บทที่ 4 ปฏิบัติการง้อแผนที่ 1
หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งบนเตียงก่อนจะเอนตัวลงนอนลงไปอีกครั้งอย่างหมดเรี่ยวแรง หากให้พูดถึงความรู้สึกของเธอตอนนี้ คงเหมือนเส้นด้ายที่พันกันยุ่งเหยิง เธอนอนมองหลอดไฟนีออนในห้องสว่างจ้าพลางคิดทบทวนความรู้สึกของเธอ ผู้ชายคนนั้น แม้ปากจะบอกว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองแต่ท้ายที่สุดเขาจะเปลี่ยนมันได้จริงหรือ
หลายครั้งในชาติที่แล้วเธอหลงเชื่อคำพูดเขาเสียจนหมดใจ ทุกครั้งที่เขาทำผิดเพียงเขาพูดรั้งเธอไว้ประโยคสองประโยคเธอก็แทบลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้น ให้อภัยเขาอย่างง่ายดาย แต่อย่างว่าเธอตกหลุมรักเขาเข้าอย่างเต็มเปา แม้เขาจะมีด้านที่ไม่ดีกับเธอ แต่คงเพราะระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมานาน เธอสัมผัสได้ถึงเบื้องลึกจิตใจของเขา ไม่นับว่าเป็นคนร้ายกาจอะไร
ไม่สิ ... เธอสะบัดหัวอย่างแรงเพื่อดึงสติ
ตอนนี้เธอมีโอกาสกลับมาแก้ไขเรื่องราวแล้ว เธอจะให้มันเกิดขึ้นซ้ำสองไม่ได้ หญิงสาวคิดทบทวนก่อนจะผล็อยหลับไปทั้งชุดเดิม
หลังจากเหตุการณ์ที่เธอไปโรงพยาบาลจวบจนวันนี้ก็ผ่านมาได้เดือนกว่า ๆ ช่วงแรก ๆ คีร์ส่งข้อความมาหาเธอบ้าง โทรมาหาเธอบ้าง แน่นอนว่าเธอไม่สนใจอะไรปล่อยข้อความไว้อย่างนั้น ผ่านไปสองสามอาทิตย์เขาก็ล้มเลิกความตั้งใจไม่มาก่อกวนเธออีก แน่นอนว่ารันรู้สึกสบายใจขึ้นแต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปตัวเธอก็แอบรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่คำพูดของเขาเป็นเพียงลมปาก พูดเสียดิบดีสุดท้ายก็ทำไม่ได้ แต่เมื่อเทียบกับความรู้สึกโล่งในใจก็สามารถสรุปได้ว่ามันดีไม่น้อยที่เหตุการณ์ลงเอยแบบนี้
“นี่ ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยเห็นแกไปกินข้าวกับคีร์เลย” แพรวพูดขึ้นก่อนจะเอามือจิ้มไส้กรอกในจานเคี้ยวกร้วม ๆ พลางพูดกับรัน
“คงไม่ไปแล้วเเหละ ฉันเลิกกับคีร์แล้ว”
“หา!!!” ไส้กรอกที่จิ้มอยู่กับส้อมในมือแพรวถูกปล่อยลงกระทันหันจนเสียงดังเคร้ง คนรอบข้างหันมามองเธอกับเพื่อนรักที่ทำเสียงรบกวนคล้ายกลายเป็นจุดสนใจกลางโรงอาหาร
“เงียบ ๆ หน่อยก็ได้ไหม เสียงดังซะเวอร์เชียว” รันเอื้อมมือหยิบส้อมที่หล่นอยู่บนจานยัดใส่มือเพื่อนรักอีกรอบ
“นี่ฉันพลาดอะไรไป หมอนั่นทำอะไรเธอ” แพรวเคี้ยวไปพลางพูดไป
“เปล่าเลย เขาไม่ได้ทำอะไร ฉันแค่รู้สึกว่าทุกอย่างมันไปต่อยากถ้าฉันยังวิ่งไล่ตามเขาอยู่แบบนี้” รันตอบเพื่อนไปอย่างเป็นธรรมชาติ เลี่ยงที่จะพูดถึงสาเหตุที่แท้จริง
“ในที่สุดเพื่อนรักของฉันก็ตาสว่างสักที อันที่จริงฉันไม่ได้ถึงขั้นเกลียดอะไรหมอนั่นหรอกนะ แต่ฉันก็ยอมรับตามตรงว่าทุกครั้งที่เห็นเธอเสียใจ เพื่อนอย่างฉันก็พาลรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าตานั่นไปด้วย”
“ฉันก็มีส่วนผิดด้วยแหละที่เข้าไปทำให้เขาอึดอัด” รันพูดก่อนเปลี่ยนเรื่องคุย ช่วงนี้คณะบริหารของเธอเริ่มเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการสอบปลายภาค หลังจากสิ้นภาคการศึกษานี้เธอก็จะถือว่าหลุดพ้นจากความเป็นนักศึกษาและก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างสมบูรณ์ ในชาติที่แล้วเธอจำได้ว่าข้อสอบที่ออกไม่ได้ยากอะไร รวมถึงโปรเจกต์ของเธอก็ผ่านไปได้ด้วยดี มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอนึกออกในช่วงนี้ คือโปรเจกต์ของคีร์ เธอจำได้ว่าคณะวิศวกรรมของเขา ในช่วงเดือนนี้มีเหตุไฟไหม้เกิดขึ้น ห้องที่เก็บผลงานนักศึกษาปีสี่จึงได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะต้นไฟมาจากห้องเก็บผลงาน แต่ครั้นจะเดินไปบอกเขาตรง ๆ คงไม่เข้าท่าเท่าไหร่
รันหวนนึกถึงทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก สิ่งเดียวที่เธอกังวลคือเมื่อเธอแก้ไขเหตุการณ์ในชาตินี้มันจะส่งผลกระทบเรียงกันเป็นโดมิโน่ อะไรที่ควรเกิดบางอย่างเธอจึงปล่อยไปเพื่อให้มันเป็นไปตามชาติที่แล้วในกรณีที่ผลของมันไม่ได้ร้ายแรง แต่อย่างเรื่องนี้เธอแอบกังวลใจ จำได้คร่าว ๆ ว่าหลังเหตุการณ์ไฟไหม้คีร์ก็เคร่งเครียดมากขึ้นเพราะผลงานของเขาได้รับความเสียหายค่อนข้างหนักหน่วงทำให้เขาต้องเลื่อนระยะเวลาพรีเซต์โปรเจกต์ออกไปหนึ่งเดือน แน่นอนว่าช่วงเวลาหนึ่งเดือนนั้นเขาโหมงานหนักจนล้มป่วยไปหลายครั้ง
เธอนั่งเหม่อคิดถึงเรื่องในหัว ไม่ทันได้สังเกตว่าเพื่อนของเธอที่นั่งฝั่งตรงข้ามตอนนี้จะมีสีหน้าตกใจ พยายามส่งสัญญาณบางอย่างให้เธอ จวบจนที่อีกฝ่ายยื่นมือมาสะกิดจึงเธอจึงเริ่มรู้สึกตัว
“ข้างหลังเธอ” แพรวพูดขึ้น รันหันหลังไปตามที่แพรวบอกก่อนจะเห็นภาพชายหนุ่มร่างคุ้นตาเดินตรงเข้ามาหา เธอประหลาดใจพลางมองไปที่ขาของเขา ดูเหมือนว่าจะหายดีแล้ว ทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ เขาก็นั่งลงข้างเธออัตโนมัติโดยไม่ขอ ก่อนจะเอ่ยทักทายแพรว
“ไง แพรว ไม่เจอกันนานเลยนะ” คีร์พูดก่อนจะอมยิ้มส่งไปให้กับเพื่อนของคนรักเขาที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“เอ่อ สวัสดี” แพรวที่ยังคงงุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าตอบกลับไป ทว่าเมื่อเห็นคีร์นั่งมองเพื่อนของตนด้วยสายตาหวานเชื่อมขนาดนั้นจึงอดสงสัยไม่ได้
“ไม่ใช่ว่าพวกแกเลิกกันแล้วหรอ” ทันทีที่ถามไปทั้งสองก็ตอบกลับมาพร้อมกัน
“เลิกแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย้อนเวลาใหม่ครั้งนี้ขอยอมง้อเธอด้วยรัก