ตอนที่288 หลี่ถงซีกลับมาแล้ว
ฉีเล่ยเข้าใจความหมายของจินเฟยดี ดูเหมือนเขาจะมีความไม่สบายใจเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการแพทย์แผนจีนในเวลานี้ เขาคงจะกลัวว่า วิถีการแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิม อาจจะไม่มีที่ยืนในยุคที่เครื่องไม้เครื่องมือทันสมัยกำลังผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด
ยิ่งไปกว่านั้น การแพทย์แผนจีนเป็นการรักษาที่เน้นการปรับสภาพร่างกายจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งกระบวนการฟื้นฟูเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา ในขณะที่การแพทย์แผนตะวันตกมุ่งเน้นไปที่การรักษาปลายเหตุ ทำให้เห็นผลการรักษาได้รวดเร็วกว่า ดังนั้น หากมีการประชันระห่างการแพทย์แผนจีนกับการแพทย์แผนตะวันตกเกิดขึ้น จึงมักไม่เคยส่งผลดีต่อการแพทย์แผนจีนเลยสักครั้ง
แต่ฉีเล่ยนั้นแตกต่างจากแพทย์แผนจีนทั่วไป ฉีเล่ยสามารถค้นพบวิธีการรักษาที่แตกต่างจากการแพทย์แผนจีนดั้งเดิม แม้จินเฟยจะไม่รู้ว่าฉีเล่ยใช้วิธีการอะไร แต่อย่างน้อยที่สุด ครั้งนี้เขาก็สามารถเอาชนะทีมแพทย์แผนตะวันตกที่นำโดยด็อกเตอร์สมิธผู้มีชื่อเสียงโด่งดังได้ กระทั่งมีซือฉีร่วมทีมด้วยอีกคน ก็ยังไม่สามารถเอาชนะฉีเล่ยคนเดียวได้เลย
และด้วยสาเหตุนี้เอง ความคิดดังกล่าวจึงได้ผุดขึ้นมาในหัวของจินเฟย!
“ตกลงครับ! ผมจะร่วมการแข่งขันครั้งนี้”
ฉีเล่ยพยักหน้า และตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
การแข่งขันแพทย์แผนจีนจะเริ่มขึ้นในเวลาอีกราวหนึ่งเดือน เดิมทีฉีเล่ยไม่ได้นึกสนใจที่จะเข้าแข่งขัน แต่หลังจากที่ได้พูดคุยกับจินเฟย เขาก็เริ่มสนใจการแข่งขันครั้งนี้มากขึ้น
แต่หากจะพูดไป ในการแข่งขันแพทย์แผนจีนแห่งชาตินี้ นอกจากหมอจีนไม่กี่คนที่อยากจะสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองแล้ว ก็ดูเหมือนจะมีเพียงไม่กี่คนที่ให้ความสนใจกับเรื่องนี้
เป่ยฉวนเทียนเองก็เคยบอกกับเขาว่า ในประเทศจีนมีหลายตระกูลที่สืบทอดการแพทย์แผนจีนมาจากบรรพชน พวกเขาล้วนเป็นหมอจีนที่สืบทอดกันมาหลายรุุ่นต่อหลายรุ่น แต่ก็ไม่ค่อยจะมีใครสนใจเรื่องการแข่งขันอะไรแบบนี้มากนัก
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การแข่งขันแพทย์นานาชาติที่กำลังจะมีขึ้นนั้น จึงกลายเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง
นั่นเพราะหากตัวแทนแพทย์แผนจีนมีฝีมือไม่สูงส่งจริง แทบไม่ต้องสงสัยว่า จะยิ่งส่งผลให้ความน่าเชื่อถือของวงการแพทย์แผนจีนในระดับนานาชาติตกต่ำลงไปด้วยอย่างแน่นอน และเมื่อวันเวลาผ่านไป การล่มสลายของการแพทย์แผนจีนก็คงต้องเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ฉีเล่ยเองก็คิดถึงข้อนี้เช่นกัน หลังจากที่จินเฟยอธิบายถึงข้อดีและข้อเสียในเรื่องนี้ให้เขาฟังแล้ว เขาจึงได้ตอบตกลงในทันที
“ฮ่าๆๆ เยี่ยม ไม่ผิดหวังเลยที่ฉันรู้สึกชื่นชมในตัวเธอ!”
จินเฟยหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างมีความสุข พร้อมกับวางสมุดเล่มนั้นกลับลงไปใต้หมอนตามเดิม จากนั้นจึงหันไปพูดกับฉีเล่ยต่อว่า
“เอาล่ะ งั้นก็ตกตลงกันตามนี้! ฉันจะให้พ่อบ้านซุนจัดการเรื่องต่างๆทั้งหมดให้ รวมทั้งเรื่องเงินรางวัลของเธอด้วย เธอสบายใจได้!”
ฉีเล่ยยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป
ซุนต้าเฉิงที่ยืนรออยู่ด้านนอกนั้น ดูเหมือนจะรู้ดีว่าทั้งสองคนที่อยู่ด้านในคุยอะไรกันบ้าง และรู้กระทั่งว่าผู้เฒ่าจินได้มอบหมายภารกิจใดให้กับฉีเล่ย ทันทีที่ฉีเล่ยก้าวเดินออกมา เขาจึงรีบหันไปถามว่า
“คุณตอบตกลงตามคำขอของนายผู้เฒ่ารึเปล่าครับประธานฉี?”
ฉีเล่ยพยักหน้าหงึกๆ พร้อมตอบกลับไปว่า “ครับ!”
“เยี่ยมเลย! ไม่อย่างนั้นนายผู้เฒ่าคงต้องคิดมากแน่ และอาจจะล้มป่วยลงไปอีกได้! ตอนนี้ร่างกายของนายผู้เฒ่าเองก็ไม่สู้จะแข็งแรงดีนัก”
ซุนต้าเฉิงถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
หลังจากที่ฉีเล่ยได้ฟังคำพูดของพ่อบ้านซุน เขาจึงได้เขียนใบสั่งยาแผ่นหนึ่ง และยื่นให้กับซุนต้าเฉิง
“นี่เป็นใบสั่งยาสำหรับฟื้นฟูและปรับสภาพร่างกายของผู้เฒ่าจิน แต่ผู้อำนวยการจูเองก็น่าจะเขียนใบสั่งยาไว้ให้แล้วเหมือนกัน เอาเป็นว่าให้ผู้เฒ่าจินดื่มพร้อมกันทั้งสองชนิดเลยก็แล้วกัน รับรองได้ว่า ภายในครึ่งปีหลังจากนี้ ร่างกายของเขาจะกลับมาดีขึ้นมากเลยทีเดียวล่ะ!”
“ครับ!”
ซุนต้าเฉิงตอบกลับด้วยใบหน้าที่อาบไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
ในเมื่อผู้เฒ่าจินหายดีแล้ว ก็ได้เวลาที่ฉีเล่ยจะต้องออกจากคฤหาสน์ตระกูลจินเสียที แม้ว่าแพทย์แผนจีนคนอื่นๆที่มาก่อนฉีเล่ยจะไม่ได้มีส่วนในการรักษา แต่ซุนต้าเฉิงก็ได้มอบเงินจำนวนห้าล้านหยวนให้กับทุกๆคนเป็นการตอบแทน
ก่อนที่จะจากกัน จูกวงหลงได้เดินเข้าไปหาฉีเล่ยพร้อมกับยกมือขึ้นตบไหล่ของเขาเบาๆ “เสี่ยวเล่ย กลับไปปักกิ่งก็อย่าลืมติดต่อฉันมาบ้างล่ะ”
ฉีเล่ยพยักหน้าตอบกลับไป “ไม่ลืมแน่นอนครับ!”
หลังจากที่ทุกคนจากไปแล้ว ฉีเล่ยเองก็เตรียมที่จะเดินออกไปด้วยเช่นกัน แต่ทุกคนในตระกูลจินต่างก็พากันออกมาส่งเขาอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้เขาถึงกับเก้อเขิน
ระหว่างที่อยู่สนามบินรอขึ้นเครื่องนั้น ก็ได้มีข้อความแจ้งมาในโทรศัพท์มือถือของเขาว่า มีเงินจำนวน 20 ล้านหยวนโอนเข้ามาในบัญชีของเขา ซึ่งนั่นทำให้ฉีเล่ยกลับปักกิ่งด้วยหัวใจพองโต
……..
หลังจากรู้ว่าฉีเล่ยจะกลับมามาปักกิ่งแล้ว หลินชูวโม่ก็รีบกลับบ้านเร็วกว่าปกติ เพื่อมาจัดเตรียมอาหารไว้รอต้อนรับเขา และมีเซอร์ไพรส์เตรียมไว้ให้
และทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในบ้าน กลิ่นหอมของอาหารหลากหลายก็ได้โชยเข้ามาในจมูกของชายหนุ่ม ฉีเล่ยรีบวางกระเป๋าและวิ่งตรงเข้าไปที่โต๊ะอาหารพร้อมกับสูดดมกลิ่นหอมเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม
“ไม่สิ! มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!”
ฉีเล่ยร้องออกมาด้วยความรู้สึกผิดปกติ
“ทั้งหมดนี่ไม่น่าจะใช่อาหารฝีมือของคุณ และที่สำคัญ คนอย่างคุณไม่น่าจะลงมือทำอาหารให้ผมกินด้วยตัวเอง!”
ฉีเล่ยรู้จักหลินชูวโม่ดี เธอเป็นสาวนักธุรกิจ และยังเป็นเจ้าของกิจการ ไม่มีทางที่เธอจะมาลงมือทำกับข้าวให้เขากินด้วยตัวเองแบบนี้แน่
“บอกมา นี่ไปซื้อมาจากภัตตาคารไหน?”
หลินชูวโม่ยกมือขึ้นปิดปากพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ก่อนจะตอบกลับไปว่า “ฉันไม่ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำเอง แต่ก็ไม่ได้ซื้อมาจากภัตตาคารที่ไหนด้วย?”
แต่ในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังสนทนากันอยู่นั้น ร่างของใครบางคนที่คุ้นตาก็ปรากฏขึ้น
“ถะ.. ถงซี?!”
ฉีเล่ยถึงกับตกใจสุดขีด เพราะไม่รู้ว่าหลี่ถงซีมาอยู่ที่บ้านของหลินชูวโม่ได้ยังไง และทั้งคู่มาสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่สำคัญ หลี่ถงซีไม่ได้บอกเขาว่ากลับจากเจียงหลิงแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน