอย่างน่าเสียดาย
วันนี้มาจนถึงท้องพระโรง ไต่ถามเรื่องราวที่เกิด ฮูหยินเฒ่าก็เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดไม่พัก มือกำไม้เท้าหัวมังกรยันกับพื้นอย่างแรง พร้อมกับตะโกนร่ำร้องว่า สวรรค์ไม่ลืมตามาให้ความเป็นธรรมกับนาง
แม้ว่าสีพระพักตร์ของฮ่องเต้ชิงหยิน จะแลดูเป็นทุกข์และโกรธกริ้ว แต่ในพระทัยกลับคิดว่า สมน้ำหน้า!
"เจ้าพูดอะไรสักหน่อยสิ"
กงชิงวี่เอ่ยขึ้นว่า: "หลานชายของนาง กู่หยุ่น ตอนที่อายุได้ราวสิบขวบ ได้ผลักหยุนหยุนภรรยาของข้าลงไปในบ่อน้ำ ทำให้หยุนหยุนเกิดบาดแผลทั้งกายและใจ แม้ว่าจะถูกช่วยเหลือไว้ได้ แต่นางกลับต้องทนทุกข์ทรมานจากฝันร้ายตลอดทั้งคืน เรื่องที่ว่านี้คนในจวนล้วนสามารถเป็นพยานให้ได้
ช่างน่าขันนัก กู่หยุ่นผู้นี้ในตอนนั้นเพิ่งอายุเพียงสิบสอง ถึงกับพาหยุนหยุนซึ่งอายุเพียงสิบขวบไปที่บ่อน้ำเพื่อข่มขู่ บีบบังคับให้นางถอดเสื้อผ้าบนร่างออกให้หมด ต้องการให้นางเปลือยกายล่อนจ้อน
แน่นอนว่าหยุนหยุนต้องไม่ยอมเป็นธรรมดา เขาจึงผลักหยุนหยุนลงบ่อน้ำ "
ฮูหยินเฒ่าตระกูลกู่ตกตะลึง ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองไปที่ใบหน้าที่ยามนี้เขียวคล้ำจนดูไม่ได้ของกงชิงวี่อย่างพร้อมเพรียง
ตระกูลกู่ทำไม่ถูกจริง ๆ นั่นแหล่ะ!
"เดิมทีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หยุนหยุนเองก็จำมันไม่ได้แล้ว แต่วันนี้ตอนที่หยุนหยุนตรวจโรคให้คนป่วยที่โรงหมอ มีหญิงสาวคนหนึ่งถูกกระทำรุนแรงจากคนในครอบครัว มีเนื้องอกในร่างกายของนาง หยุนหยุนจะทำการผ่าตัดให้นาง แต่นางกลัวมากไม่กล้ารับการรักษา บอกว่าสามีของนางอาจทุบตีนางได้
หยุนหยุนไม่พอใจ จึงให้เรียกคนในครอบครัวของนางมา หลังจากที่ฮูหยินเฒ่าพาหลานชายมาถึงก็ด่าคนทันที นิสัยพื้นฐานของหยุนหยุนคือ ชอบยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่นอยู่แล้ว จึงพูดต่อว่าไปสองสามประโยค ไม่คิดว่าฮูหยินเฒ่าจะชี้หน้าด่าหยุนหยุนว่าเป็นหญิงแพศยาต่ำช้า ยังบอกอีกว่านางเป็นถึงผู้ที่บูรพกษัตริย์ทรงแต่งตั้ง ไม่ว่าใครนางก็ไม่กลัว ไม่ต้องพูดว่าแค่พระชายา ต่อให้เป็นฮ่องเต้ก็ทำอะไรนางไม่ได้
หยุนหยุนสั่งลงโทษโบยกู่หยุ่น ในเวลานั้นหยุนหยุนยังนึกไม่ออกว่ากู่หยุ่นผู้นี้คือใคร กู่หยุ่นถูกโบยตีด้วยไม้กระบอง จึงร้องตะโกนเรียกชื่อของนาง หยุนหยุนจึงจำกู่หยุ่นขึ้นมาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...