เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 196

โจวเสาจิ่นพยักหน้าไม่หยุด

แต่ในใจนางกลับรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย

เรื่องที่ท่านน้าฉือจะไปจากตระกูลเฉิงได้รับการยืนยันแล้ว

แต่เขาจะออกจากตระกูลเมื่อใดกันแน่นะ

หลังจากนั้นจะกลับมาเยี่ยมอีกหรือไม่

โจวเสาจิ่นเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องพัก เกลียดตัวเองที่เหตุใดชาติก่อนถึงไม่ใส่ใจเรื่องราวของตระกูลเฉิงให้ละเอียดกว่านี้

นางนึกถึงเฉิงฉือตอนที่ยอมอดทนอดกลั้นอารมณ์มาเล่นหมากกับนางเพื่อทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวสบายใจ นึกถึงเขาตอนที่เอาใจใส่ทั้งคำพูดและการแสดงออกทางสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่ากัว ตอนที่สังเกตเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวเหนื่อยแล้วก็เสนอให้นั่งพักผ่อนโดยไม่รอให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวต้องเอ่ยปาก นึกถึงเขาตอนที่ประคองฮูหยินผู้เฒ่ากัวยืนอยู่บนหาดทราย ยิ้มน้อยๆ พลางกล่าวให้กำลังใจฮูหยินผู้เฒ่ากัวทำในสิ่งที่ยามปกติไม่กล้าแม้แต่จะคิด…นางลอบรู้สึกปวดใจ

หรือว่าสิ่งที่นางทำไปทั้งหมดนี้จะไร้ประโยชน์เสียแล้ว

หลังจากกลับถึงเมืองจินหลิงแล้วท่านน้าฉือก็จะไปจากตระกูลเฉิงอย่างนั้นหรือ!

เช่นนั้นนางจะไปหาใครให้ช่วยเปิดเผยข้อมูลลับให้เฉิงจิงได้เล่า

โจวเสาจิ่นพลิกตัวกลับไปมา นอนไม่หลับเลยตลอดทั้งคืน วันต่อมาตอนที่นั่งฟังท่านเจ้าอาวาสแสดงธรรมอยู่ในวิหารเป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่ากัวนั้น ท่าทางของนางดูเหงาหงอยไม่ค่อยสดชื่นนัก

เฉิงฉือที่นั่งอยู่ข้างๆ นางกระซิบกล่าวขึ้นว่า “เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือ เจ้าอดทนต่ออีกนิด พรุ่งนี้เช้าพวกเราก็จะกลับหนิงโปแล้ว”

เนื่องจากท่านเจ้าอาวาสวัดฝาอวี่ต้องการเปิดแสดงธรรมให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวด้วยตัวเอง ดังนั้นพวกเขาก็เลยต้องอยู่ที่เขาผู่ถัวต่ออีกหนึ่งคืน

โจวเสาจิ่นพยักหน้าให้อย่างไร้ชีวิตชีวา อยากจะถามเขาเหลือเกินว่ากำลังจะไปจากตระกูลเฉิงแล้วใช่หรือไม่ แต่เมื่อคำพูดตีตื้นขึ้นอยู่ที่ริมฝีปากแล้ว นางกลับกลืนมันกลับลงไป เปลี่ยนคำถามใหม่ว่า “ท่านน้าฉือ ท่านกลับจินหลิงพร้อมกับพวกข้าใช่หรือไม่เจ้าคะ”

“ย่อมเป็นเช่นนั้น” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ “ในเมื่อข้าเป็นคนพาพวกเจ้ามา ก็ย่อมต้องพาพวกเจ้ากลับไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย!”

“แล้วหลังจากกลับไปแล้วเล่า” สุดท้ายโจวเสาจิ่นก็ทนไม่ได้ เบิกดวงตาโตใสแจ๋วดั่งน้ำพุในฤดูใบไม้ผลิพลางมองเฉิงฉือด้วยดวงตาที่เปี่ยมด้วยความคาดหวัง “ท่านยังจะออกไปอีกหรือไม่เจ้าคะ”

เฉิงฉือยิ้ม พลางกล่าว “เจ้าอยากไปเยี่ยมบิดาของเจ้าที่เป่าติ้งหรือ”

โจวเสาจิ่นรู้ว่าเฉิงฉือเข้าใจผิดแล้ว แต่นางยอมให้เฉิงฉือเข้าใจผิดเช่นนี้ดีกว่ายอมให้เฉิงฉือรู้ประสบการณ์อันเหลือเชื่อของนาง ดังนั้นนางจึงรีบกล่าวขึ้นว่า “หากท่านเดินทางผ่านเป่าติ้ง พาข้าร่วมทางไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ”

“เกรงว่าช่วงนี้ข้าคงยังไม่ได้ออกไปไหน” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ “ต้องรอให้ผ่านปีใหม่ไปก่อน หากธุระไม่เร่งรีบนัก และท่านยายกับบิดาของเจ้าอนุญาต ข้าก็พาเจ้าร่วมทางไปเป่าติ้งด้วยได้”

โจวเสาจิ่นยิ้มร่าพลางพยักหน้า

เฉิงฉือกลับรู้สึกว่าภายในใจของนางไม่ได้ดีใจอย่างที่นางแสดงออกมาภายนอก

เด็กคนนี้ต้องการทำอะไร และกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

ความคิดนี้ติดอยู่ในใจของเฉิงฉือได้ไม่นานก็มลายหายไป มีผู้ที่มาสักการะที่อยู่ข้างๆ กล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “พวกเจ้าอย่าคุยกันอีกเลย ฟังพระอาจารย์แสดงธรรมเถิด…เหตุใดถึงมีผู้ไม่เคารพพระพุทธองค์ถึงเพียงนี้อยู่ด้วย เวลาฟังธรรมก็ยังจะคุยกันอยู่ได้”

เฉิงฉือกับโจวเสาจิ่นรีบจบการสนทนา แล้วตั้งใจฟังท่านเจ้าอาวาสวัดแสดงธรรม

ธรรมที่ท่านเจ้าอาวาสแสดงในวันนี้คือตอนที่พระพุทธองค์สละร่างกายตัวเองเพื่อเป็นอาหารของนกอินทรี ตอนนี้เป็นตอนที่โจวเสาจิ่นเคยฟังมาแล้วไม่รู้กี่รอบทั้งชาติก่อนและชาตินี้ แต่ท่านเจ้าอาวาสแสดงธรรมได้เร้าความรู้สึกยิ่งนัก ทำให้คนดื่มด่ำเข้าไปอยู่ในเรื่องราวได้อย่างง่ายดาย

โจวเสาจิ่นเองก็นับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว

พระอาจารย์ผู้แสดงธรรมที่นางเคยพบล้วนเป็นผู้ที่ถนัดในการสั่งสอนอย่างเป็นกิจจะลักษณะตามแบบแผน แสดงธรรมด้วยน้ำเสียงเบาและอ่อนโยน ที่ผ่านมาไม่เคยพบพระอาจารย์ท่านใดที่แสดงธรรมอย่างเร่าร้อนเช่นนี้มาก่อน

เห็นได้ชัดว่าบนโลกนี้มีคนทุกประเภท เพียงแต่ว่าตนยังไม่เคยพบมาก่อนก็เท่านั้น

โจวเสาจิ่นครุ่นคิดอยู่ในใจ ในที่สุดนางก็ไม่ได้ง่วงเหงาหาวนอนอย่างเมื่อครู่นี้แล้ว

หลังจากฟังการแสดงธรรมจบแล้ว ท่านเจ้าอาวาสมากล่าวทักทายฮูหยินผู้เฒ่าด้วยตัวเองหลายประโยคแล้วค่อยเดินจากไป

พวกเขากลับไปพักผ่อนที่ห้องพักท่ามกลางสายตาชื่นชมระคนอิจฉาของฝูงชนที่มาสักการะ

หลังจากรับประทานอาหารเจอันหรูหราไปแล้ว เฉิงฉือก็ถูกท่านเจ้าอาวาสเชิญไปดื่มน้ำชาอีกครั้ง ส่วนโจวเสาจิ่นกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวนอนพักกลางวันไปครู่หนึ่ง กระทั่งตอนที่พวกนางตื่นขึ้นมา หีบสัมภาระต่างๆ ก็จัดเก็บจนเกือบจะเสร็จแล้ว

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจิบชาที่สื่อมามายกมาให้พลางกล่าวเสียงเคร่งขรึมว่า “ข้าว่าพวกเราอาจต้องบริจาคเงินค่าธูปและเทียนให้วัดฝาอวี่อีกสักหน่อย สมทบทุนช่วยพวกเขาสร้างวิหารมหาเทพให้แล้วเสร็จ”

โจวเสาจิ่นเหงื่อตก

สื่อมามาไปเชิญเฉิงฉือเข้ามา

เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “การช่วยพวกเขาสร้างวิหารมหาเทพไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพียงแต่ว่ามนุษย์ที่ไม่รู้จักพอก็เหมือนกับงูที่ปรารถนาจะกลืนกินช้าง หากพวกเรารับปากง่ายเกินไป ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจอยากจะสร้างวิหารอรหันต์ขึ้นอีกหลังหนึ่งก็เป็นได้…เรื่องนี้ท่านอย่าได้ใส่ใจเลย ปล่อยให้ข้าเป็นผู้จัดการก็พอแล้ว ข้ารับรองว่าจะให้พวกเขาสลักชื่อของท่านเอาไว้บนศิลาผู้บริจาคเป็นชื่อแรกแน่นอนขอรับ”

“เจ้าเด็กคนนี้” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวอย่างเคืองๆ “ข้าทำเพื่อศิลาผู้บริจาคนั่นหรืออย่างไร ข้าทำเพื่ออยากขอให้พระพุทธองค์อำนวยพรและปกปักรักษาพวกเจ้าสามพี่น้องให้สุขสงบและราบรื่น คุ้มครองให้สวี่เกอเอ๋อร์และรั่งเกอเอ๋อร์อยู่ดีมีสุข ได้แต่งงานกับสะใภ้ที่มีคุณธรรมและมีเหตุผล…แล้วก็ขอให้พระพุทธองค์อำนวยพรให้เสาจิ่นของพวกเราได้แต่งงานกับสามีที่ปรารถนา!”

โจวเสาจิ่นเขินจนหน้าแดงเรื่อ กล่าวประโยคหนึ่งว่า “ข้าจะไปดูสักหน่อยว่าพวกชุนหว่านเก็บของกันเสร็จแล้วหรือยังนะเจ้าคะ” แล้วก็รีบวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว

ตอนที่ 196 หนิงโป 1

ตอนที่ 196 หนิงโป 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน