สรุปเนื้อหา ตอนที่116 ความรู้สึกที่แสดงออกมา – ยอดคุณหมอสกุลเฉิน โดย Internet
บท ตอนที่116 ความรู้สึกที่แสดงออกมา ของ ยอดคุณหมอสกุลเฉิน ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่116 ความรู้สึกที่แสดงออกมา
ห้องเรียนเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นก็เป็นจินเซิงที่ลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า
“อาจารย์ฉีอย่าล้อเล่นกันแบบนี้สิครับ! นี่โกหกใช่ไหม!?”
“ใช่แล้ว อาจารย์ฉีเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมมหาวิทยาลัยถึงไล่อาจารย์ออก?”
“เว้นแต่ว่าทางมหาวิทยาลัยจะขอให้อาจารย์เป็นคณบดี นอกจากนั้นผมไม่ปล่อยให้อาจารย์ไปแบบนี้แน่นอน!”
“อาจารย์ฉีอย่าทำให้พวกหนูกลัวสิค่ะ…”
หนึ่งในนักศึกษาเหล่านั้นจู่ๆ น้ำตาก็เริ่มคลอเบ้า
ฉีเล่ยไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ปฏิกิริยาของทุกคนจะรุนแรงถึงขนาดนี้ เขาทราบดีว่าทุกคนไม่มีใครเต็มใจให้ลาจากกันทั้งแบบนี้ แต่ก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่า พวกเขาจะแสดงออกมาถึงขนาดนี้
เหอจื่อแทบกระโดดขึ้นยืน และเนื่องจากเธอลุกขึ้นเร็วเกินไปจนทำให้เกือบเซล้มลง ดวงตาคู่สวยของสาวน้อยคนนี้เปี่ยมล้นไปด้วยความโกรธจัด เธอจับจ้องฉีเล่ยตาเขม็งพร้อมกล่าวว่า
“ใครกันที่กล้าไล่อาจารย์ออก! แล้วมันมีเหตุผลอะไรที่ต้องไล่!? ภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ยังมีอาจารย์คนไหนที่สอนดีเทียบเท่าอาจารย์ฉีอีก!!?”
“ถูกต้อง! ผมของเสนอให้ทุกคนในคลาสร่วมลงนามและระบุถึงจุดยืนของเราในมหาวิทยาลัยแห่งนี้!”
“เมื่อก่อนทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาเรียน ในหัวมีแต่คิดว่าจะหาอะไรทพแก้เซ็งระหว่างคลาสเรียนดี ทว่าตั้งแต่ที่อาจารย์ฉีมาสอน อย่าว่าแต่ต้องนาฬิกาปลุกเลย ผมตื่นก่อนนาฬิกาปลุกซะอีกเพื่อมาอ่านทบทวนเตรียมความพร้อมก่อนเรียน! ยังมีอาจารย์คนไหนสามารถทำให้เด็กคนหนึ่งรักการเรียนได้เท่าอาจารย์ฉีอีก? ได้! ถ้าอาจารย์ฉีออก ผมก็ขอลาออกจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้เช่นกัน!”
“ถ้าอาจารย์ฉีออก พวกเราก็ไม่ขออยู่มหาวิทยาลัยบัดซบนี่แล้วเหมือนกัน! อาจารย์ฉีเปิดสถานติวเตอร์เลยครับ ผมขอสมัครเรียน!”
“ฉันด้วย!”
“ผมด้วยครับ!”
นักศึกษาเหล่านี้โกรธแค้นมหาวิทยาลัยยิ่งกว่าอะไรแล้ว พวกเขาเลือกที่จะยืนเคียงข้างและสนับสนุนฉีเล่ย ทัศนคติของพวกเขาแน่วแน่ยิ่งกว่าอะไรดี
ฉีเล่ยโบกมือปัดพลางหัวเราะตอบไปว่า
“ใจเย็นๆ ก่อนทุกคน อย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่นกันไป ฟังให้ดีนะ ทางมหาวิทยาลัยเองก็มีจุดยืนเช่นกัน พวกเขาต้องการหาอาจารย์ที่มีคุณสมบัติเพียงพอ ซึ่งผมไม่มีแม้แต่ใบประกอบวิชาชีพด้วยซ้ำ ถ้าพูดออกไปคงถูกหัวเราะแย่ อันที่จริงแม้แต่มหาวิทยาลัยผมยังไม่มีโอกาสได้เรียนด้วยซ้ำ พวกเขาก็เลยกลัวว่า ผมจะมาหลอกสอนพวกคุณ…”
โดยไม่มีรีรอให้ฉีเล่ยกล่าวจบ จินเซิงก็ตะคอกสวนพร้อมใบหน้าแดงก่ำเนื่องจากความโกรธจัด
“ไร้สาระ! ข้ออ้างทั้งนั้น! ในประกอบวิชาชีพแล้วยังไง? ถ้ามีใบประกอบแต่โง่ก็ไม่มีคุณสมบัติมาสอนพวกผมเหมือนกัน! สิ่งที่พวกเราต้องการไม่ใช่อาจารย์ที่มีประวัติดีเด่นยาวเป็นหางว่าว แต่ต้องการอาจารย์ที่รู้จริงและสอนพวกเราได้! ไอ้อาจารย์สองตัวนั้นที่เพิ่งไล่ออกไปมันก็จบสูงกันทั้งนั้น แต่พอมาสอนจริงกลับไม่ได้เรื่อง! อาจารย์ฉี พวกเรานับถือแค่คุณคนเดียวเท่านั้นในฐานะอาจารย์ หากใครมันกล้าไล่อาจารย์ออก พวกเราไม่ยอม! พวกเราไม่ยอม!”
ภายใต้แกนนำอย่างจินเซิง นักศึกษาทุกคนราวกับถูกปลุกใจ ตะโกนลั่นกล่าวเสริมกันไม่หยุดไม่หย่อน
“ใบประกอบแล้วไง? แค่แผ่นกระดาษโง่ๆ ใบหนึ่ง!”
“ไร้สาระสิ้นดี พวกเราช่วยกันระดมเงินคนละ200-300หยวน ก็หาซื้อในตลาดมืดได้แล้ว! ก็แค่ใบประกอบใบหนึ่ง!”
ฉีเล่ยถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
‘ปัง ปัง ปัง!’
เขาทุบโต๊ะสอนไปสองสามทีเพื่อให้ทุกคนสงบลง แล้วกล่าวต่อขึ้นว่า
“ทุกคนโปรดอยู่ในความสงบครับ นี่มันเรื่องของผม ผมจะจัดการเอง พวกคุณคือนักศึกษาก็ควรใส่ใจกับเรื่องเรียน ไม่ว่าใครก็ตามต่อจากนี้จะมาสอน พวกคุณก็ต้องตั้งใจเรียนเข้าใจไหม? อาจารย์ที่ดียังมีอีกมาก ถ้าพวกคุณไม่เปิดใจและให้โอกาส พวกคุณก็จะจมปรักอยู่แบบนี้ไปชั่วชีวิต!”
“แต่เราอยากเรียนวิชา ‘การวินิจฉัย’ ของอาจารย์ฉี!”
“อาจารย์ฉี ถ้ามหาวิทยาลัยไล่คุณออก พวกเราก็ขอลาออกตามคุณออกไป!”
“ทุเรศมาก! ทางมหาวิทยาลัยคงเห็นแต่ประโยชน์ส่วนบุคคล ก็เลยใช้ข้ออ้างหาเรื่องไล่อาจารย์ฉีออก!”
ฉีเล่ยเพียงต้องการให้คำแนะนำก่อนที่จะลาจาก แต่นักศึกษาเหล่านี้กลับไม่ยอมปล่อยเขาให้ไปไหนทั้งนั้น และไม่ฟังอะไรทั้งสิ้นอีกด้วย การที่ตัวเขาเพียงคนเดียวสามารถทำให้เหล่านักศึกษาแสดงออกมาได้รุนแรงถึงระดับนี้ มันก็ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจมากแล้วจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้น ฉีเล่ยเองก็ไม่อยากให้อนาคตของลูกศิษย์พังลงเพราะยึดติดกับเขามากเกินไป
ขณะที่เชากำลังจะเอ่ยกล่าวอะไรใดๆ ต่อ จู่ๆ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
ฉีเล่ยยิ้มให้ทุกคนและเดินออกจากห้องเรียนโดยเร็ว
บนหน้าจอปรากฏเป็นเบอร์โทรที่ไม่คุ้นเคยเลย ฉีเล่ยกดรับสายทันทีอย่างไม่มีลังเล
“สวัสดีครับ นี่ใคร?”
“ฉีเล่ยใช่ไหม? นี่ฉันเองหลินหมิงจาง”
สุ้มเสียงอันสุดแสนจะสดใสดังขึ้นจากปลายสาย
เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉีเล่ยก็ตกใจอย่างมาก
“โอ้! หัวหน้าภาคหลินสวัสดีครับ!”
“ฮ่าฮ่า…”
ปลายสายโทรศัพท์เปล่งเสียงหัวเราะดังออกมา หลินหมิงจางกล่าวอย่างยิ้มแย้มขึ้นว่า
“เธอควรเรียกฉันว่า อธิการบดี นะ”
“อธิการบดีงั้นเหรอครับ?”
ฉีเล่ยสับสนอย่างมาก
“ท่านอธิการบดีเรียกตัวผมเข้าพบน่ะ”
“ท่านอธิการบดีต้องการเรียกไปคุย? งั้นให้หนูไปกับอาจารย์ด้วยนะคะ”
“นี่เธอรู้ไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่?”
พอได้ฟังดังนั้น ฉีเล่ยไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เหอจื่อกล่าวสวนกลับไปโดยไม่มีลังเล
“หนูมาในฐานะตัวแทนของทุกคนในคลาส หนูต้องไปคุยกับท่านอธิการบดี!”
“หยุดได้แล้ว!”
สีหน้าของฉีเล่ยเย็นยะเยือกลงฉับพลัน
“ผมมีธุระสำคัญต้องคุยกับท่านอธิการบดีส่วนตัว! คุณมาที่นี่เพื่ออะไร? ไม่ใช่ว่ามาเรียนหนังสือหรอกเหรอ? กลับไปทบทวนบทเรียนที่ผมให้ไปเดี๋ยวนี้!”
พูดจบฉีเล่ยก็หมุนตัวกลับและเดินจากไปทันที แต่ทันใดนั้น เหอจื่อก็ตะโกนเสียงดังลั่นไล่หลังเขามาติดๆ
“ฉีเล่ย! หยุดเดี๋ยวนี้!”
ฉีเล่ยตกใจถึงขั้นผงะ หันควับกลับมามองเหอจื่ออย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“ที่นี่คือมหาวิทยาลัย คุณควรเรียกผมว่าอาจารย์ไม่ใช่เหรอ?”
เหอจื่อยืนกำหมัดกัดฟันแน่น พร้อมกระทืบเท้าทีหนึ่งอย่างแรงและกล่าวว่า
“ถ้าไม่พาหนูไปด้วย เดี๋ยวจะกลับห้องเรียนไปเดี๋ยวนี้และเรียกทุกคนเดินทางไปหาอธิการบดีพร้อมกับคุณ!”
“…”
“หนูไม่ได้ขู่ ไม่เชื่อก็ลองได้”
“คุณกำลังขู่ผม”
“อาจารย์ก็ลองเดินออกไปอีกก้าวนึงสิ หนูจะตะโกนเรียกพวกเขามาเดี๋ยวนี้แหละ”
ทุกสายตาของบรรดานักศึกษาในห้องต่างจับจ้องฉีเล่ยกับดเหอจื่อไม่ห่าง บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียดอย่างยิ่ง
คล้อยหลังสักครู่หนึ่ง ฉีเล่ยถึงกับถอนหายใจและกล่าวว่า
“ก็ได้ ก็ได้ งั้นไปกันเถอะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน