ยอดคุณหมอสกุลเฉิน นิยาย บท 233

ตอนที่233 คุยกันเดี๋ยวก็หายง่วงเอง

ฉีเล่ยไม่ได้โหยหาอำนาจอิทธิพล จุดประสงค์ในการก่อตั้งสภาแพทย์แผนจีนของเขานั้น ก็เพื่อที่จะรวบรวมผู้มีความรู้ความสามารถทางด้านแพทย์แผนจีนทั่วประเทศมารวมไว้ที่เดียว เพื่อให้คนเหล่านี้ช่วยกันสนับสนุน และพัฒนาวงการแพทย์แผนจีนให้ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปเท่านั้นเอง

ในความคิดของเขานั้น ผู้ที่จะขึ้นมาบริหารสภาแพทย์แผนจีนนี้ จะต้องได้รับการคัดเลือกจากคนทั่วไป คนเหล่านี้จะช่วยกันเลือกผู้ที่มีพรสวรรค์และเหมาะสมมาเป็นประธานสภาแพทย์แผนจีน

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ประธานสภาแพทย์แผนจีนคนแรกขององค์กร กลับจะมาจาก ‘การแต่งตั้ง’ แทน ซึ่งผิดจากความคิดดั้งเดิมของเขาตั้งแต่แรก และนี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาต้องการที่จะปฏิเสธตำแหน่งนี้ในตอนแรก

แม้ฉีเล่ยจะอายุยังน้อยก็จริง แต่ในสายตาของโจวเซียวตงนั้น ชายหนุ่มคนนี้กลับมีความอาวุโสที่เหนือกว่าอายุมากนัก

เมื่อเห็นว่าฉีเล่ยยอมตกลงรับตำแหน่งประธานคนแรกของสภาแพทย์แผนจีนแล้ว สีหน้าของโจวเซียวตงก็ดูผ่อนคลายขึ้นมากทีเดียว เขาบอกกับฉีเล่ยว่า

“ฉีเล่ย ฉันรู้ว่าการทำแบบนี้ออกจะขัดกับความคิดเดิมของเธอ แต่เธอก็ต้องไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนด้วยว่า ถ้าเปิดให้มีการเลือกตั้งประธานสภาแพทย์แผนจีนอย่างที่เธอบอกตั้งแต่ครั้งแรก เธอคิดว่าการเลือกตั้งจะไม่มีการใช้เส้นสาย หรือติดสินบนอย่างนั้นเหรอ? อีกอย่าง เธอก็เป็นคนบอกเองว่า ไม่ต้องการให้คนของรัฐบาลเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการขององค์กรมาก จนกลายเป็นเข้ามาสร้างเครือข่ายในสภาแพทย์แผนจีนได้ แล้วถ้าเปิดให้มีการเลือกตั้งประธานตั้งแต่ครั้งแรกแบบนี้ เธอยังคิดว่าสิ่งที่เธอวาดหวังไว้จะเกิดกับองค์กรได้อีกเหรอ?”

“ไม่แค่นั้นนะ เธอลองคิดดูว่าต้องรอให้รวบรวมสมาชิกสภาแพทย์แผนจีนให้ได้มากเท่าไหร่ก่อนล่ะ ถึงจะมีการจัดเลือกตั้งประธานคนแรกขึ้นมาได้ มันจะไม่เป็นการเสียเวลาเปล่าเหรอที่จะต้องมานั่งรอขั้นตอนนี้ อีกอย่าง การแพทย์แผนจีนของเราก็ล้าหลังมานานหลายปีแล้ว และในช่วงเวลาวิกฤติแบบนี้ จำเป็นต้องมีคนที่แข็งแกร่งมากพอมาเป็นคนควบม้าให้พุ่งทะยานไปข้างหน้าให้ได้ ไม่อย่างนั้น แม้แต่ฉันเองก็คงไม่วางใจเหมือนกัน”

โจวเซียวตงดึงฉีเล่ยเข้าไปนั่งที่โต๊ะอาหารภายในห้อง เฉินซ่งเห็นเช่นนั้นจึงรีบสั่งพนักงานให้นำอาหารขึ้นมาเสิร์ฟทันที ระหว่างนั้นโจวเซียวตงก็หันไปพูดกับฉีเล่ยว่า

“ในอนาคต สภาแพทย์แผนจีนจะอยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงสาธารณสุข และฉันนี่ล่ะจะเป็นคนควบคุมดูแลด้วยตัวเอง แต่ฉันจะให้อำนาจในการบริหารจัดการกับเธอย่างเต็มที่ ฉันจะให้อิสระเธอในการบริหารสภาแพทย์แผนจีนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะฉันคิดแบบนี้ยังไงล่ะฉีเล่ย ฉันถึงได้ตัดสินใจเลือกเธอขึ้นมาเป็นประธานคนแรก ฉันเชื่อมั่นในความสามารถของเธอ และเธอก็เป็นเพียงความหวังเดียวของฉันในตอนนี้”

“อย่าลืมว่าสภาแพทย์แผนจีนเป็นองค์กรใหม่ที่เริ่มต้นจากศูนย์ ยังมีอะไรอีกมากมายหลายอย่างที่ต้องลงมือทำ และในช่วงขาลงของวงการแพทย์แผนจีนแบบนี้ ฉันจำเป็นต้องหาคนที่ไว้ใจได้มาดูแลเรื่องพวกนี้ยังไงล่ะ ส่วนการเลือกตั้งประธานสภาแพทย์แผนจีนนั้น… หลังจากที่เธอเข้าไปบริหารองค์กรด้วยตัวเองแล้ว เธอก็ค่อยๆสร้างระบบการเลือกตั้งประธานที่น่าเชื่อถือได้ขึ้นมาเองก็แล้วกัน เธอคิดเห็นยังไงบ้างล่ะ?”

“ได้ครับท่าน!” ฉีเล่ยพยักหน้าเห็นด้วย และตอบกลับเพียงแค่สั้นๆ

พูดง่ายๆก็คือ สิ่งที่เขาวาดหวังไว้ให้เป็นนั้น ยังนับว่ามีความเพ้อฝันอยู่บ้าง แต่รองรัฐมนตรีโจวซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเชิงปฏิบัติมากกว่า จึงมองเห็นปัญหาได้ค่อนข้างขาดกว่า

“แต่ก็ยังมีปัญหาใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง..” โจวเซียวตงขมวดคิ้วแน่นขณะเอ่ยบอกฉีเล่ย

“เรื่องอะไรเหรอครับท่าน?”

“เป็นเพราะเธอเสนอให้ไม่ต้องมีการจัดสรรงบประมาณให้กับสภาแพทย์แผนจีน เพื่อไม่ให้เกิดการหาผลประโยชน์ภายในองค์กร ฉันก็เลยไม่สามารถให้การสนับสนุนด้านการเงินกับองค์กรได้ แต่ที่ฉันสามารถช่วยได้ก็คือ ให้เงินก้อนหนึ่งเป็นทุนในการเริ่มก่อตั้งสมาคมกับพื้นที่สำหรับตั้งสำนักงานเท่านั้น” โจวเสี่ยวตงอธิบายให้ฉีเล่ยฟัง

ฉีเล่ยทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้โจวเซียวตงพร้อมตอบกลับไปว่า “ท่านครับ ผมขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่หยิบยื่นให้ แต่ในเมื่อผมต้องการให้สภาแพทย์แผนจีนดำเนินการได้อย่างอิสระ ผมจึงคิดว่าเป็นการดีที่สุดที่จะไม่รับเงินสนับสนุนใดๆจากใครทั้งสิ้นครับ”

โจวเสี่ยวตงพยักหน้ายิ้มๆ พร้อมกับยกมือขึ้นตบไหล่ฉีเล่ย ปากก็บอกออกไปว่า

“ฉันเองก็คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอคงจะต้องตอบกลับมาแบบนี้แน่ ที่ผ่านมา ไม่ว่าใครจะเสนอโครงการอะไรมา พวกเขาล้วนแล้วแต่ต้องการเงินทุนสนับสนุนจากฉันทั้งนั้นล่ะ แต่เธอกลับปฏิเสธ ถ้าคนอย่างเธอยังไม่สามารถนำพาแพทย์แผนจีนให้กลับมาผงาดได้อีกครั้ง นั่นก็หมายความว่าวงการแพทย์แผนจีนคงต้องถึงคราวสิ้นหวังอย่างแท้จริงแล้วล่ะนะ”

หลังจากรับประทานอาหารกับโจวเซียวตงเสร็จแล้ว ฉีเล่ยก็เรียกรถกลับไปถึงบ้านสกุลหลี่ในราวสี่ทุ่มกว่า

ไฟในห้องนั่งเล่นยังคงเปิดอยู่ เมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น ป้าหลี่แม่บ้านก็รีบวิ่งออกไปต้อนรับพร้อมกับร้องตะโกนถามฉีเล่ยทันที

“คุณฉีคะ ทานอะไรมารึยังคะ? ยังมีกับข้าวเหลืออยู่เยอะแยะเลยค่ะ ถ้ายังไงเดี๋ยวป้าไปอุ่นมาให้กิน”

เป็นเพราะฉีเล่ยมีอุปนิสัยที่เป็นมิตรกับทุกคน ป้าหลี่จึงค่อนข้างดูแลเอาใจใส่เขาเป็นพิเศษ และดูเหมือนเขาจะรักใคร่เอาใจใส่ฉีเล่ยดียิ่งกว่าหลี่ถงซีเสียอีก

แต่จะโทษใครไม่ได้ ในเมื่อหลี่ถงซีออกจะมีนิสัยเย็นชา ใครกันจะกล้าเข้าไปผูกมิตร หรือยุ่งวุ่นวัยกับเธอล่ะ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน