ตอนที่147 ลูกของเรา
ทั้งสามยืนสนทนาอยู่ในห้องนั่งเล่น พลางเงยหน้าขึ้นมองป้ายไม้จันทร์แดงสลักด้วยแววตาภาคภูมิใจ แต่ทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของฉีเล่ยก็ดังขึ้นมา
และเมื่อหยิบออกมาดูปรากฏว่าเป็นนางฟ้านรกจำแลง หลินชูวโม่
เพียงแค่เห็นเบอร์ดังกล่าวโผล่ขึ้นมาบนจอ ฉีเล่ยก็รู้สึกปวดหัวตุ้บๆแล้ว เขาลังเลไม่ใช่น้อยว่าจะรับหรือตัดสายทิ้งดี
โดยทั่วไปแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นโทรมานั้น ราวสองสามสายหากฉีเล่ยไม่รับก็คงเลิกโทรหาไปเอง แต่วิธีนี้ใช้ไม่ได้กับนางฟ้านรกจำแลงหลินชูวโม่ หากฉีเล่ยเลือกที่จะไม่รับหรือตัดสายทิ้งไป อีกฝ่ายจะต้องกระหน่ำโทรจนกว่ามือถือจะพังกันไปข้างอย่างแน่นอน
ขณะที่กำลังลังเลใจ หลี่ฮั่วเฉินก็พลันสังเกตเห็นอีกฝ่ายจับจ้องหน้าจอมือถือด้วยสีหน้าท่าทีลังเล จึงอดที่จะเอ่ยถามขึ้นไม่ได้ว่า
“ฉีเล่ย ทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะ?”
ฉีเล่ยถอนหายใจไปเฮือกหนึ่งก่อนจะกดรับสายทันที
“ฮาโหล”
“สุดหล่อ ทำไมรับสายช้าจัง? ทำตัวไม่ดีแบบนี้ เดี๋ยวต้องโดนพี่สาวคนนี้จับตีก้น!”
“…”
สุ้มเสียงหวานฟังละมุนหูของหลิวชูวโม่ดังขึ้น และเธอก็ใช่ว่าเสียงเบาที่ไหน เล่นซะคนรอบข้างได้ยินกันหมด
เพียงแค่คำพูดประโยคนี้ประโยคเดียว ก็ถึงกับทำเอาหลี่ฮั่วเฉินกับหลี่ถงซีหันขวับมาจ้องหน้าฉีเล่ยเขม็ง และดูไม่มีท่าทีจะคลายอ่อนลงเลย
ต้องโดนพี่สาวตีก้น…
แล้วคำพูดนี้ก็คลุมเครือจนไม่รู้จะบรรยายยังไงแล้ว หรือบางทีทั้งคู่อาจมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเกินกว่าที่คิดไว้?
ฉีเล่ยเหลือบมองหลี่ฮั่วเฉินกับหลี่ถงซีที่เอาแต่จ้องตาเขม็งราวกับปู่ย่าที่จับได้ว่าหลานมีแฟน เขาเอ่ยเสียงเบากล่าวถามปลายสายไปว่า
“มีอะไร?”
หลินชูวโม่กล่าวตอบปลายสาย น้ำเสียงฟังดูออดอ้อนขี้เล่น
“ก็อยากโทรหาเฉยๆ พี่สาวคนนี้อยากได้ยินเสียงสุดหล่อหนิ จะว่าไป…มีคนแถวนี้คิดถึงพี่สาวบ้างไหมนะ?”
ฉีเล่ยสุดจะทนต่อไปแล้ว เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบเสียงเย็นสวนกลับไปว่า
“ถ้ามีธุระอะไรก็รีบๆพูดมา แต่ถ้าไม่มีก็แค่นี้แหละ”
เมื่อได้ยินว่าฉีเล่ยจะกดวางสาย หลินชูวโม่ก็รีบเร่งเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นทันที
“เดี๋ยว! นายนี่มันไม่อ่อนโยนเลยนะ เบื่อเสียงหวานๆของฉันขนาดนั้นเลยเหรอ? คือจะไม่สนเลยใช่ไหมว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราจะเป็นยังไง? เอาล่ะ ขอเข้าเรื่องเลยนะ ฉันให้เวลานายครึ่งชั่วโมง รีบมาหาฉันที่คลินิกชูวโม่เดี๋ยวนี้ ฉันมีเรื่องสำคัญมากที่จะต้องคุยกับนาย แล้วอย่าอ้างด้วยว่ามีสอนคาบบ่าย เพราะฉันเพิ่งเช็คตารางสอนนายมา ช่วงบ่ายนายว่างทั้งวัน! รีบมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้านายมาสาย พี่สาวคนนี้จะจับตีก้นจริงๆด้วย!”
ใช่แล้ว…คนอย่างหลินชูวโม่จริงจังได้แบบเดียวก็เริ่มพูดออกทะเลไร้สาระอีกแล้ว….
เมื่อกดวางสายไป ฉีเล่ยก็เพิ่งตระหนักได้ว่า หลี่ฮั่วเฉินกับหลี่ถงซีกำลังจ้องมองเขาเขม็ง ด้วยสายตาที่จะสามารถแผดเผาเขาได้ในทันที
“เอ่อ…มันไม่ใช่อย่างที่คิดกันนะครับ”
หลี่ถงซีกล่าวน้ำเสียงเย็นชาใส่ทันที
“ปู่ หนูขอตัวขึ้นชั้นสองก่อนนะคะ!”
หลี่ฮั่วเฉินเหลือบมองแผ่นหลังของหลานสาวที่เดินห่างออกไป พลางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ตรงเข้าไปตบไหล่ฉีเล่ยพร้อมกล่าวว่า
“ฉันเชื่อเธอนะ ฉันรู้จักเธอดี”
“….”
นี่น่ะเหรอรู้จักฉันดี!
ถ้ารู้จักฉันดีจริง ก็ต้องรู้ว่าฉันแต่งงานแล้ว รู้ไหม?
ไม่ใช่เอาแต่ผลักไสหลานสาวมาให้ฉันแบบนี้ ช่วยเกรงใจใบทะเบียนสมรสของฉันหน่อยจะได้ไหมห๊ะ!?
ไม่ว่าจะอยู่กับคู่ปู่หลานหรือหลินชูวโม่ ชีวิตของเขาก็มีแต่จะบรรลัยแน่ เฮ้อจะซวยอะไรขนาดนี้!
ตาแก่ คุณนั่นแหละตัวดีเลย คุณไม่มีสิทธิ์มาพูดว่า‘ฉันรู้จักเธอดีที่สุดแล้ว’! เพราะคุณทั้งเหนี่ยวรั้งและทำลายชีวิตอันสงบสุขของผม!
ฉีเล่ยอยากจะสบถออกมาดังๆสักที แต่กลับเปลี่ยนเป็นหมุนตัวขวับเดินออกจากบ้านสกุลหลี่ไปโดยเร็ว
ฉีเล่ยเรียกแท็กซี่เดินทางไปที่คลินิกชูวโม่ และก็ยังเป็นพนักงานสาวที่ชื่อเสี่ยวเยวี่ยเข้ามาต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นเหมือนเคย เธอพาฉีเล่ยตรงขึ้นไปยังชั้นที่สามซึ่งเป็นห้องทำงานส่วนตัวของหลินชูวโม่อย่างรวดเร็วเร็ว
เมื่อรู้ว่าหลินชูวโม่กำลังรอเขาอยูที่ชั้นนี้ ฉีเล่ยพลันรู้สึกโล่งใจไปเปาะหนึ่ง โชคดีที่ไม่ใช่ชั้นสอง มีหวังเขาต้องโดนก๊วนสาวสวยแทะโลมไม่หยุดหย่อนอีกแน่นอน พวกเธอเหล่านั้นแต่ละคนล้วนมีฝีปากที่แกร่งกล้าเกินไป
ที่หน้าประตูห้องทำงานส่วนตัวบนชั้นที่สาม เสี่ยวเยวี่ยหันมากล่าวกับฉีเล่ยว่า
“คุณฉี บอสหลินรออยู่ด้านในห้องแล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
จากนั้นเขาจึงได้ยกมือขึ้นเคาะประตู
สุ้มเสียงสุดแสนจะเย็นชาไร้อารมณ์ความรู้สึกดังออกมาจากในห้อง
“เข้ามาได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน