โจวเสาจิ่นอดถามไม่ได้ “ท่านน้าฉือ ท่านติดธุระไม่อาจไปเป็นเพื่อนพวกข้าหรือเจ้าคะ”
เฉิงฉือยิ้มพลางกล่าว “เจิ้งซื่อกับฟางซินถงยังตามพวกเราแจประหนึ่งเป็นหาง ข้าคงไม่อาจให้พวกเขาติดตามพวกเราตลอดทางจนกลับเมืองจินหลิงได้หรอกกระมัง”
นี่ก็นับว่าเป็นเรื่องจริง
โจวเสาจิ่นไม่ได้เอ่ยถามอะไรมากอีก
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับนัยน์ตาลุกวาบเล็กน้อย
บุตรชายคนนี้ของนางแต่ไรมายามทำอะไร ก็ไม่เคยอธิบายให้ผู้อื่นทราบ กล่าวอธิบายให้ผู้อื่นเช่นนี้ มีความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น เขามีอะไรบางอย่างต้องการปิดบังพวกนางเอาไว้ ดังนั้นจึงใช้เจิ้งซื่อกับฟางซินถงมาเป็นข้ออ้าง
นางยิ้มพลางกวักมือเรียกโจวเสาจิ่น กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เสาจิ่น ข้าอยากจะเลือกของฝากให้ท่านยายของเจ้าสักหน่อย เจ้ามาช่วยข้าเลือกดูว่าของชิ้นใดเหมาะสมบ้าง”
โจวเสาจิ่นขานรับ แล้วช่วยประคองฮูหยินผู้เฒ่ากัว
หางตาของเฉิงฉือเหลือบเห็นไหวซานเดินเข้ามา มือกอดอก เลือกยืนเงียบๆ อยู่ในมุมหนึ่ง
เขาเดินเข้าไปหาอย่างไร้สุ้มเสียง
ไหวซานกล่าวเสียงเบา “นายท่านสี่ ตรวจสอบได้แล้วขอรับ เซียวเจิ้นไห่มาหาเจี่ยงชิ่นขอรับ”
เจี่ยงชิ่นเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของกลุ่มเดินสมุทรที่รักษาการณ์อยู่ที่หังโจวตลอดทั้งปี
เฉิงฉือพยักหน้าเล็กน้อย
ไหวซานเดินออกจากร้านค้าอย่างเงียบๆ
หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงที่หอฟู่หยวนเรียบร้อยแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวตัดสินใจเดินซื้อของต่อ
ตอนบ่าย พวกโจวเสาจิ่นซื้อของอีกหนึ่งกอง ทั้งหมดเสียเงินไปไม่ถึงสิบเหลี่ยง แต่พวกบ่าวเด็กกับสาวใช้เด็กที่ติดตามมาด้วยกลับถือของเต็มไม้เต็มมือ ราวกับหอบถนนย่านการค้าทั้งเส้นนี้กลับมาด้วยก็ไม่ปาน
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเห็นแล้วก็หัวเราะฮ่าๆ แล้วเร่งให้เฉิงฉือไปงานเลี้ยงต้อนรับที่หอฟู่หยวน ส่วนตนพาโจวเสาจิ่นกลับไปร้านตั๋วแลกเงินอวี้ไท่สาขาหนิงโป
มื้อเย็นที่ร้านตั๋วแลกเงินยังคงตั้งเอาไว้ใต้ต้นกุ้ยฮวา บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารอันโอชะ ทว่าช่วงบ่ายของสองสามวันมานี้ตอนที่ไปซื้อขนมทานเล่นโจวเสาจิ่นลองชิมไปไม่น้อย ทุกคนต่างยังคงรู้สึกอิ่มกันอยู่ จึงชิมกับข้าวไปเพียงอย่างละนิดอย่างละหน่อยแล้ววางตะเกียบลง
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มกล่าวว่า “ประเดี๋ยวพวกเจ้าทุกคนไปเดินเล่นในลานเป็นเพื่อนข้า ย่อยอาหารสักหน่อย ไม่เช่นนั้นตอนกลางคืนจะต้องมีคนที่ปวดท้องเป็นแน่”
เจินจูได้รับตำรับยาของเฉิงฉือ ตอนที่อยู่เขาผู่ถัวก็พักอยู่บนฝั่งถึงสองวัน ตอนนี้ร่างกายฟื้นคืนดีเหมือนเดิมแล้ว จึงยิ่งให้ความสำคัญกับวิธีดูแลรักษาสุขภาพ พอได้ยินคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่ากัวแล้ว นางรีบกล่าวยิ้มๆ ว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูรอง ข้าชงชาเหล่าจวินเหมย[1]ให้พวกท่านสักกาหนึ่งดีหรือไม่เจ้าคะ ชานั้นรสอ่อน เหมาะแก่การดื่มหลังรับประทานอาหารเป็นที่สุดเจ้าค่ะ”
“ดี!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มตอบ “ดื่มชาแล้ว พวกเราค่อยไปเดินย่อยอาหารที่ลานบ้านกัน”
ทุกคนต่างยิ้มพลางขานรับ บางคนไปชงชา บางคนไปเก็บโต๊ะ แม้จะวุ่นวายอยู่บ้าง แต่กลับเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้ว บรรยากาศครื้นเครงยิ่งนัก
จี๋อิ๋งอ้าปากหาวพลางเดินออกมาจากห้องข้าง
ปี้อวี้ผู้มีสายตาแหลมคม เป็นคนแรกที่เห็นนาง รีบยิ้มพลางเอ่ยทักทาย
จี๋อิ๋งที่เพิ่งจะตื่นนอน และยังรู้สึกงัวเงียอยู่ พอได้สติแล้วกลับเห็นคนเต็มลาน อีกทั้งฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็อยู่ด้วยเช่นกัน นางอดรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อยไม่ได้ ยิ้มพลางก้าวออกมาทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่ากัวอย่างขัดเขิน
โจวเสาจิ่นอยู่ที่เรือนหานปี้ซานมานานพักหนึ่งแล้ว รู้ดีว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวปฏิบัติกับข้ารับใช้ข้างกายอย่างใจดีเป็นที่สุด แต่ก็เข้มงวดเรื่องกฎระเบียบยิ่ง ขอเพียงเจ้ารักษากฎเกณฑ์ หากกระทำผิดเรื่องเล็กน้อยอะไรก็เพียงตักเตือนสั่งสอนครั้งหนึ่ง แต่ถ้าหากเจ้าไม่รักษากฎเกณฑ์ ต่อให้เก่งกาจมากความสามารถเพียงใด ก็เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เฉกเช่นจี๋อิ๋งที่นอนหลับจนตะวันขึ้นสายโด่ง ซ้ำยังออกจากห้องมาด้วยผมเผ้ายุ่งเหยิง ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ่ง
นางรีบแก้ตัวแทนจี๋อิ๋ง เอ่ยว่า “ตอนเช้าข้าส่งคนไปชวนเจ้าไปเดินเที่ยวที่ถนนย่านการค้า เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัวสักเท่าใด ตอนนี้อาการดีขึ้นบ้างหรือยัง พวกเราล้วนไม่ได้อยู่บ้าน ตอนกลางวันเจ้าได้รับประทานมื้อเที่ยงหรือไม่ ไฉนในห้องของเจ้าถึงไม่มีสาวใช้เด็กคอยปรนนิบัติ ถึงได้ตื่นขึ้นแล้วก็วิ่งออกมาเช่นนี้ อยากดื่มน้ำหรือดื่มชาสักหน่อยหรือไม่”
ในตระกูลเฉิง สาวใช้ใหญ่ที่เป็นหน้าเป็นตาล้วนมีสาวใช้เด็กสองสามคนที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งงานคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกาย ประการแรกก็เพื่อเป็นการสอนงานสาวใช้เด็กไปในตัว ภายหน้ายามที่ไปรับใช้ผู้เป็นนายจะได้คล่องแคล่วไม่ทำผิดพลาดอะไรประหนึ่งขับเกวียนเบาบนถนนที่คุ้นทาง ประการที่สองก็เพื่อแบ่งเบางานของบรรดาสาวใช้ใหญ่ ทำให้สาวใช้ใหญ่ทั้งหลายมีเวลาไปปรนนิบัติรับใช้ผู้เป็นนายมากขึ้น
อันที่จริงชุนหว่านได้ส่งคนไปชวนไปนางเดินเที่ยวถนนย่านการค้าด้วยกันจริง สิ่งที่นางตอบไปในตอนนั้นคือ ไม่สนใจ พวกเจ้าไปเดินเที่ยวกันเองเถิด แต่ครั้นถ้อยคำถึงริมฝีปากของโจวเสาจิ่นแล้วกลับกล่าวออกมาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
นางอดเผยสีหน้างงงวยออกมาไม่ได้
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเห็นแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เอ่ยถามจี๋อิ๋งอย่างเป็นมิตรว่า “เจ้านอนหลับดีหรือไม่ ข้าได้ยินชายสี่กล่าวว่าหลายวันมานี้ทางฝั่งสตรีนี้ล้วนเป็นเจ้าที่พาบ่าวหญิงรูปร่างกำยำสองสามคนมาเดินลาดตะเวนตอนกลางคืน ลำบากเจ้าแล้ว ข้าซื้อของฝากเล็กๆ น้อยๆ จากถนนฟู่หยวนมาให้ ประเดี๋ยวจะให้สื่อมามาเอาไปมอบให้เจ้า…”
โจวเสาจิ่นรีบหุบปาก
แย่แล้ว!
นางประจบประแจงไม่ถูกที่ จนปล่อยไก่เสียแล้ว!

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน