ตอนที่183 ชื่นชม
หลังจากกวาดสายตามองไปรอบห้องประชุมด้วยสายตาสุดหยามเหยียด ฉีเล่ยยังคงกล่าวโจมตีต่อไป
“ส่วนหัวข้อที่ว่าด้วยเรื่อง‘ทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีน’ที่บรรยายโดยคุณซงจากมหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่ง ขอบอกตามตรงเลยนะครับ…แทนที่จะนั่งเสียเวลาฟังคุณพูด ผมสู้เดินไปห้องสมุดแล้วหยิบหนังสือพื้นฐานสักเล่มอ่านยังเข้าใจง่ายซะกว่า ไม่ใช่แค่เนื้อหาที่แสนจะพื้นๆนะครับ แต่ยังบรรยายออกมาได้ห่วยแตกมาก ไม่ทราบว่าในสถานการณ์จริง ภาคทฤษฎีพวกนี้มันจะไปช่วยคนไข้ได้ยังไง?”
“จำเอาไว้นะครับคุณซง ความหมายที่แท้จริงของคำว่าแพทมย์แผนจีนคือความเรียบง่าย โดยที่สามารถรีดศักยภาพทางร่างกายของผู้ป่วยออกมาให้ได้ประสิทธิผลมากที่สุด เป็นการรักษาโรคโดยใช้กลไกธรรมชาติ แล้วสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่คืออะไรไม่ทราบ? ทำให้เรื่องง่ายๆให้มันซับซ้อนยิ่งขึ้น และการที่คุณเลือกจะบรรยายออกมาแบบนี้ มันแสดงให้เห็นแล้วว่า กลับเป็นตัวคุณเองที่ไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังบรรยายได้ด้วยซ้ำ แล้วจะไปพูดให้คนอื่นเข้าใจได้ยังไงกัน? วงการแพทย์แผนจีนปล่อยให้แพทย์ที่ไม่รู้เรื่องอย่างคุณสอนนักศึกษามาจนถึงอายุขนาดนี้ได้ยังไงกัน?”
น้ำเสียงของฉีเล่ยทั้งเย็นชา เฉียบคมราวกับตอกตะปูปิดฝาโลง ทั้งนี้ก็เพื่อตบหน้าเรียกสติทุกคนให้หลุดพ้นจากวงการแพทย์แผนจีนจอมปลอมเหล่านี้ ให้หันมาสนใจชะตากรรมของวงการนี้ด้วยอย่างใจจริง
ทุกคนต่างก็ประหลาดใจอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ถึงขั้นที่ว่าอ้าปากกว้างขากรรไกรค้างไปตามๆกัน ไม่น่าเชื่อเลยว่า เด็กหนุ่มหน้าตาติ๋มๆคนหนึ่งจะสามารถอภิปายได้ฉะฉานถึงแก่นขนาดนี้
เด็กคนนี้กินยาลืมเขย่าขวดรึเปล่า? ถึงได้กล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา?
“หัวข้อที่เตรียมมาบรรยายในวันนี้ของผมก็คือ ‘การฝังเข็มและรมยาสมุนไพรจีนจากประสบการณ์จริง’ แต่เนื่องจากอาวุโสหูพูดไปแล้วและพูดได้ดีมาก ดังนั้นผมขอเปลี่ยนมาพูดเรื่อง การแพทย์แผนจีนจะเจริญขึ้นได้อย่างไรท่ามกลางความประสบความสำเร็จของวงการแพทย์ตะวันตกแทน….”
รองรัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุข โจวเซียวตงหันไปถามกู๋เฉินหลี่ ประธานสภาแพทย์แผนจีนที่นั่งอยู่ข้างๆว่า
“ชายหนุ่มคนนี้ชื่ออะไร?”
กู๋เฉินหลี่รีบเปิดแฟ้มดูประวัติรายชื่อผู้ขึ้นบรรยายในทันที ก่อนจะตอบกลับไปว่า
“เขาชื่อฉีเล่ย และดูเหมือนจะเป็นทายาทผู้สืบทอดวิชาสามเข็มปาฏิหาริย์ด้วย”
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง กู๋เฉินหลี่พลันรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะพูดประชดประชนใส่ฉีเล่ยไปด้วยความโมโห แต่เมื่อได้ยินรองรัฐมนตรีช่วยเอ่ยปากถามชื่ออีกฝ่ายขึ้นมาแบบนี้ ก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มที่ชื่อฉีเล่ยนั้นค่อนข้างโดดเด่นเข้าตาอีกฝ่าย
โจวเซียวตงพยักหน้ากล่าวขึ้นว่า
“อืม เจ้าหนุ่มคนนี้มีความคิดที่ดีทีเดียว”
……
เนื่องจากคนที่เรียนสาขาแพทย์แผนจีนโดยส่วนใหญ่จะเป็นพวกหัวโบราณ และไม่ค่อยคุ้นชินกับการกินเค้กงานฉลองในมื้อเย็นแบบฝรั่ง ดังนั้นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในช่วงเย็นจึงจัดเป็นสไตล์โต๊ะจีนแบบโบราณ
ฉีเล่ยบังเอิญเดินไปเจอโต๊ะจีนที่ว่างอยู่พอดีจึงขออนุญาตนั่งลง แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ตอนนี้เขาจะกลายมาเป็นคนดังในสายตาของบรรดาตัวแทนในห้องประชุมไปแล้ว ทุดคนบนโต๊ะรีบกล่าวทักทายเขาทันที
“น้องฉี ได้ฟังการบรรยายของนายวันนี้ทำให้พวกเราตาสว่างขึ้นเยอะเลย มาๆ เดี๋ยวฉันรินไวน์องุ่นแดงชั้นเลิศให้นะ สำหรับน้องฉีเอาไปเลยสามแก้ว!”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว วันไหนน้องฉีเดินทางมาหยางเฉิง โทรเรียกฉันได้เลยนะ ฉันจะจัดทริปพาเที่ยวสุดประทับใจให้เลย!”
คนเก่งมักได้รับการเคารพจากผู้อื่นอยู่เสมอ แม้คำพูดของฉีเล่ยจะเต็มไปด้วยคำถากถาง และเป็นอะไรที่เจ็บปวดอย่างมากสำหรับผู้ที่ได้ยินได้ฟัง แต่หลังจากเข้าเนื้อหาการบรรยายจริงๆแล้ว พวกเขากลับพบว่า สิ่งที่ฉีเล่ยพูดล้วนถูกต้องทุกประการ
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น คำพูดก่อนหน้าที่เคยทำให้พวกตนขุ่นเคืองใจ จึงถูกลบเลือนหายไปโดยอัตโนมัติ
ฉีเล่ยทราบดีว่า สิ่งแรกที่ควรทำคือ การทำให้คนเหล่านี้ได้เห็นความเป็นจริงที่เกิดขึ้นตรงหน้าเสียก่อน จึงจะสามารถทำให้ทุกคนสงบลงได้
สำหรับงานเลี้ยงมื้อเย็น ทางเจ้าภาพรีสอร์ทเองก็ค่อนข้างใจกว้างเช่นกัน แต่ละโต๊ะจะได้รับไวน์อวุ่นแดงชั้นเลิศ2ขวดใหญ่ และบรรดาตัวแทนเหล่านี้เองก็เป็นนักดื่มตัวยง หลังจากพูดคุยกับฉีเล่ยเสร็จแล้ว พวกเขาก็เริ่มชวนฉีเล่ยดื่มทันที ทำให้ฉีเล่ยต้องอธิบายประโยคเดิมๆซ้ำๆว่า ตนเองไม่สามารถดื่มได้เพราะอาจจะเป็นลมหมดสติไป
แรกๆ ทุกคนออกจะรู้สึกว่าการทำเช่นนี้ของฉีเล่ยเป็นเรื่องที่ออกจะผิดปกติ แต่เมื่อไวน์ผ่านลำคอเข้าไป ทุกคนก็ตระหนักได้ทันทีว่าฉีเล่ยไม่ได้โกหก และท้ายที่สุดจากรินไวน์ให้ก็เปลี่ยนมาเป็นรินน้ำผลไม้ให้เขาแทน จากนั้นทุกคนในโต๊ะก็ดื่มกินกันต่ออย่างสนุกสนาน
จากนั้นไม่นาน ก็มีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งนำโดยโจวเซียวตงเดินตรงเข้ามา แต่เมื่อหันไปเจอโต๊ะที่ฉีเล่ยนั่งอยู่เข้า โจวเซียวตรงก็จงใจเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายทันที พร้อมกับยกมือขึ้นตบไหล่อย่างแรงไปหนึ่งที แล้วจึงพูดขึ้นว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน