เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 141

โจวชูจิ่นเหยียดยิ้มอย่างดูแคลน เงยหน้าขึ้นมองไปที่หน้าประตู

ภรรยาของหม่าฟู่ซานเฝ้าอยู่ที่ด้านนอกของประตู

หลานทิงกระวนกระวายใจ กล่าวขึ้นอย่างร้อนรนว่า “คุณหนูใหญ่ ข้าไม่ได้หลอกลวงท่านนะเจ้าคะ ท่านหมอเป็นคนสนิทผู้หนึ่งของนายท่าน เป็นผู้เชี่ยวชาญการรักษาโรคของสตรีเป็นที่สุด หลังจากที่จบเรื่องแล้วท่านหมอผู้นั้นยังประหลาดใจเป็นอย่างมาก กล่าวว่าใบสั่งเทียบยาของเขาเป็นของที่ได้รับสืบทอดต่อกันมา ที่ผ่านมาไม่เคยมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น และก็ไม่เคยพบกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน นอกจากนี้ยังเรียกหมอตำแยและสาวใช้ทุกคนที่ให้การรับใช้อยู่ในห้องในเวลานั้นมาสอบถามอีกด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเกิดข้อผิดพลาดจากตรงไหน ตอนที่ท่านหมอผู้นั้นเดินทางกลับยังได้แต่ส่ายศีรษะและกล่าวว่า เป็นเรื่องประหลาด อีกด้วยเจ้าค่ะ”

โจวชูจิ่นถามขึ้นว่า “แต่จากเรื่องนี้ก็ไม่อาจไปตัดสินว่าน้ำกานั้นของซินหลานมีปัญหาไม่ใช่หรือ”

“แต่พอผ่านไปไม่กี่วัน ข้าก็ได้พบกับซินหลานเจ้าค่ะ!” หลานทิงกล่าว “สุขภาพร่างกายของฮูหยินไม่แข็งแรง ทั้งกายและใจทั้งหมดของนายท่านผูกติดอยู่กับฮูหยิน จึงไม่ค่อยได้ใส่ใจดูแลเรื่องภายในบ้านสักเท่าไรนัก ใกล้จะถึงตรุษจีนแล้ว แต่ข้าวของต่างๆ ที่ต้องใช้ในช่วงปีใหม่ของที่บ้านก็ยังไม่ได้ซื้อ สาวใช้ใหญ่หลายคนถูกจัดเวรให้เวียนกันไปรับใช้ฮูหยินอยู่ภายในห้อง สาวใช้ที่แต่งงานแล้วและพอจะมีประสบการณ์หากไม่ใช่ไปเฝ้าคุณหนูใหญ่ก็ไปเฝ้าคุณหนูรอง โดยเฉพาะคุณหนูรอง” ขณะที่นางพูด ก็มองโจวเสาจิ่นไปด้วย “ตอนที่คลอดออกมาดูเสมือนกับลูกแมวน้อยก็ไม่ปาน ผ่านไปสองวันถึงจะมีแรงดูดน้ำนม นายท่านนั้นด้านหนึ่งก็เป็นห่วงทั้งคุณหนูรอง อีกด้านหนึ่งก็เป็นห่วงฮูหยิน ในเวลาเดียวกันก็ยังต้องหาเวลาไปดูแลคุณหนูใหญ่ ทำให้ร่างกายผ่ายผอมลงไปทั้งร่าง พ่อบ้านจึงเรียกให้พวกข้าที่เป็นสาวใช้เด็กหลายคนช่วยกันไปหาซื้อของใช้สำหรับใช้ในช่วงปีใหม่…

…ข้าเคยติดตามเรียนเขียนอ่านกับฮูหยิน อีกทั้งยังพอจะเข้าใจการคำนวณอยู่บ้าง พ่อบ้านจึงให้ข้าไปช่วยตรวจสอบบัญชีกับบรรดาคู่ค้าเหล่านั้นที่ตลาดขายของ…

…คู่ค้าผู้นั้นลายมือหวัดยิ่งนัก ข้าเพิ่งจะเรียนเขียนอ่านได้ไม่นาน ตอนที่ตรวจบัญชียังต้องเอ่ยถามคู่ค้าผู้นั้นอยู่บ่อยๆ ว่าที่เขียนนั้นคืออะไร…

…พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นซินหลาน…

…นางสวมชุดเพ่ยจื่อสีแดงขลิบเงินลายดอกไม้ตัวหนึ่ง บนศีรษะประดับเอาไว้ด้วยปิ่นดอกไม้แต้มสีเขียวมรกต สวมตุ้มหูทองทรงใบแปะก๊วยห้อยระย้า บนนิ้วสวมแหวนทองทรงโกลนม้าอยู่สามถึงสี่วง สีทองเปล่งประกายระยิบระยับ การแต่งตัวดูหรูหรากว่าภรรยาของคนทั่วไปมากนัก แต่ก็ไม่ได้พาสาวใช้หรือบ่าวชายติดตามมาด้วยเลยสักคน…

…ในตอนนั้นข้ายังตะโกนเรียกนางไปครั้งหนึ่ง…

…แต่ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้ยิน นางเดินตรงไปยังร้านขายเครื่องประดับที่อยู่ข้างๆ ร้านขายของชำ…

…เดิมทีข้าคิดว่าจะเข้าไปทักทายนางสักหน่อย แต่เนื่องจากยังตรวจข้าวของได้ไม่ถึงครึ่ง ข้ากลัวว่าจะเกิดข้อผิดพลาด จึงไม่ได้ไป จนกระทั่งข้าตรวจสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนที่กำลังรอพ่อบ้านมาบรรทุกของอยู่ที่นั่นนั้น ก็เห็นซินหลานเดินออกมาจากร้านเครื่องประดับร้านนั้น…

…ข้างกายยังมีบุรุษมาด้วยผู้หนึ่ง สวมชุดหลานซานตัวยาวสีฟ้า ทั้งที่อยู่ในช่วงอากาศหนาวจัด แต่ก็สวมเพียงตาข่ายคลุมผมชิ้นหนึ่งเท่านั้น ดูท่าทางแล้วน่าจะมีอายุประมาณยี่สิบเจ็ดถึงยี่สิบแปดปี ร่างกายผ่ายผอม สีผิวก็ซีดเหลืองยิ่งนัก…

…ข้าจึงถามคู่ค้าในร้านขายของว่าบุรุษผู้นั้นคือผู้ใด…

…คู่ค้าในร้านขายของบอกข้าว่า เขาคือนายท่านเฉิงไป่แห่งตรอกฉุนอี้เจ้าค่ะ…”

โจวเสาจิ่นหายใจขัดเล็กน้อย

นางจับแขนเสื้อของตัวเองแน่น

โจวชูจิ่นกลับขมวดคิ้วมุ่น ถามขึ้นว่า “แล้วคู่ค้าผู้นั้นรู้จักเฉิงไป่ได้อย่างไร”

หลานทิงกล่าว “ในเวลานั้นเฉิงไป่เองก็ได้เปิดกิจการค้าขายสินค้าของทางเหนือและทางใต้อยู่ร้านหนึ่งที่ถนนไท่ผิง มีสินค้ามาแลกเปลี่ยนค้าขายกับร้านขายของชำที่พวกเราไปซื้อสินค้าด้วยร้านนั้น ด้วยเหตุนี้ก็เลยรู้จักเฉิงไป่เจ้าค่ะ”

โจวชูจิ่นพยักหน้าน้อยๆ

หลานทิงกล่าวต่อว่า “ในตอนนั้นข้ารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก…

…ไม่ใช่ว่าซินหลานแต่งงานกับพ่อค้าฝ้ายผู้หนึ่งหรอกหรือ แล้วเหตุใดถึงมาอยู่กับนายท่านเฉิงแห่งตรอกฉุนอี้ได้ ข้ายังนึกไปถึงเครื่องประดับที่อยู่บนร่างของนางพวกนั้น อย่างน้อยก็น่าจะมีราคาประมาณยี่สิบถึงสามสิบเหลี่ยงเงิน พอดีว่ามีบ่าวชายเข้ามาแจ้งว่า มีเรือชนกันที่ด้านนอกของประตูเจียงตง ทำให้เรือที่ไปล่าปลาเข้าเทียบท่าไม่ได้ชั่วขณะหนึ่ง พ่อบ้านจึงต้องไปดูที่ประตูเจียงตงสักหน่อย สั่งให้พวกข้าเมื่อตรวจสอบสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ให้กลับไปกันก่อน…

…ข้าจึงหาข้ออ้างว่าต้องการไปหาซื้อผ้าเช็ดหน้าสักสองผืนเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ตัวเอง มอบหมายให้บ่าวชายเป็นผู้รับผิดชอบบรรทุกของลงรถ จากนั้นตัวเองก็ลอบสะกดรอยตามไป…

…ซินหลานกับเฉิงไป่เดินลดเลี้ยวไปมา จนไปหยุดอยู่ที่ซอยเล็กๆ ซอยหนึ่ง ข้าได้ยินซินหลานกล่าวขึ้นว่า ข้าเป็นหญิงสาวเพียงคนเดียว การมาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมเพียงลำพัง คนที่น่านับถือเหล่านั้นก็มองเพียงว่าข้ามาขอหลบภัยอยู่กับญาติด้วยขาดที่พึ่ง แต่บุรุษทั่วไปเหล่านั้นกลับเข้าใจว่าข้าเป็นหญิงขายตัว กลางดึกค่อนคืนแล้วก็ยังมาเคาะประตูของข้า ทำให้ข้าหวาดกลัวจนนอนไม่หลับไปทั้งคืน เมื่อไรข้าถึงจะตามท่านกลับบ้านด้วยได้หรือเจ้าคะ มีคำกล่าวเอาไว้ไม่ใช่หรือเจ้าคะว่า จะมีเงินทองหรือไม่มีก็ตาม ขอแค่ให้ได้แต่งงานกับภรรยาสักคนแล้วฉลองปีใหม่ด้วยกัน นี่ก็ใกล้จะถึงตรุษจีนแล้ว ท่านคงไม่ปล่อยให้ข้าฉลองปีใหม่อยู่ที่โรงเตี๊ยมเพียงลำพังหรอกกระมัง…

…เฉิงไป่ปลอบโยนนางว่า อีกไม่นานแล้วๆ รอให้เขาจัดการธุระที่ยุ่งเหยิงของช่วงนั้นให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน แล้วจะรับนางกลับไปด้วย จากนั้นก็ล้วงเงินมาให้นางจำนวนหนึ่ง ให้นางเอาไปซื้อของตามที่นางชื่นชอบ ยังกล่าวอีกว่า ให้นางอย่าเพ่นพ่านไปไหนในช่วงนี้ ระวังจะมีคนพบเห็นสิ่งผิดปกติขึ้นมาได้…

…ในตอนนั้นข้ายังไม่รู้ว่าฮูหยินเคยหมั้นหมายมาก่อน และก็ไม่รู้ด้วยว่าเฉิงไป่เป็นคนเช่นไร ยังเข้าใจไปว่าซินหลานเป็นหญิงแต่งงานที่ไม่ซื่อสัตย์ ทิ้งสามีแล้วหนีตามผู้ชายมา รู้สึกดูแคลนความเป็นคนเช่นนี้ของนาง จึงหมุนกายเดินจากมา…

…ต่อมาอาการของฮูหยินเกือบจะไม่ไหวแล้ว นายท่านจวงก็มาสร้างความวุ่นวายถึงที่บ้าน กล่าวหาว่านายท่านทำให้ฮูหยินต้องตาย ต้องการให้นายท่านชดใช้เงินให้เขา ตอนนั้นเองข้าถึงได้รู้ว่าเดิมทีแล้วฮูหยินเคยหมั้นหมายกับเฉิงไป่มาก่อน…

…แต่ตอนนั้นข้าก็ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น…

…คิดเพียงว่าซินหลานทำไม่ถูกต้อง ทำเรื่องหักหน้าฮูหยิน…

…ถึงแม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่ข้ายังคงใคร่รู้ว่าสุดท้ายแล้วซินหลานได้เข้าไปที่ตระกูลเฉิงหรือไม่ หากว่านางได้เข้าไปเป็นอนุให้เฉิงไป่จริงๆ ถ้าฮูหยินรู้เรื่องเข้า นางจะละอายใจบ้างหรือไม่ ข้าจึงคิดหาวิธีไปสืบข่าวคราวของเฉิงไป่ ข้าถึงได้รู้ว่า จริงๆ แล้วเฉิงไป่เองก็กำลังป่วย คนของตระกูลเฉิงไม่มีใครรู้เลยว่ามีซินหลานผู้นี้อยู่ด้วย ไม่นานหลังจากนั้น เฉิงไป่ก็เสียชีวิตลง ทำให้คนที่รู้เรื่องนี้จึงยิ่งลดน้อยลงไปด้วย…

…ข้าเพียงคาดเดาอยู่ในใจเท่านั้น ไม่กล้าเล่าให้นายท่านฟัง…

ตอนที่ 141 สนทนา 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน