เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 198

“จริงด้วย!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวขานรับไปอย่างส่งๆ หยิบเพชรเม็ดนั้นขึ้นมาดูอย่างละเอียด พลางกล่าว “ฮูหยินชราคนไหนบ้างไม่มีสมบัติตกทอด ข้าสวมใส่ออกไปก็ไม่ได้พิเศษอะไร แต่หลานสาวสามคน หลานชายสองคน ยังมีบุตรสะใภ้อีกสองคนของข้า…อ้อ ถึงแม้บุตรชายคนเล็กจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่อะไรที่เขาควรได้ก็ไม่อาจละเว้นเขาได้ เจ้าว่าใช่เหตุผลนี้หรือไม่ ชายสี่!” ขณะที่กล่าวฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็เงยหน้าขึ้นมา กลับพบว่าเฉิงฉือที่เดิมทีนั่งอยู่ข้างๆ ตัวเองนั้นตอนนี้กลับไม่เห็นร่องรอยแล้ว

นางพลันร้อนใจ ยืดคอมองไกลออกไป เห็นเฉิงฉือยืนอยู่ข้างๆ โจวเสาจิ่น

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มน้อยๆ เห็นเฉิงฉือหยิบที่ติดผมลูกปัดทรงดอกไม้ชิ้นหนึ่งขึ้นมาจากกลุ่มปิ่นปักผมแก้วที่โจวเสาจิ่นเลือกเอาไว้แล้วมองสำรวจอยู่หลายครั้ง กล่าวขึ้นว่า “ลูกปัดสีเขียวเข้มนี้เขียวใส คนที่ไม่รู้อาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นหยก สายตาเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว”

โจวเสาจิ่นหน้าแดงเล็กน้อย กล่าวขึ้นว่า “ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าสวยดีก็เท่านั้นเจ้าค่ะ”

เฉิงฉือยิ้มพลางพยักหน้า กล่าวกับเสมียนที่คอยรับรองอยู่ข้างๆ ว่า “ปิ่นปักผมแก้วที่คุณภาพดีหน่อยในร้านของพวกเจ้าอยู่ที่นี่หมดแล้วหรือ”

เสมียนผู้นั้นคิดว่าเฉิงฉือไม่ชอบใจเนื่องจากคุณภาพไม่ดี จึงรีบกล่าวว่า “ถึงแม้แก้วนี้จะเป็นของที่มาจากดินแดนตะวันตก แต่ตอนนี้ภายในประเทศก็ทำออกมาได้แล้ว บรรดาฮูหยินทั้งหลายต่างสวมใส่มันเป็นของแปลกใหม่เท่านั้น สวมใส่วันนี้ ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้ก็มอบให้ผู้อื่นแล้วก็เป็นได้ ร้านของพวกข้าจึงให้ความสำคัญกับรูปแบบของมันเป็นหลัก สำหรับของที่มีค่ากว่านี้ จะให้ความสำคัญกับเพชรพลอยกว่าร้อยชนิดเป็นหลัก หลายวันก่อนร้านของพวกข้าได้ปะการังสีแดงมาชิ้นหนึ่ง เนื่องจากรูปทรงไม่ดี ไม่อาจนำไปทำกระถางเผินจิ่ง[1]ได้ จึงเชิญช่างใหญ่จากร้านหย่งฟู่เซิ่งมาช่วยแกะสลัก ได้ปิ่นปักผมสองคู่ ที่ติดผมลูกปัดดอกไม้สี่คู่ ตุ้มหูสี่คู่ สร้อยลูกประคำสิบแปดเม็ดหนึ่งเส้น สร้อยลูกประคำหนึ่งร้อยแปดเม็ดอีกหนึ่งเส้น ท่านต้องการดูสักหน่อยหรือไม่ ลูกปัดของสร้อยลูกประคำหนึ่งร้อยแปดเม็ดเส้นนั้นแต่ละเม็ดมีขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลือง…”

เฉิงฉือยิ้มพลางกล่าวตัดบทคำพูดของเสมียนผู้นั้นว่า “แสดงว่า ลูกปัดของสร้อยลูกประคำสิบแปดเม็ดที่ร้านหย่งฟู่เซิ่งเอาไปเส้นนั้นอย่างน้อยก็น่าจะมีขนาดเท่าเม็ดบัวกระมัง”

เสมียนผู้นั้นยิ้มแหย กล่าวขึ้นว่า “ท่านช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ข้าเพียงเปรยท่านก็คาดเดาได้ถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ตาม ลูกปัดของสร้อยลูกประคำหนึ่งร้อยแปดเม็ดที่พวกข้าเก็บเอาไว้นั้นทุกเม็ดล้วนมีขนาดเท่ากันทั้งหมด ไม่มีตำหนิใดๆ เลย…”

เฉิงฉือกล่าวตัดบทคำพูดของเสมียนผู้นั้นอีกครั้งว่า “เช่นนั้นเจ้านำเครื่องประดับที่ทำจากปะการังสีแดงชิ้นนั้นออกมาให้ข้าดูสักหน่อยก็แล้วกัน”

เสมียนผู้นั้นรีบสั่งเด็กฝึกข้างกายไปแจ้งให้หลงจู๊รองผู้ดูแลห้องเก็บของทราบ

ไม่นาน เด็กฝึกก็ยกถาดสีดำปูด้วยผ้ากำมะหยี่สีขาวเข้ามา ด้านบนมีปิ่นปักผมสองคู่ ที่ติดผมลูกปัดทรงดอกไม้สองคู่ ตุ้มหูสองคู่และสร้อยลูกประคำหนึ่งร้อยแปดเม็ดอีกเส้นวางอยู่

สายตาของโจวเสาจิ่นพลันถูกดึงดูดด้วยสร้อยลูกประคำหนึ่งร้อยแปดเม็ดเส้นนั้น

ถึงแม้ลูกปัดของสร้อยลูกประคำเส้นนั้นจะไม่ใหญ่ แต่สีสว่างสดใส เป็นมันแวววาว และชุ่มชื้นอย่างที่ผู้คนชื่นชอบ ทำให้คนเห็นแล้วอยากจะเอามือไปลูบ

นางอดคิดไม่ได้ว่า ถั่วคิดถึงที่อยู่ในตำนานเรื่องเล่านั้นมีลักษณะเช่นนี้ใช่หรือไม่

เฉิงฉือเห็นแล้วก็กล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “สร้อยลูกประคำเส้นนี้งดงามนัก แต่ว่าฮูหยินผู้เฒ่ามีอายุแล้ว ถึงแม้สร้อยลูกประคำเส้นนี้จะดีทว่าเม็ดลูกปัดเล็กเกินไป ไม่ค่อยเหมาะกับฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูรอง ข้าว่าน่าจะเหมาะกับเจ้าพอดี…เจ้าน่าจะซื้อมัน คุณภาพเช่นนี้กับราคานี้ไม่มีให้พบเห็นบ่อยนัก ซื้อกลับไปเป็นสมบัติตกทอดให้ลูกหลานก็ไม่เสียหาย”

โจวเสาจิ่นนับถือศาสนาพุทธ เดิมทีก็ชื่นชอบสร้อยลูกประคำอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นยังแกะสลักมาจากปะการังสีแดงที่พบเห็นได้ยากประเภทนี้อีก

นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “ฟังจากน้ำเสียงของท่านน้าฉือแล้ว แสดงว่าซื้อลูกปัดประเภทนี้จากที่นี่ถูกกว่าซื้อที่จินหลิงไม่น้อยเลยใช่หรือไม่เจ้าคะ”

สตรีล้วนแล้วแต่มีพรสวรรค์ในการพูดทุกคนใช่หรือไม่

ฟังจากน้ำเสียงนี้แล้ว ไม่ถามตรงๆ ว่าลูกปัดนี้ราคาเท่าไร เพราะเช่นนั้นจะทำให้ดูเป็นโลกทัศน์คับแคบ แล้วก็ไม่ถามว่าลูกปัดนี้ราคาถูกมากใช่หรือไม่ เพราะมันอาจทำให้เสมียนของร้านรู้สึกว่าเจ้าเป็นคนใช้จ่ายไม่เป็น แล้วจะตั้งราคาสูงลิ่ว แต่เป็นการนำเอาราคาของที่นี่ไปเปรียบเทียบกับราคาของจินหลิง เช่นนี้สร้างหลุมพรางได้อันหนึ่ง ถ้าหากเสมียนต้องการขายลูกปัดนี้ออกไป จำต้องตั้งราคาตามมาตรฐานราคาของเมืองจินหลิงเสียแล้ว

เสมียนผู้นั้นไม่รอให้เฉิงฉือได้กล่าวอะไรก็รีบกล่าวขึ้นก่อนอย่างร้อนรนว่า “ไม่ว่าจะเป็นเมืองจินหลิงก็ดี เมืองหังโจวก็ดี ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกข้าที่เป็นคนจัดหาสินค้าไปให้ ดังนั้นราคาของที่นี่จึงถูกกว่าของที่จินหลิงมากนักขอรับ”

โจวเสาจิ่นเองก็ไม่ถามราคา ยิ้มพลางมองเสมียนผู้นั้น ด้วยท่าทางที่บอกว่ารอเจ้าพูดให้จบ

เสมียนผู้นั้นจึงกล่าวขึ้นว่า “ลูกปัดที่คุณภาพดีเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรที่เมืองจินหลิงก็ต้องขายในราคาสองร้อยสองเหลี่ยงต่อหนึ่งเส้น สำหรับของพวกข้าที่ที่อย่างมากที่สุดก็ราคาหนึ่งร้อยยี่สิบเหลี่ยงขอรับ…”

โชคดีที่ตนนำเงินมาสองร้อยเหลี่ยง

โจวเสาจิ่นคิดคำนวณอยู่ในใจ

ซื้อสร้อยลูกประคำราคาหนึ่งร้อยยี่สิบเหลี่ยง ยังเหลืออีกแปดสิบเหลี่ยง พอให้ซื้อปิ่นปักผมแก้วกลับไปได้หลายชิ้น

นางเอ่ยถามขึ้นยิ้มๆ ว่า “ที่ข้านำมาด้วยเป็นตั๋วเงิน ร้านของพวกเจ้ารับหรือไม่”

“รับขอรับ!” เสมียนผู้นั้นราวกับกลัวว่าตั๋วเงินใบนั้นจะหลุดลอยหายไปก็ไม่ปาน กล่าวขึ้นอย่างร้อนรน “พวกข้ายังช่วยแลกเป็นทองให้ลูกค้าได้อีกด้วย”

โจวเสาจิ่นวางใจลงมาได้ ก็เห็นเฉิงฉือหยิบปิ่นปักผมแก้วที่วางอยู่บนถาดข้างๆ ขึ้น ปิ่นปักผมที่นางอุตส่าห์เลือกอย่างยากลำบากมาครึ่งค่อนวันกองรวมกันหมดแล้ว

“ท่านน้าฉือ!” โจวเสาจิ่นกล่าวขึ้นอย่างเคืองๆ

เฉิงฉือไม่แม้แต่จะมองนางเลยสักครั้ง กล่าวกับเสมียนผู้นั้นว่า “ไปขอถุงจากหลงจู๊ใหญ่ของพวกเจ้ามาหลายใบหน่อย แล้วห่อปิ่นปักผมแก้วเหล่านี้ พวกข้าเอาทั้งหมดนี้”

ได้อย่างไรกัน

ให้นางจ่ายเอง ตอนนี้นางก็จ่ายไม่ไหว แต่ถ้าให้ท่านน้าฉือช่วยจ่ายให้นาง…ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและท่านน้าฉือเมตตานางมามากแล้ว นางไม่อาจทำตัวได้คืบจะเอาศอก

โจวเสาจิ่นกระโดดพรวดขึ้นมา

แต่ใครจะรู้ว่าเฉิงฉือจะหมุนข้อมือชี้ไปยังเครื่องประดับปะการังที่เหลืออยู่เหล่านั้น แล้วกล่าวขึ้นว่า “พวกนี้ทั้งหมดด้วย พวกข้าก็เอาด้วยเหมือนกัน”

โจวเสาจิ่นอ้าปากค้างพูดไม่ออก

เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้ารู้ว่าปิ่นปักผมแก้วเคลือบเหล่านั้น มีบางชิ้นที่เจ้าไม่ถูกใจ ชิ้นที่คุณภาพไม่ดี เจ้าก็ใช้เป็นของรางวัลมอบให้บ่าวสูงวัยที่รับใช้งานทั่วไปเหล่านั้นได้”

ตนไม่ได้หมายความถึงเรื่องนี้สักหน่อย…

โจวเสาจิ่นคิดอย่างหดหู่

ช่างเถิด ท่านน้าฉือพูดแล้วว่าซื้อพวกนี้ทั้งหมดแล้ว หากนางไม่เห็นด้วยจะไม่เป็นการไปหักหน้าท่านน้าฉือหรอกหรือ

เช่นนั้นก็ให้ท่านน้าฉือช่วยออกเงินให้นางก่อน รอกลับถึงร้านตั๋วเงินแล้วนางค่อยไปยืมเงินของจี๋อิ๋งมาคืนท่านน้าฉือก็แล้วกัน

กระทั่งตอนที่โจวเสาจิ่นเห็นฉินจื่อผิงช่วยจ่ายเงินค่าของที่กองอยู่ตรงหน้านางเป็นจำนวนเงินสี่ร้อยกว่าเหลี่ยงนั้น นางก็ยิ่งดูย่ำแย่ หลังจากนั้นไม่ว่าทำอะไรนางก็ดูไร้ชีวิตชีวาไปหมด

ตอนที่ 198 สิ่งของ 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน