ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 184

ตอนที่ 184 ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับได้

“ ฉีเล่ย ฉันลืมถามเธอไปเลย ตอนนี้เธอทำงานอยู่ที่ไหนเหรอ?”

ฉีเล่ยยิ้มและตอบกลับไปว่า

“ผมเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่งครับ”

โจวเซียวตงยิ้มในขณะตอบกลับไป

“โอ้? คนของซีลู่เฉิงงั้นเหรอ? คราวนี้สาขาแพทย์แผนจีนส่งตัวแทนมาได้ดีจริงๆ”

ฉีเล่ยถึงกับแอบยิ้มเยาะอยู่ภายในใจ เขาจะไม่มีทางทำเรื่องโง่เขลา ด้วยการช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้กับคนที่ไม่เคยช่วยเหลือเขาอย่างซีลู่เฉิงอย่างแน่นอน

ดังนั้นฉีเล่ยจึงตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่สุดแสนจะเศร้าหมองว่า

“ความจริงแล้ว…ผมเคยตั้งใจที่จะเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ในฐานะของตัวแทนจากทางมหาวิทยาลัย แล้วผมเองก็ได้พยายามอย่างมากเพื่อขอสิทธิ์ดังกล่าว แต่…หัวหน้าคณะอาจารย์ซีกลับบอกว่า ผมไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ เพียงเพราะผมเหตุผลแค่ว่าผมอาจารย์มาใหม่ มิหนำซ้ำอาจารย์ในสาขาทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า ผมยังไร้ซึ่งประสบการณ์ สิทธิ์ที่ผมพยายามจะสู้เพื่อให้ได้มาจึงต้องถูกปัดตกไป”

ฉีเล่ยหยุดพักหายใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อว่า

“แต่นับว่าโชคดีที่อาจารย์ของผมเป่ยฉวนเทียน ได้เป็นธุระออกหน้าจัดการขอสิทธิ์การเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ให้ด้วยตัวเอง ผมจึงได้เข้าร่วมในนามของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับสูงอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มีโอกาสขึ้นเวทีใหญ่ระดับชาติแบบนี้แน่นอน ทั้งหมดนี้คงต้องขอบคุณอาวุโสเป่ยและอาวุโสท่านอื่นๆในกลุ่มครับ”

เมื่อได้ยินฉีเล่ยพูดออกมาแบบนี้ สีหน้าการแสดงออกของโจวเซียวตงก็พลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นทันที เขาเค้นน้ำเสียงเย็นชาพูดออกมาว่า

“เป็นการบริหารงานที่ห่วยแตกสิ้นดี! กล้าดียังไงถึงได้ปิดกั้นโอกาสของชายหนุ่มที่มากพรสวรรค์ด้วยข้ออ้างเพียงแค่ ยังเป็นแค่เด็กใหม่? มิหนำซ้ำยังดูเหมือนว่าอาจารย์คนอื่นๆในสาขาของเธอ ก็คงมีความคิดแย่ๆแบบเดียวกันนี้เหมือนกันสินะ สบายใจได้ เดี๋ยวฉันจะต่อสายตรงไปตำหนิอธิการบดีหลินด้วยตัวเอง”

เลขาที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโจวเซียวตงพยักหน้าเห็นด้วยในทันที พร้อมหยิบสมุดบันทึกที่พกติดตัวมาด้วยเสมอ ออกมาจดเรื่องราวทั้งหมดไว้กันลืม

ตาแก่ซงที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆถึงกับสะดุ้งเฮือก เพราะเขาบังเอิญไปได้ยืนคำพูดเหล่านั้นของฉีเล่ยเข้าพอดี

ไอ้หนุ่มคนนี้มันเลือดเย็นเกินไปแล้ว นี่ตั้งใจจะใช้วิธีแทงข้างหลังคนอื่นจริงๆสินะ!

ต่อหน้ารองรัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณะสุข ฉีเล่ยกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะพิสูจน์ว่า หน่วยงานภายในสาขาแพทย์แผนจีนที่เขาทำงานอยู่นั้น มี‘ข้อบกพร่อง’อยู่จริงๆ

ไม่ว่าเขาจะตั้งใจทำหรือไม่ได้ตั้งใจทำ แต่รองรัฐมนตรีโจวก็ได้รับทราบถึงปัญหานี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โจวเซียวตงยกมือขึ้นชี้ไปที่ศรีษะของตัวเองพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“หึ! ตรรกะความคิดของคนพวกนี้มันบิดเบี้ยวไปหมดแล้วจริงๆ ก็อย่างว่านะพวกหัวโบราณ ชอบตัดสินคนจากอายุความอาวุโส ความคิดแบบนี้ควรถูกล้างบางไปให้หมดได้แล้ว”

เพียงคำว่า‘ควรถูกล้างบาง’นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับการตัดสิน‘ประหารชีวิต’ของซีหลู่เฉิงไปเรียบร้อยแล้ว

โจวเซียวตงตบไหล่ฉีเล่ยอีกครั้งอย่างหนักแน่น จากนั้นก็ได้เดินนำกลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านหลังไปยังโต๊ะจีนที่อยู่ถัดไปเพื่อฉลองกับทุกคนพอเป็นพิธี กู๋เฉิงหลี่ ประธานสภาการแพทย์จีนได้ขอชนแก้วกับฉีเล่ยเช่นกัน พร้อมกับพูดขึ้นยิ้มๆ

“พ่อหนุ่ม เธอเป็นคนที่ทุกคนต่างตั้งความหวังไว้มากเลยนะรู้ไหม? ฉันเองก็รู้สึกประทับใจในตัวเธอเหมือนกัน ถ้าในอนาคตเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา ก็สามารถโทรหาฉันได้ทุกเมื่อเลยนะ”

ทันทีที่พูดจบ อีกฝ่ายก็หยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าพร้อมยื่นให้กับฉีเล่ย

แม้ว่าฉีเล่ยจะทราบดีว่า ก่อนหน้านี้กู๋เฉิงหลี่คิดยังไงกับตนเอง แต่เมื่อเห็นว่าโจวเซียวตงมีทัศนคติต่อตนในแง่ที่ดี อีกฝ่ายก็ถึงกับรีบเปลี่ยนทัศนคติจากที่เคยมองฉีเล่ยเป็นศัตรู ก็กลับกลายมาเป็นมิตรในทันที

แต่นี่ก็นับเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป ในสังคมหมู่มากทุกคนก็ล้วนเป็นเช่นนี้ ไม่มีรักหรือเกลียดชังโดยไม่มีเหตุผล แต่เพราะไม่สามารถแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาได้ จึงจำเป็นต้องสวมหน้ากากเข้าหากันที่เห็น

เมื่อโจวเซียวตงและคนอื่นๆเดินจากไปแล้ว ฉีเล่ยก็ได้กลับกลายมาเป็นจุดสนใจในวงสนทนาอีกครั้ง

ทุกคนสามารถคาดเดาอนาคตในวันข้างหน้าได้อย่างชัดเจนว่า ฉีเล่ยที่ได้รับความไว้วางใจจากรองรัฐมนตรีช่วยและประธานสภาแพทย์จีนแบบนี้นี้ อนาคตของเขาต่อไปบนเส้นทางนี้จะยิ่งสว่างไสวมากเพียงใด

ดังนั้นทุกคนจึงรีบยกตะเกียบคีบเนื้อคีบเป็ดใส่ลงในถ้วยของฉีเล่ยไม่หยุดหย่อน เพียงแค่เห็นแก้วน้ำส้มของฉีเล่ยลดลงเสี้ยวหนึ่ง พวกเขาก็รีบแย่งกันรินน้ำส้มให้ใหม่แล้ว และตอนนี้ ฉีเล่ยก็ดื่มเข้าไปมากจนต้องเข้าออกห้องน้ำเป็นว่าเล่น

ตาแก่ซงเองก็นำแก้วไวน์ในมือของตนเดินตรงมาเข้ามาหาฉีเล่ยเช่นกัน บนใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้มประจบประแจง

“ฉีเล่ย มาสิ มาชนแก้วกันหน่อย ที่ผ่านมาฉันรู้จักเธอน้อยเกินไปจริงๆ จะทำยังไงได้ ฉันมันก็แค่ตาแก่สายตาฝ้าฟางไปหมดคนหนึ่งเท่านั้น ฮ่าฮ่า…เอาเป็นว่าอย่าถือสาฉันเลยนะ ที่ผ่านมาถึงแม้เราสองคนจะเคยขัดแย้งกันบ้าง แต่มันก็เป็นแค่เรื่องงานเท่านั้นจริงไหม?”

ฉีเล่ยปรายตามองอีกฝ่ายเล็กน้อย พร้อมตอบกลับยิ้มๆ

“ผมไม่ดื่มไวน์ครับ”

ตาแก่ซงเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่า ฉีเล่ยดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ เขาจึงตอบกลับไปยิ้มๆว่า

“ไม่เป็นไรๆ งั้นก็ใช้น้ำผลไม้แทนก็ได้”

ฉีเล่ยส่ายหัวอีกครั้งพร้อมตอบกลับไปว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน