เข้าสู่ระบบผ่าน

ยอดหญิงในเงามาร นิยาย บท 10

เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แม่นมจางกำลังจมดิ่งกับห้วงความคิดฟุ้งซ่าน กว่านางจะได้สติรู้ตัวอีกครั้ง ก็มาถึงจวนหย่งผิงโหวแล้ว

ชีเจิ้นเพราะเพิ่งพบเซียวอวิ๋นถิงที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงมาเมื่อสักครู่ ยามนี้ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และไม่มีเวลามาสนใจสวี่อินอินเช่นกัน เพียงแต่เอ่ยปากออกคำสั่งอย่างส่งเดชไปว่า “ไปพบมารดาของเจ้าก่อนเถิด!”

เขาเอ่ยพลางเตรียมจะออกไป สวี่อินอินเองก็ไม่ได้สนใจนัก ยอบกายลง ทำความเคารพต่อชีเจิ้น

นางไม่ทำความเคารพยังดีเสียกว่า ครั้นยอบกายลงแล้ว ชีเจิ้นกลับชะงักฝีเท้าทันที

ไหนว่าอากัปกิริยาท่าทางการทำความเคารพของสวี่อินอินไม่ถูกต้องไม่สมควร

ปัญหาคือตรงนี้ มันถูกต้องตามระเบียบเกินไปแล้วต่างหาก

ท่วงท่าลีลาการยอบกายทำความเคารพของสวี่อินอิน ลื่นไหลดุจสายน้ำและเมฆา หาจุดบกพร่องไม่ได้แม้แต่จุดเดียว

เขาชะงักฝีเท้า “เจ้าเคยเรียนมารยาทมาก่อนหรือ?”

สวี่อินอินส่ายหน้าค่อยๆ ไม่ช้าไม่รีบร้อน เห็นชีเจิ้นขมวดคิ้ว ก็เม้มริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางดูคล้ายขลาดกลัว “ยายคนหนึ่งเคยสอนข้าเจ้าค่ะ”

ยาย?

ชีเจิ้นรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าเก่า หมู่บ้านที่สวี่อินอินอาศัยอยู่ หลายปีที่ผ่านมานี้ แม้แต่บัณฑิตขั้นจิ้นซื่อสักคนยังไม่เคยมี ตระกูลใดจะมีความฟุ้งเฟ้อร่ำรวย จนต้องใช้มารยาทประเพณีเหล่านี้กัน?

เขาเกิดความคิดในใจ ก็ถามด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “เป็นยายจากที่ใดหรือ?”

มาแล้ว!

สวี่อินอินเอ่ยคำพูดแก้ต่างที่วนเวียนอยู่ในใจของตนนับไม่ถ้วนออกมา “ข้าต้องเดินทางหลายสิบลี้ไปตัดไม้ทำฟืนเสมอ ด้านบนของภูเขาลูกนั้นมีศาลเจ้าอยู่แห่งหนึ่ง ที่ศาลเจ้ามียายเฒ่าคนหนึ่งบอกว่าต้องชะตาข้ายิ่งนัก จึงสอนข้าอ่านตำราเขียนอักษร…”

บนภูเขา?

ด้านบนภูเขาลูกนั้นที่ห่างจากที่อาศัยของสวี่อินอินมีศาลเจ้าอยู่จริงๆ

หัวใจของชีเจิ้นพลันเต้นอย่างรุนแรง “ยายเฒ่าคนนั้น แซ่เจียงหรือไม่?”

สวี่อินอินเงยศีรษะขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ท่านรู้ได้อย่างไร?”

ชีเจิ้นสูดหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความตกใจ

พินิจมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง สีหน้ายิ่งปรากฏความประหลาดใจหนักขึ้นกว่าเก่า

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยพินิจพิเคราะห์เด็กสาวคนนี้อย่างตั้งใจเลยสักครั้ง กระทั่งยามนี้ได้จ้องมองอย่างละเอียดแล้ว ถึงค้นพบว่า แม้ใช้ชีวิตตรากตรำทำงานหนักในชนบท ทว่าเด็กสาวคนนี้กลับมีผิวผิวพรรณขาวผ่องนุ่มเนียน

คิ้วคางเครื่องหน้าเองก็งดงามละเอียดอ่อน สันจมูกสูงตรง นัยน์ตาดอกท้อคู่นั้นเปล่งประกายดุจเกลียวคลื่น

แค่คิ้วคางใบหน้าเพียงอย่างเดียว เทียบกับชีจิ่นแล้วก็ไม่มีจุดใดด้อยกว่าเลย

ชีเจิ้นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะโพล่งขึ้นทันที “ไปกันเถิด ข้าจะไปที่เรือนหลังพร้อมเจ้า”

สวี่อินอินยิ้มเยาะอย่างเงียบเชียบในใจ

ก่อนหน้านี้ยังรีบร้อนจะออกไป บัดนี้กลับร้อนใจจะเดินไปส่งตนเองแล้ว

สิ่งนี้มิใช่เพราะมโนสำนึกของชีเจิ้นถูกค้นพบ มิใช่ความรักของผู้เป็นบิดาถูกกระตุ้น

แต่เป็นเพราะนางจงใจเอ่ยถึงแม่นมเจียงขึ้นมาก็เท่านั้น

นางย่อมรู้ดีว่าท่าทีของชีเจิ้นเปลี่ยนไปด้วยเหตุผลอะไร

เพราะคนที่แม่นมเจียงรับใช้คือองค์หญิงใหญ่ และคนที่กำลังบำเพ็ญเพียรรักษาความสงบในศาลเจ้าแห่งนั้น ก็คือองค์หญิงใหญ่เช่นกัน

เด็กสาวที่ได้รับคำชี้แนะจากคนข้างกายขององค์หญิงใหญ่ ยังไม่เรียกว่ามีคุณค่าอีกหรือ?

เมื่อคิดได้ดังนี้ นางจึงเหลือบสายตาพร้อมรอยยิ้มมองแม่นมจางที่อยู่ด้านหลังปราดหนึ่ง

แม่นมจางถูกสายตาของสวี่อินอินจ้องมองก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาแล้ว

ก่อนหน้านี้คุณหนูใหญ่แสดงท่าทีว่าอยากให้ตนไปพึ่งพิง ทว่าตนเองก็ยังไม่เต็มใจนัก

แต่กระนั้น คุณหนูใหญ่ท่านนี้ช่างสุขุมลุ่มลึกถึงที่สุดจริงๆ!

นางมีขุนเขาใหญ่ให้พึ่งพิงและมีโอกาสดีเช่นนี้ แต่กลับอดทนไม่แพร่งพรายความลับแม้เพียงเสี้ยวเดียวนี้ต่อหน้าพวกแม่นมฮวา

ราวกับว่าคาดคะเนไว้แม่นยำทุกย่างก้าว

โดยซ้อนกลอุบายกำจัดแม่นมฮวาทิ้งไปก่อน จากนั้นค่อยทำให้เป็นเรื่องใหญ่ หนำซ้ำยังบุกไปที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงด้วย…

พิจารณาจากมุมมองในยามนี้แล้ว ที่ไปศาลาว่าการเมืองต้าซิงก็มิใช่จับพลัดจับผลูไป แต่เพราะมั่นใจว่าหากไปที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงแล้ว เรื่องนี้จะไปถึงหูชีเจิ้นไวกว่า…

ชีเจิ้นนำทางสวี่อินอินตรงเข้าไปที่เรือนหลังแล้ว

ด้วยความเข้าใจที่นางมีต่อสามี ย่อมรู้อุปนิสัยใจคอของสามีคนนี้ดีที่สุด

ชีเจิ้นถือผลประโยชน์ไว้เป็นสิ่งสูงสุดมาแต่ไหนแต่ไร หากขัดต่อผลประโยชน์ของจวนโหวแล้ว อย่าว่าแต่เจ้าดรุณีที่ไม่เคยเลี้ยงดูผูกพันคนนี้มาก่อนเลย ต่อให้เป็นบุตรชาย หากเขาสั่งลงโทษก็ต้องถูกลงโทษสถานเดียว

หนนี้สวี่อินอินก่อเรื่องโกลาหลวุ่นวายเพียงนี้ขึ้นมาแล้ว ซ้ำร้ายยังเอาเรื่องน่าอับอายไปขายให้เจ้านายสูงสุดของชีเจิ้นอีก

แต่เหตุใดชีเจิ้นถึงพาเด็กคนนี้กลับมาอีก?

มิหนำซ้ำยังยืนยันอย่างตรงไปตรงมาว่าสวี่อินอินมีฐานะเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนโหวด้วย?

สายตาของชีอวิ๋นถิงจ้องมองไปบนตัวสวี่อินอินแล้วพักหนึ่ง

เขาหรี่ตาอย่างจงเกลียดจงชัง เดินเข้าไปเพ่งมองสวี่อินอินพลางเอ่ยว่า “เจ้านี่เอง ทำให้เรื่องของบ่าวรับใช้ในเรือนลุกลามไปถึงฝ่ายขุนนาง คิดจะทำให้ท่านพ่อขายหน้าหรือ?”

สวี่อินอินเงยหน้าขึ้นมองชีอวิ๋นถิง

เกิดมาแล้วสองภพชาติ นางถึงจะมีโอกาสได้มองชีอวิ๋นถิงด้วยสายตาระดับเดียวกัน

และครั้งนี้ นางไร้ซึ่งความรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า และตอบกลับอย่างเย็นชา “ใช่”

ชีอวิ๋นถิงหัวเราะเยาะออกมาโดยไม่ซ่อนเร้น “เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายความว่าอะไร? กลับมาวันเดียว ก็สร้างปัญหาให้ตระกูลแล้ว ทำให้บุพการีขายหน้า เจ้ามันเดนมนุษย์โง่เขลาอกตัญญู!”

ในความทรงจำ เมื่อใดที่ชีอวิ๋นถิงอยู่กับนาง อากัปกิริยาวาจาล้วนเป็นเช่นนี้มาตลอด

ไม่เคยพูดดี มีเพียงสีหน้าเยือกเย็นแข็งกระด้าง

คล้ายว่าหากพูดกับนางมากกว่านี้เพียงคำเดียว จะทำให้เสื่อมเสียเกียรติยศของคุณชายใหญ่แห่งจวนโหว

ยิ่งไปกว่านั้นยังเคยมีครั้งหนึ่ง ชีจิ่นเคยจงใจพานางไปนั่งตรงที่นั่งประจำของชีอวิ๋นถิงในห้องหนังสือ ตอนนั้นชีอวิ๋นถิงไม่พูดพร่ำทำเพลงก็สั่งให้บ่าวรับใช้ยกเก้าอี้ตัวนั้นไปทิ้งทันที

มิหนำซ้ำยังสั่งให้คนจัดการไปยกน้ำมาราดทำความสะอาดตรงจุดที่นางเคยนั่งด้วย

นางเมื่อตอนอดีตชาติเพี้ยนไปแล้วจริงๆ ที่ปล่อยให้คนเหล่านี้มาย่ำยีศักดิ์ศรีไปมาอยู่ได้

ครั้งนี้ สวี่อินอินไม่ยอมโอนอ่อนตามเขาแล้ว เพียงแต่เหลือบสายตามองเขาด้วยความสงสัย “เจ้าเป็นใคร?”

ชีอวิ๋นถิงมิเอ่ยวาจา แม่นมจางส่งเสียงเตือนอย่างอกสั่นขวัญแขวน “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ท่านผู้นี้คือคุณชายใหญ่เจ้าค่ะ…”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงในเงามาร