นางหวังยังคงประหลาดใจไม่หาย ก็ได้ยินชีเจิ้นเอ่ยกับนางอีกครั้งว่า “ยังมีอีกสิ่ง นางบ่าวรับใช้อวิ๋นเชวี่ยคนนั้น จัดการส่งตัวนางไปที่เหมืองถ่านหินทางเหนือเสีย”
บทลงโทษของบ่าวรับใช้ในทุกตระกูล เบาสุดคือโบยด้วยไม้และหักเงินเดือน
หนักกว่านั้นหน่อย ก็คือการขายทาสออกไป
และที่หนักที่สุด หนีไม่พ้นถูกส่งตัวไปที่เหมืองถ่านหิน
สตรีตัวคนเดียว ไหล่แบกไม่ไหวมือยกไม่ขึ้น ไปอยู่ที่นั่นแล้วจะทำอะไรได้ ไม่ต้องให้อธิบายก็เห็นภาพชัดเจนอยู่แล้ว
นางหวังอึดอัดเกินทน “ท่านโหว พวกนางต้องเหิมเกริมกระทำผิดด้วยตนเองแน่นอนเจ้าค่ะ ไม่ใช่ความคิดของจิ่นเอ๋อร์อย่างเด็ดขาด ข้าเลี้ยงจิ่นเอ๋อร์มากับมือ ข้าเชื่อใจนาง”
จะเชื่อใจหรือไม่เชื่อใจ ชีเจิ้นไม่สนใจแม้แต่น้อย ทำเพียงเอ่ยอย่างเยือกเย็นออกมา “ข้ามองเพียงผลลัพธ์ เกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น เจ้านายหากควบคุมบ่าวรับใช้ไม่ได้ นั่นถือว่าไร้ความสามารถแล้ว”
นางหวังพลันกัดริมฝีปากด้วยความตกใจ
อีกด้านหนึ่งชีอวิ๋นถิงเดือดดาลมากถึงขั้นด่ากราดสาปแช่งคนทันทีเมื่อกลับถึงห้อง
คนที่ถูกเขาด่ามากที่สุดยังคงเป็นชีหยวนเหมือนเดิม
ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดอยากให้เจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ได้กลับเรือน ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่ากลับเรือนแล้วจะยิ่งรู้สึกรังเกียจมากกว่าเดิม!
นางคิดว่านางเป็นใครกัน
เอาแต่พูดเรื่องการวางตัว เรื่องมารยาท!
ตอนที่เขากำลังเรียนรู้มารยาทการวางตัว เจ้าเด็กเหลือขอคนนี้คงจะยังเลี้ยงสุกรอยู่ที่บ้านนอกกระมัง!
เขาโกรธจนหมดอารมณ์กินข้าวแล้ว แม้แต่อวิ๋นเยี่ยนบ่าวรับใช้ข้างกายชีจิ่นที่ถูกตามใจมากที่สุดมาขอเข้าพบ ยังไม่ได้พบหน้าคุณชายใหญ่ด้วยซ้ำไป
ตอนที่อวิ๋นเยี่ยนกลับมาในเรือน ชีจิ่นกำลังดูเนื้อผ้าที่จะใช้สำหรับตัดอาภรณ์
นางหวังรักบุตรีคนนี้มาก ยอมให้นางได้เลือกสรรแพรพรรณผืนใหม่ไปใช้ตัดอาภรณ์ได้ตามใจทุกฤดูกาล
แม้ว่าจะทราบความจริงแล้ว แต่ความรักที่นางหวังมีให้บุตรีคนนี้ไม่เคยลดลงเลยแม้แต่น้อย
ยามนี้พวกบ่าวรับใช้กำลังกอบผืนผ้าหลายผืน พลางแนะนำให้ชีจิ่นฟังตรงหน้า
ทั้งผ้าไหมสู่จิ่น แพรต่วนเหลียวหลิง ผ้าไหมทอดิ้นเงินดิ้นทอง ทุกผืนล้วนทำให้ผู้คนมองจนลายตา
ทว่าหัวใจของชีจิ่นกลับมิได้อยู่ที่ตรงนี้ นางเลือกอย่างใจลอยอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเมื่อเห็นอวิ๋นเยี่ยนที่กลับมาถึงแล้ว ก็สั่งให้คนเหล่านั้นออกไปทันที
อวิ๋นเยี่ยนไม่รอให้นางถาม ก็รีบสาวเท้าเข้าไปเบื้องหน้านาง และเอ่ยด้วยเสียงกระซิบว่า “คุณหนู เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”
ชีจิ่นเป็นคุณหนูใหญ่ผู้สูงศักดิ์ของจวนโหวมาหลายปีแล้ว พวกบ่าวรับใช้ข้างกายนาง ล้วนแต่เป็นคนที่นางหวังคัดเลือกให้นางด้วยตนเอง
และมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับคนภายในเรือนของนางหวัง
ไม่ว่าเรื่องจะเป็นมาอย่างไร ขอเพียงถามไถ่ก็ได้ความแล้ว
สีหน้าของชีจิ่นหมองหม่นลงทุกเสี้ยวขณะ หลังจากได้ยินว่าชีอวิ๋นถิงถูกตบหน้าหนึ่งฉาด เรื่องที่ชีเจิ้นตั้งใจเรียนเชิญญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมเปิดศาลบรรพชน มิหนำซ้ำยังเปลี่ยนชื่อแซ่ให้สวี่อินอินเป็นชีหยวนด้วยแล้ว สีหน้าของนางหมองคล้ำราวพายุฝนกำลังตั้งเค้าพร้อมกระหน่ำ
เสียงของอวิ๋นเยี่ยนยิ่งเบาลงเรื่อยๆ ครั้นเห็นเมฆครึ้มปกคลุมบนใบหน้าชีจิ่นแล้ว ก็รีบร้อนปลอบโยนด้วยเสียงเบาหวิว “คุณหนู พวกเราไม่จำเป็นต้องลดตัวไปเทียบกับนางเจ้าค่ะ! อย่างนางจะมีอะไรเหนือไปกว่าท่าน?”
ชีจิ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงคับแค้นและแดกดันออกมา “แต่นางเป็นบุตรโดยกำเนิด บุตรโดยกำเนิดก็คือบุตรโดยสายเลือดเดียวกัน ข้ามันก็แค่บุตรีของคนขายเนื้อสัตว์เท่านั้น!”
บัดนี้นางโกรธแค้นชีเจิ้นจนกัดฟันกรอดๆ
ปากพล่ามแต่วาจาไพเราะน่าฟัง บอกว่านางเป็นบุตรีของเขาตลอดไปบ้าง เป็นคุณหนูใหญ่ของจวนโหวตลอดไปบ้าง!
แต่เผลอครู่เดียวก็ยกย่องเทิดทูนชีหยวนไว้สูงส่งเพียงนี้แล้ว!
เขากล่าวพลาง กระชากม่านกั้นประตูทิ้งและเดินออกไป ยืนใต้ชายคาและจ้องมองพวกบ่าวรับใช้ด้วยสายตาเย็นยะเยือก “พวกเจ้าทุกคนจงจับตาดูให้ดี! หากมีพวกไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนใด กล้าทำให้คุณหนูรองเดือดร้อน ข้าไม่ไว้ชีวิตพวกเจ้าแน่!”
ชีอวิ๋นถิงเป็นคุณชายใหญ่ และเป็นบุตรชายคนโตสายเลือดหลักของจวน และเป็นผู้สืบทอดจวนโหวคนต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัย
ตำแหน่งภายในจวนของเขาแม้ไม่อธิบายก็เข้าใจได้ทันที มีเขาออกตัวรับรองและหนุนหลังอยู่เช่นนี้แล้ว ไม่นานบ่าวรับใช้ทั้งจวนโหวต่างรับรู้กันโดยทั่ว คุณชายใหญ่ไม่สนใจน้องสาวที่แท้จริงของตนเองแม้แต่น้อย ทว่าคนที่เขาให้ความสำคัญที่สุดยังคงเป็นคุณหนูรองผู้ซึ่งเติบโตมาด้วยกัน
เป้าหมายของชีจิ่นบรรลุผลแล้ว นางจ้องมองบ่าวรับใช้ที่คุกเข่าบนพื้นด้านนอกผ่านผ้าม่านกั้นบางๆ และกระตุกมุมปากขึ้นอย่างเยือกเย็น
ต่อให้จะกลับมาจากบ้านนอกสำเร็จแล้วจะเป็นอย่างไร?
จวนโหวไม่ได้มีแค่ชีเจิ้นคนเดียว
การเรียนรู้การเอาตัวรอดในเรือนหลังก็ไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น
นางมีชีอวิ๋นถิงและนางหวังคอยหนุนหลัง มีเส้นสายมีข่ายความสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นมาสิบกว่าปี
ตราบเท่าที่นางคิดลงมือ นางมีวิธีมากมายที่พร้อมทำให้ชีหยวนไร้ที่ยืนในเรือนนี้ได้เสมอ!
ศาลบรรพชน
รับบรรพบุรุษ หวนคืนสู่ตระกูล?
เช่นนั้นก็จับตาดูให้ดี ดูสิ ว่าชีหยวนนางจะมีวาสนาอยู่ได้ถึงวันนั้นหรือเปล่า!
ชีอวิ๋นถิงเมื่อเตือนบ่าวรับใช้เรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ลืมที่จะกลับเข้าไปยืนยันกับชีจิ่นอีกครั้ง “อาจิ่น เจ้าวางใจเถิด ตราบใดที่มีข้าอยู่ ในจวนแห่งนี้ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามข่มเหงย่ำยีเจ้า!”
ตอนที่แม่นมจางได้ยินเรื่องราวนี้ เป็นตอนที่นางกำลังช่วยชีหยวนจัดห้อง
โชคดีที่ในหอหมิงเยว่นี้มีข้าวของพร้อมพรัก นางคิดจะพักหายใจอยู่พอดี จนกระทั่งได้ยินถ้อยคำจากบุตรสาวของตนเองที่นำมาเล่าให้ฟังแล้ว ฉับพลันทันใดนั้นก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้ามืดดับไปเสียแล้ว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงในเงามาร