เป็นไปตามคาด
ครั้นแล้วก็เห็นเฉาเจียงเดินออกมาจากกลุ่มคนช้าๆ เอ่ยอย่างไม่รีบร้อนว่า
“กราบทูลฝ่าบาท การแต่งตั้งและถอดถอนตำแหน่งขุนนางนั้นหม่อมฉันกระทำการเองมาโดยตลอด ไม่มีการใช้อำนาจโดยมิชอบโดยเด็ดขาด ขอฝ่าบาททรงทอดพระเนตรด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ตี้จิ้งยิ้มและพยักหน้า
“ในสาส์นกราบทูลเขียนว่า เฉาอีเพ่าแห่งอำเภอเฉาที่เพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลเอกสารและตราประทับ ภายในหนึ่งเดือนก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นนายอำเภอของที่นั่น”
“แล้วนายอำเภอเฉาเอ้อเพ่าก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ดูแลเมืองฉางโจวโดยไม่มีคำอธิบาย”
“แล้วยังมี…”
ตี้จิ้งไล่เรียงชื่อขุนนางอีกหลายสิบคนออกมา โดยมีขุนนางทุกขั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทุกคนล้วนได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างไม่มีเหตุผล
สีหน้าขุนนางทุกคนในท้องพระโรงเปลี่ยนไปทันที
ทั้งตกใจกับความละโมบโลภมากของเฉาเจียงแล้วยังหวาดผวากับวิธีการที่รวดเร็วและรุนแรงของตี้จิ้ง เย่จิ้นมีสีหน้าเป็นกังวล
ความคิดของเขาและซูลั่วแทบจะตรงกัน คือไม่ควรรีบร้อนเช่นนี้
ค่อยๆกัดกร่อนอิทธิพลของเฉาเจียงอย่างช้าๆ นั่นคือแผนการที่ดีที่สุด
ทันทีที่ตี้จิ้งมาถึงนางต้องการใช้วิธีนี้บีบบังคับเฉาเจียง
ไม่เพียงจะทำให้ท้องพระโรงชุลมุนวุ่นวายเท่านั้น ยังเป็นการฉีกหน้าเฉาเจียงอีกด้วย
ตี้จิ้งไม่สนใจเหล่าขุนนาง นางมองไปที่เฉาเจียงด้วยใบหน้าที่เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งและพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า
“ไม่ทราบว่าท่านเฉาจะอธิบายเรื่องเหล่านี้อย่างไร”
ตั้งแต่นางขึ้นครองบัลลังก์ ก็เป็นเฉาเจียงกับชุยเก๋อที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
เฉาเจียงถือเอาฉางโจวเป็นที่ดินส่วนตัวของเขาเองเสียด้วยซ้ำ
ขุนนางทุกขั้นล้วนแต่เป็นคนตระกูลเฉาของพวกเขา
นางคิดที่จะลงมือจัดการพวกเขาสองคนมานานแล้ว
แต่จะทำเช่นไรเมื่อสถานะของนางเองยังไม่แน่ชัด ดังนั้นจึงไม่กล้าฉีกหน้าทั้งสองคนนี้มาตลอด
บัดนี้สถานะของนางมั่นคงแล้ว เสนาบดีของราชสำนักเกือบทั้งหมดล้วนอยู่ฝั่งนาง
ดังนั้นนางจึงลงมือกับเฉาเจียงผู้นี้ก่อน
ซูลั่วที่กำลังมองมาจากด้านข้าง แอบพยักหน้า
ตี้จิ้งผู้นี้ไม่ได้โง่จริงๆ
ถ้าหากเฉาเจียงมิอาจอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน อาศัยเรื่องเหล่านี้จัดการเฉาเจียงได้เลย
ทว่า…
ซูลั่วหันไปมองทางเฉาเจียง กลับเห็นชายผู้นี้ยังคงมีท่าทีไม่ทุกข์ร้อนใดๆ
ครั้นแล้วก็เห็นเฉาเจียงโค้งตัวลงคำนับตี้จิ้งและกล่าวว่า
“ฝ่าบาท การแต่งตั้งและถอดถอนตำแหน่งขุนนางเหล่านี้มิใช่เจตนาที่แท้จริงของหม่อมฉันพ่ะย่ะค่ะ”
“เชื่อว่าทุกท่านทราบว่าตระกูลเฉาของข้าเกือบทั้งหมดล้วนแต่รับราชการในกองทัพ”
“สิบปีที่แล้วในตอนที่แค้วนเป่ยฉีถูกปราบ ฮ่องเต้องค์ก่อนได้ส่งกองกำลังทหารร่วมรบ บิดามารดาของพวกเขาได้เข้าสมัครเป็นทหารเข้าร่วมสงครามนี้อย่างแข็งขัน”
“ยามนั้นเหลยเซียวแห่งอาณาจักรจู้กับอ๋องเยี่ยนร่วมมือกันสังหารกองทัพแคว้นเป่ยฉีจนสิ้นซาก พวกเขาได้สร้างความดีความชอบมากมายในศึกสงครามครั้งนี้”
ขณะที่พูด เฉาเจียงได้หันหน้าไปทางเหลยเซียว
“เชื่อว่าท่านแม่ทัพใหญ่เองก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน”
เมื่อเหลยเซียวเห็นสายตาของตี้จิ้งและเฉาเจียงก็พยักหน้าเบาๆ กล่าวว่า
“ตอนนั้นมีทหารยศนายร้อยผู้หนึ่งนำคนบุกทะลวงแนวป้องกันของศัตรูด้วยชีวิต”
ตี้จิ้งขมวดคิ้ว
“แม้ว่าบรรพบุรุษของพวกเขาจะสร้างความดีความชอบมากมายในสนามรบแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเขา?”
เฉาเจียงรีบร้อนพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า
“ฝ่าบาท หม่อมฉันเองก็คิดเช่นนี้”
“ทว่าต่อมาติ้งกว๋อกงอ๋องเยี่ยนได้ส่งคนนำจดหมายมาให้หม่อมฉัน สอบถามข่าวคราวลูกหลานของคนกลุ่มนี้ โดยกล่าวว่าหลังจากการพลีชีพของวีรบุรุษมิควรมองข้าม สมควรส่งเสริมพวกเขา”
“ดังนั้นจึงได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
“สำหรับคนอื่นๆ ก็เป็นองค์ไทเฮาที่ทรงแนะนำว่ากำราบศัตรู ดูแลตามมา”
เมื่อตี้จิ้งได้ยินเช่นนี้สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แขนของนางสั่นเล็กน้อย
แต่นางก็ปิดบังมันเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว
และท้องพระโรงเดิมที่มีเสียงเอะอะโวยวายอยู่บ้าง พลันเงียบสงบลงหลังจากเฉาเจียงกล่าว
ติ้งกั๋วกงอ๋องเยี่ยน!
บุคคลของราชวงศ์ต้าเหยียนที่กำหนดแล้วว่ามิอาจเลี่ยงได้
เขาเป็นพระอนุชาของฮ่องเต้องค์ก่อน ลุ่มหลงในตำราพิชัยสงครามมาตั้งแต่เยาว์วัย
หลังจากที่ฮ่องเต้องค์ก่อนขึ้นครองราชย์ ได้พระราชทานดินแดนเยี่ยนในส่วนที่อันตรายและสำคัญที่สุดเป็นศักดินาที่ดินแก่เขา
สิ่งนี้มิได้เป็นการวางแผนร้ายต่ออ๋องเยี่ยน แต่พระองค์เชื่อในตัวอ๋องเยี่ยน
ดินแดนเยี่ยนตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอาณาจักรเหยียน ติดกับแคว้นเป่ยฉีและทุ่งหญ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย้อนยุคไปเป็นสปายขันทีผู้เก่งกาจ!(จบ)
ทำไมจบที่บท 10 ละครับเนี่ย -.-"...
น่าสนุก น่าสนใจมากๆค่ะ ยังไม่เคยอ่านแนวขันทีเลย รอๆอัพเดทตอนต่อไปอีกนะคะ...