ตอนที่55 ตาลุงพล่ามไปเรื่อย
หลังจากเวลาผ่านไป ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี หลี่ถงซีค่อยๆ คลี่ขากางเกงนอนลง เอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมใบหน้าแดงก่ำกล่าวว่า
“ขอบคุณ”
แม้ว่านี่จะเป็นกลวิธีรักษาอาการป่วย แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกลำบากใจแปรปรวนขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ถึงปีนี้เธอจะอายุ27แล้วก็ตาม กระนั้นก็ยังไม่เคยปล่อยให้ชายใดเข้ามาสัมผัสใกล้ชิดกับเธอถึงขนาดนี้
พอปลายนิ้วอันอ่อนนุ่มของฉีเล่ยแตะเข้าสัมผัสกับผิวหนังของเธอ ทั่วทั้งร่างสั่นสะท้านราวกับไฟช็อต กระตุกวูบไปหลายทีโดยไม่ได้ตั้งใจ
หลังจากการฝังเข็มครั้งนี้เสร็จสิ้นลง ฉีเล่ยถึงขั้นคิดกับตัวเองทันทีว่า เฉินอวี้หลัวจะต้องรีบเดินทางมาปักกิ่งโดยเร็วแล้ว ตัวเขาในตอนนี้จำเป็นต้องมีภรรยาคอยกำกับดูแลอยู่เคียงข้าง มิฉะนั้นหากปล่อยให้เวลาผ่านไปนานกว่านี้ เขาอาจจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และทำเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นตลอดทุกเมื่อ
“ด้วยความยินดีครับ”
ฉีเล่ยคลี่ยิ้มอ่อนและกล่าวต่อว่า
“จากนี้ไป ผมจะเข้ามาฝังเข็มและรมยาสมุนไพรให้ก่อนหน้าทุกคืน ทำแบบนี้ต่อเนื่องกันเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์”
สีหน้าของหลี่ถงซีเพิ่งกลับมาเป็นปกติไม่ทันไร ยามนี้ถึงกับหน้าแดงแจ๋ขึ้นอีกครั้ง
“ฝังเข็มกับรมยาสมุนไพรแบบนี้ต่อเนื่องกันหนึ่งอาทิตย์งั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ ถ้าเส้นลมปราณที่เชื่อมต่อกับตับยังถูกปิดกั้นอยู่แบบนี้ จะไม่สามารถขจัดพิษร้ายที่เกิดจากความเครียดสะสมของคุณออกไปได้เต็มประสิทธิภาพ นี่จะยิ่งทำให้อาการป่วยของคุณรักษายากขึ้นไปใหญ่”
ฉีเล่ยกล่าวต่อว่า
“เพราะความโกรธเกลียดรวมไปถึงอารมณ์ด้านลบทั้งหมดในตลอดหลายปีที่สั่งสมมา มันทำให้ตับของคุณทำงานได้แย่มาก ถ้ายังต้องการกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติสุขอยู่ อย่างน้อยก็ควรรักษาจนกว่าจะผ่านขั้นตอนนี้ไปก่อน”
ใบหน้าของหลี่ถงซีกลายเป็นสีแดงก่ำ เธอขบริมฝีปากเบาๆ พยักหน้าหลบสายตาด้วยความเขินอาย
นางฟ้า!
นี่มันนางฟ้าชัดๆ!
แม้จะไม่ค่อยเต็มใจที่จะเข้ารับการรักษา แต่ยังสามารถปลุกเร้าอารมณ์ได้ขนาดนี้ ยังเป็นอะไรได้อีกหากไม่ใช่นางฟ้า?
ฉีเล่ยถึงกับถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างลับๆ ดูท่าขั้นขั้นตอนการรักษาต่อจากนี้ในอนาคตจะกลายเป็นเรื่องท้าทายสำหรับตัวเขาไปซะแล้ว
……
ฉีเล่ยมีนิสัยที่มักจะชอบออกกำลังกายทุกเช้าตรู่ เช้าวันนี้เองก็เช่นกัน เขาล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนเป็นชุดกีฬาและวิ่งลงมาออกไปยังลานหน้าบ้านเพื่อออกกำลังกาย แต่พอมาถึงเขาก็พบหลี่ฮั่วเฉินที่กพลังรำไทเก็กอยู่
“ฉีเล่ย ทำไมเธอถึงตื่นเข้าจัง?”
เมื่อเห็นฉีเล่ยออกมาสูดอากาศแต่เช้าตรู่ หลี่ฮั่วเฉินก็ปั้นหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ในปัจจุบันยังมีหนุ่มสาวสักกี่คนที่ยังตื่นเช้าตรู่หกเจ็ดโมงเช้าแบบนี้?
“มาออกกำลังกายด้วยกันเถอะครับ”
ฉีเล่ยกล่าวชวนพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็เริ่มตั้งท่าจัดกระบวนร่าย ‘สิบสองวิถีแห่งเต๋า’ ข้างๆ หลี่ฮั่วเฉินที่รำไทเก๊กอยู่ รัศมีกลิ่นอายความสงบนิ่งแผ่ซ่านออกมาเป็นธารอ่อนรอบตัวในทันที
‘สิบสองวิถีแห่งเต๋า’ เป็นเคล็ดวิชาซึ่งเป็นมรดกตกทอดของตระกูลเฉิน ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากหลังจากฝึกปรือเคล็ดวิชานี้ เสริมสร้างพละกำลังยกระดับให้ถึงขีดจำกัด และต้องอาศัยความสม่ำเสมอเพื่อรักษาสมดุลความแข็งแกร่งแบบนี้เอาไว้
ฉีเล่ยตระหนักดีว่า ถ้าเขาไม่ยอมฝึก ‘สิบสองวิถีแห่งเต๋า’ เพื่อเสริมสร้างรากฐานความแข็งแกร่ง ทั้งฝึกฝนกล้ามเนื้อและกระดูกให้ทนทานยิ่งขึ้น รวมไปถึงพลังฉีจากภายใน ตอนนี้เขาก็ยังคงเป็นลูกเขยสกุลเฉินผู้ไร้น้ำยา และตอนที่หลิวไท่หยางลักพาตัวเฉินอวี้หลัวไป พวกเขาสองสามีภรรยาคงตายอยู่บนเรือลำนั้นแล้ว
จึงกล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า บรรพบุรุษสกุลเฉินถือได้ว่าเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตของพวกเขาทั้งคู่เอาไว้ แต่น่าเสียงดายเหลือเกิน ไม่ว่าเขาจะต้องการไปไหว้หรือเคารพหลุมศพเพื่อแทนคำขอบคุณแค่ไหน ทว่ากลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ป้ายหลุมศพของบรรพบุรุษสกุลเฉินอยู่ที่ไหน
“โอ้? ยากนะที่จะได้เห็นหนุ่มสาวสมัยนี้เป็นแบบเธอ ทั้งๆ ที่มีสมบัติล้ำค่าที่สืบทอดต่อจากบรรพบุรุษแท้ๆ แต่ดันทิ้งขว้างไม่เห็นค่าเลย”
หลี่ฮั่วเฉินยังคงกวาดมือออกไปเป็นวงกลม ร่ายกระบวนไทเก๊กอย่างใจเย็น และเอ่ยขึ้นต่อว่า
“นอนเร็วตื่นเช้า รำไทเก๊กสักท่า ทำแบบนี้ทุกวันก็ไม่ได้แย่ไปกว่าไปฟิตเนสหรอกนะ”
ฉีเล่ยที่ฟังอยู่ก็ยิ้มกล่าวขึ้นว่า
“บางทีพวกเขาคงไม่ชอบอะไรที่มันเรียบง่ายแบบนี้”
ฉีเล่ยไม่อยากจะกล่าวหาว่าวิถีชีวิตของคนอื่นว่าไม่ดี ทุกคนย่อมมีวิถีชีวิตของตัวเอง ไม่มีถูกหรือผิด ถ้าสิ่งที่ทำลงไปทำให้คุณรู้สึกดีและไม่เบียดเบียนผู้อื่นก็ทำต่อไปเถอะ
“หื้ม? ฉีเล่ย เธอร่ายกระบวนท่าอะไรอยู่งั้นเหรอ?”
หลี่ฮั่วเฉินที่เห็นฝ่ามือของฉีเล่ยชักขึ้นมาหลบตรงหว่างหู นิ้วชี้ทับซ้อนลงบนนิ้วกลางเป็นท่าไขว้ ร่ายเท้ากวาดลานยืดออก ค่อยๆ ย่อตัวลงราวกับกำลังถ่ายแรงลงไปยังพื้น พอเห็นแบบนั้นเขาก็สงสัยเอ่ยถามขึ้นไม่ได้
“อาวุโสหลี่ นี่เป็นกระบวนท่าของตระกูลผมเอง”
ฉีเล่ยยิ้มตอบ
“มีชื่อไหม? ฝึกง่ายหรือเปล่า?”
หลี่ฮั่วเฉินเอ่ยถามอีกครั้ง
“ชุดกระบวนเหล่านี้มีชื่อเรียกว่า สิบสองวิถีแห่งเต๋า ผมคิดว่าไม่น่าฝึกกันยากนะครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอสกุลเฉิน