เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 18

ตอนที่ 18 กัวซื่อ
โจวเสาจิ่นรีบขยับขึ้นด้านหน้าไปทำความเคารพ

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับทำหน้าแปลกใจ “ผู้นี้คือ?”

“คือโจวเสาจิ่น หลานสาวคนเล็กของข้าคนนั้นเจ้าค่ะ” ฮูหยินผู้เฒ่ากวนยิ้มพลางกล่าว “ปกติเป็นคนไม่ค่อยพูด ทำให้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนักในหมู่ญาติพี่น้อง ครั้งนี้มีโอกาสได้พบแล้ว ข้าจึงให้นางมาคารวะท่านเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวงุนงงสักพัก ก็นึกขึ้นได้ว่าผู้ที่ถูกเรียกว่า ‘หลานสาวคนเล็ก’ ผู้นี้เป็นใคร

นางหันไปยิ้มน้อยๆ ให้โจวเสาจิ่นพลางหยักหน้า กล่าวชื่นชมว่า “เป็นเด็กสาวที่งดงามผู้หนึ่ง!”

แน่นอนว่าโจวเสาจิ่นไม่ได้ถือเอาคำพูดของการเข้าสังคมในโอกาสนี้เป็นจริงเป็นจัง แต่การพบปะที่อ่อนละมุนเช่นนี้ นางก็คิดไม่ถึงเช่นเดียวกัน

นางผ่อนลมหายใจทีหนึ่ง

“เป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับความกรุณาของท่านเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของฮูหยินผู้เฒ่ากวนสุภาพ ทว่าท่าทีนั้นยากที่จะปิดความยินดีเอาไว้ได้

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเห็นเช่นนั้น ขบคิดเล็กน้อยสักครู่ ก็ดึงแหวนที่นิ้วมือออกมา “ของเก่าแล้ว พวกเด็กสาวอาจจะไม่ชื่นชอบ ยังดีที่คุณภาพไม่แย่นัก เปลี่ยนจี้หรืออะไรสักหน่อย ก็ยังพอดูได้” ขณะที่กล่าวก็ยื่นแหวนส่งให้โจวเสาจิ่น “ถือเป็นของขวัญสำหรับการพบหน้ากัน”

โจวเสาจิ่นตกใจ ไหนเลยจะกล้ารับมา “สิ่งของล้ำค่าเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”

“ไม่เป็นไร” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้ม “ผู้ใหญ่ให้ของ เจ้าก็เพียงรับไว้”

โจวเสาจิ่นลังเลเล็กน้อย ย่อเข่าคารวะ หันไปกล่าวขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่ากัวสำหรับความกรุณา แล้วรับแหวนมา

“อย่างนี้สิถึงจะถูก” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้ม น้ำเสียงอ่อนโยนยิ่ง

โจวเสาจิ่นโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ประหม่าเท่าเมื่อกี้แล้ว

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนและฮูหยินผู้เฒ่ากัวเข้าไปในห้องเยี่ยนซี นั่งลงบนตั่งเตี้ยด้านซ้ายคนหนึ่งและด้านขวาคนหนึ่ง

ซื่อเอ๋อร์นำสาวใช้ถือน้ำชาและของว่างเข้ามา

โจวเสาจิ่นยืนนิ่งไม่ขยับ

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนหันไปส่งสายตาให้นาง

ผ่านไปครู่หนึ่งโจวเสาจิ่นถึงได้เข้าใจความหมาย กล่าวคือ ท่านยายต้องการให้นางเอาใจใส่สักหน่อยยามอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่

นางหน้าร้อนผะผ่าว

ก่อนแต่งงาน นางก็จมจ่อมอยู่กับความเสียใจในข้อผิดพลาดและความต้องการที่จะปรับปรุงแก้ใขตัวเองของตนเอง ไม่เคยใส่ใจผู้อื่นมาก่อน หลังแต่งงานแล้ว นางก็ซ่อนตัวอยู่ที่บ้านสวนในต้าซิ่งที่มีแต่ตนเองให้ต้องเคารพ ไม่ติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น มีเพียงคนอื่นมาประจบเอาใจนาง นางเคยประจบเอาใจผู้อื่นเสียเมื่อไหร่กัน

แต่เพราะว่าตอนนี้นางตัดสินใจว่าจะช่วยเหลือตระกูลเฉิง จึงไม่อาจเป็นเหมือนเช่นชาติที่แล้วอีก

โจวเสาจิ่นหวนนึกถึงตอนที่พวกซือเซียงรินน้ำชาให้นางว่า ตอนนั้นพวกนางทำกันอย่างไรอย่างละเอียด แล้วก็เลียนแบบลักษณะของพวกนางรินน้ำชาให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและฮูหยินผู้เฒ่ากวน

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนเห็นนางเชื่อฟังและรู้ความ ก็พอใจยิ่งนัก

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับไม่ได้เก็บเรื่องเหล่านี้มาใส่ใจ

ไม่ว่าบุตรชาย บุตรสะใภ้ หลานชาย หลานสาวล้วนเชื่อฟังและกตัญญู อีกทั้งข้างกายของนางก็ไม่ขาดแคลนคนคอยรับใช้ ในสายตาของนางแล้ว นี่เป็นเรื่องที่สมควรทำเป็นปกติ

เพียงแต่ว่าโจวเสาจิ่นนั้นสุภาพและอ่อนโยน กิริยาท่าทางที่แสดงออกมานั้นสง่างามและอ่อนหวาน ดูแล้วให้ความสบายใจยิ่ง ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเกิดความรู้สึกดี รอจนกระทั่งโจวเสาจิ่นขึ้นน้ำชาเสร็จแล้ว นางยิ้มถือถ้วยชาเอาไว้พลางกล่าว “เรื่องเล็กน้อยพวกนั้นมีสาวใช้คอยจัดการอยู่แล้ว เจ้าก็นั่งลงเสียเถอะ”

ครั้งนี้โจวเสาจิ่นถอนสายบัวตอบเสียงเบา แล้วยืนอยู่ที่ด้านหลังของฮูหยินผู้เฒ่ากวน

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมองนางแล้วก็นึกถึงเฉิงเซิง หลานสาวคนที่สามของตัวเอง หากว่าคนที่ถูกตามใจผู้นั้นอยู่ที่นี่ด้วย คงจะริมฝีปากราวปืนลิ้นราวดาบคุยโอ้อวดการกระทำของตัวเองเป็นแน่ รอจนได้รับคำชมจากนางแล้วถึงจะยอมหยุด…คนหนึ่งก็เงียบเกินไป อีกคนหนึ่งก็เสียงดังเกินไป กล่าวตามจริงแล้ว คงเป็นเพราะภูมิหลังและสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม ความคิดเหล่านี้ก็เพียงวาบผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวถึงธุระที่มาในครั้งนี้ขึ้นมา “ข้ากำลังคิดว่า การชุมนุมกันทางศาสนาในวันที่แปดนั้น พวกเราควรจะไปฟังเสียหน่อยถึงจะดี งานวันเกิดของท่านผู้นำตระกูลนั้นเป็นเรื่องของพวกผู้ชาย ถึงพวกเราจะรั้งอยู่ที่จวนด้วยก็จะทำอะไรได้?”

ที่แท้มาด้วยเรื่องนี้นี่เอง

เกรงว่าจวนรองจะไม่คิดเช่นนี้!

โจวเสาจิ่นเงี่ยหูฟัง

วันสรงน้ำพระพุทธเจ้าของทุกปี สตรีจากตระกูลโจวล้วนไปขึ้นธูปที่วัดกันเฉวียน แต่ว่าวันที่สิบสองเดือนสี่ของปีนี้เป็นวันเฉลิมฉลองวันเกิดของท่านผู้นำตระกูลจวนรอง จวนรองได้กล่าวเอาไว้นานแล้วว่า ต้องการจัดงานให้ท่านผู้นำตระกูลอย่างยิ่งใหญ่ ตามธรรมเนียมแล้ว วันสรงน้ำพระพุทธเจ้าและวันที่สิบสองเดือนสี่ใกล้กันนัก ตระกูลเฉิงจวนต่างๆ ทั้งหมดควรจะไปช่วยงานที่จวนรองถึงจะถูก

แต่ไม่ว่าเรื่องอะไรล้วนมีดับไปและเกิดขึ้นใหม่

ในอดีต ตอนที่ท่านผู้นำตระกูลเฉิงซวี่จวนรองเป็นข้าราชการระดับสูงสำนักอิงอู่ ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมมหาดไทยอยู่ที่จิงเฉิง ส่วนผู้นำตระกูลของจวนหลักดูแลจัดการเรื่องต่างๆ อยู่ที่ตระกูลนั้น เป็นจวนรองที่โดดเด่นที่สุด ทุกอย่างล้วนทำตามการนำของจวนรอง อย่างไรก็ตาม จนกระทั่งเมื่อนายท่านผู้เฒ่าเฉิงลี่จวนรองเสียชีวิตไปตั้งแต่อายุยังน้อย นายท่านผู้เฒ่าเฉิงซวินและเฉิงเซ่าสองพี่น้องประสบความสำเร็จในการสอบขุนนางติดต่อกันคนแล้วคนเล่า ตระกูลเฉิงก็รุ่งโรจน์อีกครั้ง ปัจจุบันท่านผู้นำตระกูลเฉิงซวี่จวนรองลาออกจากราชสำนักมานานแล้ว นายท่านใหญ่เฉิงอี๋ก็เป็นเพียงอาจารย์สอนหนังสือผู้หนึ่ง แต่จวนหลักนั้นทั้งสามคนของครอบครัวล้วนเป็นจิ้นซื่อ ทั้งยังมีอั้นโส่ว [1] อายุสิบห้าปีหนึ่งคนอีกด้วย สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมแล้ว

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม จวนสี่ไม่เคยเป็นผู้นำตระกูลมาก่อน ไม่คิดสู้เพื่อให้ได้มันมา และก็สู้ไม่ได้ด้วยเช่นเดียวกัน

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนอะลุ้มอล่วย “ข้าฟังท่านเจ้าค่ะ”

แม่หม้ายลูกติดอย่างจวนสี่นั้น กว่าจะมีวันนี้ได้ไม่ง่ายดายนัก ทั้งเคยได้รับความกรุณาจากจวนหลัก และเคยได้รับการปกป้องจากจวนรอง ไม่ว่าจะยืนอยู่ฝั่งไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น จะให้ดีที่สุดก็คือไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

ยามที่จวนรองยังรุ่งโรจน์ดังสายรุ้งอยู่นั้นฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่บุตรชายของนางล้วนเป็นจิ้นซื่อลำดับที่สองทั้งสามคน ที่นางกล่าวเช่นนี้ ไม่ใช่เพื่อต้องการปลุกปั่นให้ฮูหยินผู้เฒ่ากวนกับจวนรองมีอะไรกัน เพียงแต่ในบรรดาสะใภ้ด้วยกันนั้น มีเพียงฮูหยินผู้เฒ่ากวนที่มีความอดทนและจิตใจกว้างขวาง ทั้งยังมีเหตุผลและคุณธรรม ค่อนข้างเข้ากันได้กับนาง นางจึงอยากนัดฮูหยินผู้เฒ่ากวนให้ไปร่วมการชุมนุมทางศาสนาด้วยกัน ระหว่างทางก็จะได้มีเพื่อนร่วมทางด้วย

“เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน” เห็นฮูหยินผู้เฒ่ากวนตอบรับแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ยินดียิ่งนัก กล่าว “ธูปและเทียนต่างๆ เจ้าล้วนไม่ต้องจัดเตรียม เจิงเจี่ยเอ๋อร์นำธูปกฤษณายี่สิบจินจากจิงเฉิงมามอบให้ข้าเป็นพิเศษ ข้าให้คุณชายสี่แลกเงินทองแดงให้พวกเราอีกสองร้อยเหลี่ยงเหรียญเงิน เป็นเหรียญหย่งชางทงเป่าเหมือนกันทั้งหมด ทุกอันล้วนใหญ่เท่านี้และหนาเท่านี้”

คุณชายสี่…ใครกันนะ?

โจวเสาจิ่นมองฮูหยินผู้เฒ่ากัวที่กำลังออกท่าทางขณะพูดไปด้วยนั้นอย่างว่างเปล่าเล็กน้อย

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนสั่งการซื่อเอ๋อร์ว่าอีกสักครู่ให้นำเงินหนึ่งร้อยเหลี่ยงตั๋วเงินไปมอบให้ที่เรือนหานปี้ซาน

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวขัดใจ กล่าวขึ้นว่า “เจ้ากับข้าทำไมต้องคำนวณชัดเจนขนาดนี้ด้วย”

“ต่อหน้าพระโพธิสัตว์ ต่างคนต่างร่วมกันถวายความปรารถนาดีเจ้าค่ะ” ฮูหยินผู้เฒ่ากวนยืนกรานว่าไม่เห็นด้วย

จะเป็นพี่น้องกัน ก็ต้องแยกบัญชีกันให้ชัดเจน เช่นนี้ถึงจะสนิทชิดเชื้อกันได้ ฮูหยินผู้เฒ่ากวนนั้นที่ผ่านมาไม่เคยคิดเอาประโยชน์ประเภทนี้ นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมแม้นายท่านผู้เฒ่าของจวนสี่จะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่จวนหลัก จวนรองและจวนสาม ล้วนยังคงให้ความเคารพจวนสี่อยู่

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ไม่บังคับอีก

ตอนที่ 18 กัวซื่อ 1

ตอนที่ 18 กัวซื่อ 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน