เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 133

ครู่ใหญ่กว่าโจวเสาจิ่นจะได้สติกลับมา

นางตัดสินใจรีบกลับไปที่ห้องพระให้เร็วขึ้นอีกสักหน่อย จะได้ไม่ต้องได้ยินเรื่องที่ไม่สมควรได้ยินเข้าอีก

เพียงแต่เรื่องที่ทำให้นางคิดไม่ถึงก็คือ พอนางออกมาจากห้องข้าง ม่านตรงประตูของเรือนหลักถูกเลิกขึ้น และเฉิงฉือก็เดินออกมา

โจวเสาจิ่นตกใจจนหน้าถอดสี

ไม่ใช่ว่าเขากำลังคุยกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวอยู่หรอกหรือ เหตุใดถึงออกมาเร็วขนาดนี้ ภายในลานนี้เงียบเชียบมีตนเองอยู่เพียงผู้เดียว ไม่รู้เขาจะสงสัยว่านางมาแอบฟังเขาสนทนากับฮูหยินผู้เฒ่ากัวหรือไม่

นางก้าวออกไปทำความเคารพเฉิงฉืออย่างไม่สบายใจ เปล่งเสียงหนึ่งออกมาว่า “ท่านน้าฉือ”

เฉิงฉือดูเหม่อลอยเล็กน้อย ดูเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สังเกตเห็นนาง กระทั่งตอนที่นางทำความเคารพเขาเขาถึงได้สังเกตเห็นว่ามีโจวเสาจิ่นอยู่ที่นี่ด้วย

“เจ้ามาแล้วหรือ!” เขาไม่ได้ดูอบอุ่นเหมือนเมื่อวันก่อน กล่าวทักทายโจวเสาจิ่นอย่างเรียบเฉย หน้าตาเผยความเหนื่อยล้าออกมาอยู่หลายส่วน

เป็นเพราะเจรจากับฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่ราบรื่นอย่างนั้นหรือ

โจวเสาจิ่นคาดเดาไปต่างๆ นานาอยู่ในใจ กล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าคัดพระธรรมอยู่ที่ห้องพระ เพิ่งจะผ่านมาดื่มชาสักถ้วยหนึ่งเจ้าค่ะ!”

ถึงแม้จะไม่ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เฉิงฉือฟัง แต่ก็ไม่ได้ปกปิดเช่นกัน

“อย่างนั้นหรือ” เฉิงฉือตอบออกมาส่งๆ เห็นได้ชัดว่าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไร

โจวเสาจิ่นได้ยินก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ได้ จึงรีบกล่าวอำลาเขา “เช่นนั้นข้ากลับไปคัดพระธรรมที่ห้องพระก่อนนะเจ้าคะ”

เฉิงฉือพยักหน้า แต่หลังจากที่โจวเสาจิ่นก้าวออกไปได้สองสามก้าว เขาก็เรียกนางเอาไว้ กล่าวขึ้นอย่างลังเลว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ในห้องชั้นใน อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ไหนๆ เจ้าก็มาแล้ว ไปอยู่เป็นเพื่อนคุยของฮูหยินผู้เฒ่าสักหน่อยเถิด!”

นางหรือ

พูดคุยกันอย่างนั้นหรือ

โจวเสาจิ่นตะลึงงัน

นางกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวจะคุยอะไรกันได้อย่างนั้นหรือ

โดยเฉพาะในเวลานี้ นางจะคุยอะไรกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้บ้างหรือ

ขณะที่โจวเสาจิ่นกำลังรู้สึกลำบากใจอยู่นั้น คิดไม่ถึงว่าเฉิงฉือจะเปลี่ยนความตั้งใจ เขากล่าวขึ้นว่า “ช่างมันเถิด…เจ้าเป็นคนเงียบๆ ไม่เหมือนเซิงเจี่ยเอ๋อร์ที่ร่าเริงสดใส เกรงว่าต่อให้ไปอยู่เป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่าก็ยากที่จะทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกสำราญใจขึ้นมาได้…เจ้ากลับไปคัดพระธรรมที่ห้องพระเถิด!”

ดวงหน้าของนางขึ้นสีแดงเรื่อ ขานรับเสียงเบา แล้วรีบก้าวเท้ามุ่งไปทางห้องพระ

แต่เมื่อถึงจังหวะที่ต้องเลี้ยวตรงมุมห้อง โจวเสาจิ่นยังคงหันศีรษะกลับมามองอย่างอดไม่ได้

เฉิงฉือยืนตัวตรงอยู่ผู้เดียวตรงใต้บันไดห้องข้างห้องหลัก มือไขว้หลัง มองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีฟ้านั้นอย่างเงียบๆ ดูสงบเยือกเย็น ทว่าเปี่ยมด้วยความโดดเดี่ยว

ระหว่างเขากับมารดามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่

เหตุใดเขาถึงไม่แต่งงาน

ตอนอยู่ที่ตระกูลกัว เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกบ้างนะ

แล้วตาแก่ที่กล่าวถึงนั้นหมายถึงผู้ใดกัน

ในหัวของโจวเสาจิ่นราวกับมีโคมไฟม้าหมุนอยู่ก็ไม่ปาน ขบคิดไปมากมายไม่ยอมหยุด จนกระทั่งถึงเวลาไปกล่าวอำลาฮูหยินผู้เฒ่ากัวแล้ว ก็ยังไม่อาจสงบอารมณ์ลงได้

ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับเข้มแข็งกว่าที่นางจินตนาการไว้ มองจากภายนอกแล้ว นางไม่ต่างกับในยามปกติเลยสักนิด หากไม่ใช่เพราะโจวเสาจิ่นแน่ใจว่าเมื่อตอนบ่ายตนได้ยินเสียงคำรามของฮูหยินผู้เฒ่ากัวมาก่อนแล้วละก็ นางก็อาจจะคิดว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็เป็นได้ แต่นี่ก็เป็นเพียงการแสดงออกภายนอกเท่านั้น ฮูหยินผู้เฒ่ากัวถามถึงความคืบหน้าของการคัดพระธรรมของโจวเสาจิ่นขึ้นมาอย่างผิดปกติไปจากเดิม ตอนที่ได้ยินโจวเสาจิ่นบอกว่าคัดให้แล้วเสร็จก่อนปีใหม่ได้ นางพึงพอใจเป็นอย่างมาก กระทั่งเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย

มองจากมุมของโจวเสาจิ่นแล้ว หากจะกล่าวว่าเป็นเพราะการคัดพระธรรมของโจวเสาจิ่นเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความคืบหน้าทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวดีใจนั้น ยังไม่สู้การกล่าวว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ได้ดำเนินไปตามความต้องการของฮูหยินผู้เฒ่ากัวอย่างราบรื่นก็เลยทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้เล็กน้อยน่าจะถูกต้องกว่า

เมื่อกลับถึงเรือนหว่านเซียง นางถามพี่สาวว่า “ท่านทราบเรื่องสมัยเด็กของท่านน้าฉือหรือไม่เจ้าคะ”

โจวชูจิ่นกล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “เจ้าถามเรื่องนี้ไปทำไมหรือ”

“วันนี้ข้าได้พบท่านน้าฉือที่เรือนหานปี้ซานมาเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นกล่าว “ข้าสงสัยยิ่งนักว่า เขาสอบผ่านจิ้นซื่อแล้วแต่เหตุใดถึงไม่รับราชการเจ้าคะ”

โจวชูจิ่นไม่สงสัยอะไร กล่าวยิ้มๆ ว่า “นี่มีอะไรให้ต้องแปลกใจหรือ รับราชการต้องจากบ้านเกิดไปกว่าห้าร้อยหลี่ บนแผ่นดินนี้มีกี่สถานที่กันที่รุ่งเรืองเท่าเมืองจินหลิง แทนที่จะต้องไปเป็นข้าราชการตัวเล็กๆ อย่างยศผิ่นขั้นเจ็ดผู้หนึ่งเช่นนั้น สู้เป็นผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นอยู่ที่เมืองจินหลิงยังจะดีเสียกว่า!”

โจวเสาจิ่นเม้มปากกลั้นยิ้ม ลอบรู้สึกว่าเหตุผลที่เฉิงฉือไม่รับราชการนั้นเกรงว่าจะไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น

โจวชูจิ่นให้คำแนะนำน้องสาวว่า “หากเจ้าต้องการรู้เรื่องสมัยเป็นเด็กของท่านน้าฉือจริงๆ ไม่สู้ไปถามบ่าวรับใช้เก่าแก่ของจวนหลักเหล่านั้นเล่า พวกเขาย่อมรู้อย่างแน่นอน”

โจวเสาจิ่นให้ฝานฉีไปสืบความมาให้

วันต่อมาฝานฉีก็กลับมารายงานนางว่า “นายท่านสี่เกิดที่จิงเฉิง ในรัชศกหย่งชังปีที่สิบห้า ตอนที่นายท่านผู้เฒ่าจวนหลักเสียชีวิตนั้น นายท่านสี่เพิ่งจะมีอายุได้หกขวบ กลับบ้านเกิดมาไว้ทุกข์แสดงความกตัญญูอยู่หนึ่งปี จากนั้นก็ถูกนายท่านผู้เฒ่ารองรับไปอยู่ที่จิงเฉิง หลังจากนั้นเวลาส่วนใหญ่ล้วนเป็นเป็นการติดตามเรียนหนังสือกับนายท่านผู้เฒ่ารองอยู่ที่จิงเฉิง นานๆ ทีถึงกลับมาเยี่ยมฮูหยินผู้เฒ่าที่จินหลิงสักหนหนึ่ง จนกระทั่งในรัชศกจื้อเต๋อปีที่สิบสาม นายท่านสี่อายุยี่สิบปี ต้องลงสนามสอบขุนนางถึงได้กลับมา หากต้องการทราบเรื่องสมัยเด็กของนายท่านสี่ เช่นนั้นคงต้องไปถามบ่าวรับใช้ข้างกายของนายท่านผู้เฒ่ารองที่จิงเฉิงแล้วขอรับ”

“เอ๋!” โจวเสาจิ่นเบิกดวงตาโตอย่างตกใจ

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เฉิงฉือใช้เวลาส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที่จิงเฉิง การกลับมาที่จินหลิงก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาได้เพียงไม่กี่ปีนี้เท่านั้น

ไม่แปลกที่เมื่อก่อนนางไม่เคยได้ยินข่าวคราวของเขามาก่อน

แต่นี่ก็ไม่ค่อยถูกต้องสักเท่าไรนัก!

แล้วเขาเริ่มเปิดกิจการร้านตั๋วแลกเงินอวี้ไท่ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ

ในเมื่อติดตามศึกษาเล่าเรียนอยู่กับนายท่านผู้เฒ่ารองของจวนหลัก แล้วนายท่านผู้เฒ่ารองของจวนหลักยอมให้เขา ‘เพิกเฉยต่อบทบาทหน้าที่ที่ควรจะเป็น’ ได้อย่างไร

ฝานฉีกดเสียงลงต่ำและพึมพำกล่าวขึ้นอีกครั้งว่า “คุณหนูรอง ข้ายังได้ยินพวกเขาพูดกันอีกว่า นายท่านสี่มีบ้านอีกหลังหนึ่งอยู่ที่เขาสือฮุย อยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองไปสามสิบหลี่ ชื่อว่า เจ่าหยวน ขอรับ ตอนที่นายท่านสี่กลับมาใหม่ๆ นั้น ก็ไม่ได้พักอยู่ในจวนแห่งนี้ แต่พักอยู่ที่เจ่าหยวน ต่อมาเป็นเพราะฮูหยินผู้เฒ่าออกคำสั่ง นายท่านสี่ถึงได้ย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ขอรับ”

เรื่องที่ว่าเฉิงฉือมีบ้านอีกหลังหนึ่งนั้นโจวเสาจิ่นเคยได้ยินมานานแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่เขาสือฮุยเท่านั้น

ตอนที่ 133 สับสน 1

ตอนที่ 133 สับสน 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน