ชีหยวนนั่งอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ กำลังคิดว่าควรทำอย่างไรถึงจะเชื่อมความสัมพันธ์กับจิ้นอ๋องได้ ก็เห็นแม่นมสวีเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าที่รีบร้อนไปยังโต๊ะอาหารของนางหวัง และกระซิบอะไรบางอย่างอยู่ข้างหูนางหวัง
เดิมทีนางหวังกำลังพูดคุยกับน้องสะใภ้ทั้งสอง ว่าจะเชิญอุปรากรจีนคณะใดดี
เมื่อฟังแม่นมสวีพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืนจากตรงนั้น และถามด้วยความโกรธจัด “อะไรนะ?”
เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ฮูหยินรองกับฮูหยินสามก็ถามอย่างรีบร้อน “เป็นอะไรหรือเจ้าคะ พี่สะใภ้ใหญ่? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือถึงได้กังวลใจเช่นนี้?”
สีหน้าของนางหวังเปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนอีก กัดริมฝีปากและมองไปทางชีเจิ้น “ท่านโหว อาจิ่นเป็นลมไปแล้วเจ้าค่ะ...”
ศาลบรรพบุรุษหนาวเย็น และลมแรง เดิมร่างกายของชีจิ่นก็เปราะบางอยู่แล้ว
เวลานี้ความไม่พอใจต่อชีหยวนที่อยู่ในใจของนางหวังถึงจุดสูงสุดแล้ว และนางก็รู้สึกเบื่อหน่ายบุตรสาวที่พอกลับมาก็ทำให้บ้านวุ่นวายจนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือคนนี้จริง ๆ
ความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านอารมณ์ บางครั้งก็เป็นเพียงภาระเท่านั้น
ชีเจิ้นสีหน้าเคร่งขรึมลงเล็กน้อย
อย่างไรเสียก็ยังคงเป็นบุตรที่เลี้ยงดูมานานหลายปี แถมเรื่องในครั้งนี้ ต่างก็เป็นชีอวิ๋นถิงคนสารเลวนั่นก่อไว้ และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชีจิ่นเลย
เขาจึงโบกมือเล็กน้อย “ช่างเถอะ ช่างเถอะ ให้คนพยุงนางกลับเข้ามาในจวน และเชิญหมอหลวงเข้ามาดูเสีย”
มีเหตุการณ์เช่นนี้แทรกเข้ามา นางหวังยังจะนั่งนิ่งอยู่ได้อย่างไร?
นางลุกขึ้นอย่างร้อนรนและพาสาวใช้ไปเยี่ยมที่ห้องชีจิ่นด้วยกัน
จนนางลืมชีหยวนไปเสียหมดสิ้นแล้ว
เหล่าลูกพี่ลูกน้องที่อยู่เรือนรองและเรือนสามต่างก็มองไปที่ชีหยวนอย่างกังวลเล็กน้อย
ทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าควรจะเอ่ยปากอย่างไรดี
ถึงอย่างไรตามสถานการณ์ปกติแล้ว นางหวังควรเป็นคนพาชีหยวนมาพบพวกนางที่เป็นน้องชายน้องสาวเหล่านี้อย่างเป็นทางการ
แต่นางหวังไม่รู้ว่าลืมหรือเป็นเพราะเหตุใด ถึงขนาดไม่มีความคิดจะทำเช่นนี้ด้วยซ้ำ
จนกระทั่งทุกคนไม่รู้ว่าควรจะเข้าหาชีหยวนอย่างไรดี
ยังคงเป็นตอนที่ฮูหยินรองเข้ามา และเห็นว่าชีหยวนยังอยู่ ก็ประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งสติขึ้นมาได้ “อาหยวน เจ้ายังไม่รู้จักบรรดาพี่น้องเหล่านี้ของเจ้าใช่หรือไม่?”
บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้ม และแสร้งทำเป็นไม่รับรู้ว่านางหวังละเลยบุตรสาวคนนี้แล้ว
นางไม่มีความจำเป็นจะต้องทำให้เด็กคนหนึ่งลำบากใจ
ดังนั้นนางจึงยิ้มและดึงบุตรสาวสองคนของตนเองออกมาก่อน “นี่คืออินเอ๋อร์น้องสามของเจ้า” นางชี้ไปทางเด็กผู้หญิงที่สวมเสื้อคลุมสีเหลืองห่าน
ชีอินถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรีบลุกขึ้นเพื่อทักทายกับชีหยวน “พี่หญิงใหญ่!”
เด็กผู้หญิงที่ธรรมดาดู ๆ ไปแล้วก็น่ารักกว่ามาก
ชีหยวนยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ทักทายกลับอย่างสุภาพ “น้องสาม”
ฮูหยินรองยังชี้ไปทางหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ด้านข้างซึ่งสวมเสื้อคลุมสีเงินแดงอยู่ด้วย “และนี่ก็คืออานั่วน้องสี่ของเจ้า!”
ชีนั่วลุกยืนขึ้นตั้งนานแล้ว และรอมารดาเอ่ยจบ จึงตะโกนเสียงหวานออกมา “พี่หญิงใหญ่”
ฮูหยินยังคงแนะนำต่อไปอีกครั้ง พอนางชี้ไป เด็กหนุ่มคนนั้นก็แย่งเอ่ย “ข้าคือฉางถิง!”
ชีฉางถิงหรือ ชีหยวนยิ้มตาหยีและเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเขาเบา ๆ “สวัสดีจ้ะ น้องฉางถิง”
บรรยากาศที่เงียบงันอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดก็คึกคักขึ้นมา
หลังจากนั้นไม่นานฮูหยินสามก็รีบเดินเข้ามา เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้นแล้ว จะยังไม่เข้าใจอีกได้อย่างไร?
นางจึงแนะนำบรรดาบุตรของตนเอง ในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงในเงามาร