เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 200

โจวเสาจิ่นนั่งเท้าคางอยู่หน้าโต๊ะกลมพลางมองเครื่องประดับแวววาวที่วางเต็มเตียงเสมือนตกอยู่ในภวังค์

ลูกประคำและปิ่นปักผมลูกปัดดอกไม้ที่ทำจากปะการังสีแดง กับปิ่นปักผมแก้วเหล่านั้นเฉิงฉือเป็นผู้มอบให้ ส่วนเพชรนั้นฮูหยินผู้เฒ่ากัวเป็นผู้มอบให้ ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยังจุดตะเกียงฉางหมิงให้นางที่วัดฝาอวี่บนเขาผู่ถัว และยังออกค่าอาหารกับเสื้อผ้าให้ตลอดทาง…นางติดหนี้บุญคุณฮูหยินผู้เฒ่ากัวกับท่านน้าฉือมากมายเหลือเกิน!

นี่จะให้นางตอบแทนอย่างไรดี!

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวบอกให้นางอย่าลืมคุณงามความดีของนาง นางจะลืมได้อย่างไรเล่า

หากว่าไม่มีฮูหยินผู้เฒ่า นางก็เป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ใต้ชายคาของผู้อื่นในซอยจิ่วหรูเท่านั้น

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเคยกล่าวว่า หากรู้สึกสำนึกในบุญคุณของนาง ยามว่างก็ให้ทำผ้าโพกศีรษะสักผืนหรือเสื้อชั้นในสักตัวให้นาง แต่ต่อให้นางเย็บปักสิ่งของให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไปตลอดทั้งชีวิตก็คงตอบแทนบุญคุณได้ไม่หมด!

โจวเสาจิ่นยิ้มขมขื่นอย่างช่วยไม่ได้ เรียกชุนหว่านเข้ามา กล่าวว่า “เจ้ากับปี้เถาเก็บของทั้งหมดเอาไว้ให้ดี เครื่องประดับที่ทำจากปะการังสีแดงเหล่านี้ข้าจะนำกลับไปมอบให้พวกท่านยายกับพี่สาว ส่วนปิ่นปักผมแก้วเหล่านี้จะมอบให้พวกฉือเซียง เจ้าดูว่าพอหรือไม่ ยังต้องซื้อเพิ่มอีกเท่าไร รอให้ถึงเมืองหังโจว พวกเราค่อยซื้อหวีสับกับผ้าดิ้นเงินดิ้นทองจำพวกนั้นเพิ่มอีกสักหน่อย สรุปแล้วยอมซื้อเกินแต่ไม่อาจให้ขาดของของผู้ใดไปได้ อย่าให้การมอบของขวัญกลายเป็นการมอบความขัดแย้งไปได้”

ชุนหว่านยิ้มพลางรับคำ แล้วไปบันทึกของแต่ละชิ้นกับปี้เถา

โจวเสาจิ่นไปหาจี๋อิ๋ง

จี๋อิ๋งสวมเสื้อคอป้ายกับกางเกงเฉกเช่นที่บุรุษสวมใส่ คาดผ้าคาดเอวเอาไว้ กำลังสนทนาอยู่กับบ่าวหญิงรูปร่างอ้วนท้วมคนหนึ่ง ครั้นเห็นโจวเสาจิ่นมาหานาง ก็รู้สึกประหลาดใจยิ่ง พานางเข้าไปในห้องเพื่อดื่มน้ำชา กล่าวว่า “ดึกดื่นถึงเพียงนี้แล้ว เจ้ามีเรื่องเร่งด่วนอะไรหรือเปล่า”

โจวเสาจิ่นถือจอกชาพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นกระบี่ล้ำค่าเล่มนั้นที่เดิมทีควรแขวนอยู่ในห้องของจี๋อิ๋ง นางก็อดถามอย่างสนอกสนใจไม่ได้ว่า “เจ้าเป็นผู้มีวิทยายุทธ์ใช่หรือไม่ เป็นเหมือนจอมยุทธ์ที่จารึกเอาไว้ในบันทึกเหล่านั้น เหาะเหินเดินบนกำแพง และข้ามแม่น้ำได้ด้วยอ้อเพียงลำเดียว”

จี๋อิ๋งลังเลไปชั่วขณะหนึ่ง กล่าวยิ้มๆ “ข้าเป็นผู้มีวิทยายุทธ์ เป็นวิชาที่สืบทอดกันมาในตระกูล เพียงแต่ว่าไม่ได้มหัศจรรย์เหมือนที่บันทึกเอาไว้ในตำราขนาดนั้น”

แม้เป็นเช่นนี้ โจวเสาจิ่นก็รู้สึกว่าน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนักแล้ว

สายตาที่นางมองจี๋อิ๋งเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมนับถือ “เจ้าเก่งกาจยิ่งนัก! ไม่แปลกเลยที่เจ้าไม่กลัวท่านน้าฉือ ซ้ำยังฟันแขนของเจียวจื่อหยางขาดได้ด้วยกระบี่เดียว ข้าควรจะคิดได้ตั้งนานแล้วถึงจะถูก เจ้าช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! สำหรับเด็กสาวที่ฝึกยุทธ์นั้นเป็นเรื่องลำบากมากมิใช่หรือ พ่อแม่ยอมให้เจ้าฝึกยุทธ์ได้อย่างไร ข้าได้ยินคนกล่าวกันว่ากลุ่มเดินสมุทรส่วนใหญ่เป็นพวกนอกกฎหมาย พวกเขาก็มีผู้ที่มีทักษะวิทยายุทธ์เก่งกาจมากมายเหมือนกันใช่หรือไม่ เจ้าเป็นสตรีคนเดียว หากจัดการคนคนเดียวคงไม่เป็นไร แต่หากว่ามีหลายคนคงไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ด้วยได้หรอกกระมัง ถึงแม้ข้าจะเห็นว่าเจ้าเป็นผู้มีวิทยายุทธ์ แต่อย่าไปปะทะกับพวกเขาซึ่งๆ หน้าจะดีกว่า หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกพวกเขารุมโจมตี ท่านน้าฉือน่าจะรู้เรื่องที่เจ้าเป็นผู้มีวิทยายุทธ์เหมือนกันกระมัง หาไม่แล้วเขาก็คงไม่ให้เจ้านำบ่าวหญิงเหล่านั้นเดินลาดตะเวนตอนกลางคืน สองสามวันมานี้ข้ายังกระเซ้ากระซี้ให้เจ้าไปเดินเที่ยวถนนย่านการค้าอีก รบกวนการหลับนอนของเจ้าหรือเปล่า ท่านน้าฉือบอกว่า พรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางไปหังโจวแต่เช้า เจ้าบอกว่าอยากจะไปชมปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงมิใช่หรือ ถึงเวลานั้นเจ้าได้ไปด้วยกันหรือไม่ อยากจะขอให้ท่านน้าฉือสับเปลี่ยนคนมาเข้าเวรตอนกลางคืนสักคนแทนหรือไม่…”

โจวเสาจิ่นพูดพล่ามไม่หยุด ยิ่งพูดก็ยิ่งยาว

จี๋อิ๋งกุมหน้าผากอย่างอดไม่ได้ กล่าวว่า “คุณหนูรอง เรื่องของข้าท่านน้าฉือของเจ้าล้วนทราบเป็นอย่างดี ครั้งนี้ได้ติดตามพวกท่านมาหังโจวด้วย เหตุผลที่ท่านน้าฉือของเจ้าพาข้ามาด้วย ก็เป็นเพราะเห็นว่าข้าเป็นผู้มีวิทยายุทธ์ นำบ่าวหญิงเฝ้าเวรกลางคืนได้ ปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงที่แม่น้ำเฉียนถังแม้เป็นปรากฏการณ์ที่อัศจรรย์ยิ่งแต่ก็อันตรายมากเช่นกัน ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้เคยมีคนถูกคลื่นน้ำซัดกลืนหายลงไป ดังนั้นตอนที่เขาพาพวกเจ้าไปชมปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงที่แม่น้ำเฉียงถัง จะต้องพาข้าไปด้วยอย่างแน่นอน เจ้าวางใจได้” นางกลัวว่าโจวเสาจิ่นจะซักถามไปเรื่อยๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น จากนั้นก็ถามจี้จนถูกประเด็นเอาได้ จึงกล่าวว่า “เจ้ามาหาข้าดึกดื่นถึงเพียงนี้ด้วยเรื่องอะไรหรือ”

ดวงหน้าของโจวเสาจิ่นขึ้นสีแดงเรื่อ กระซิบกล่าวอย่างเก้อเขิน “ข้า…ข้าพกเงินมาไม่พอ เจ้าให้ข้ายืมตั๋วเงินสักหน่อยได้หรือไม่ เมื่อข้ากลับไปจะคืนให้เจ้า! จริงๆ นะ ข้ากลับไปจะคืนให้เจ้า!” เกิดเป็นคนมาสองชาติ นางยังไม่เคยขอยืมเงินจากผู้อื่นเลยสักครั้ง ประโยคสุดท้าย นางอดให้คำมั่นสัญญาเป็นการรับประกันไม่ได้

จี๋อิ๋งเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “ตอนที่เจ้าซื้อของท่านน้าฉือของเจ้าไม่ได้จ่ายเงินให้เจ้าอย่างนั้นหรือ นายท่านสี่ไม่น่าจะเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวถึงเพียงนั้น!”

“เขาจ่ายเงินให้ข้าแล้ว” โจวเสาจิ่นยิ่งรู้สึกเขินอาย กดเสียงให้ต่ำลงอีกหลายส่วน กล่าวว่า “แต่ข้าจะให้เขาจ่ายเงินให้ข้าทุกๆ ครั้งก็คงไม่ดีนัก เดิมทีข้าคิดว่า จะคืนเงินที่เขาจ่ายค่าของให้ข้าก่อน จากนั้นก็ยืมเงินเจ้าสักหน่อยเพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน ปรากฏว่าท่านน้าฉือซื้อของราวกับไม่ต้องจ่ายเงินอย่างไรอย่างนั้น นี่แค่วันแรก หากไม่ใช่เพราะท่านน้าฉือช่วยจ่ายเงินให้ ข้าเกรงว่าต่อให้ใช้เงินที่พกมาจากบ้านจนหมดก็ไม่ยังพอ…”

จี๋อิ๋งเข้าใจแล้ว นางเอ่ยขึ้นว่า “ข้าพกเงินมาห้าร้อยเหลี่ยง ให้เจ้ายืมสักสี่ร้อยเหลี่ยงพอหรือไม่”

โจวเสาจิ่นลอบตกใจ

จี๋อิ๋งร่ำรวยยิ่งนัก!

เงินจำนวนมากเช่นนี้ ซื้อที่ดินได้เลยทีเดียว

แต่เนื่องจากเคยเห็นว่าเฉิงฉือซื้อของอย่างไรแล้ว โจวเสาจิ่นกลับไม่ค่อยแน่ใจนักว่าเงินจำนวนนี้จะเพียงพอหรือไม่

สิ่งสำคัญที่สุดคือ หลังจากที่นางตกรางวัลให้ฝานฉีไป ก็ไม่เหลือเงินในมือมากนักแล้ว ต่อให้จี๋อิ๋งจะให้นางยืมเงินอย่างใจกว้างเพียงนี้ แต่เมื่อกลับไปนางก็ยังต้องคืนเงินให้จี๋อิ๋งอยู่นี่นา!

“เจ้าให้ข้ายืมสักหนึ่งร้อยเหลี่ยงก็พอ” โจวเสาจิ่นตัดสินใจว่าวันต่อๆ ไปจะควบคุมจิตใจของตนเองให้ซื้อของให้น้อยลงสักหน่อย

จี๋อิ๋งครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “ให้เจ้ายืมสองร้อยเหลี่ยงก็แล้วกัน! ท่านพ่อของข้าเคยกล่าวว่า เงินคือความกล้าหาญของคน หากมีเงินติดตัว เจ้าก็จะรู้สึกกล้าหาญขึ้นเล็กน้อย”

“ก็ได้” โจวเสาจิ่นไม่ได้กล่าวแย้งจี๋อิ๋ง ขอเพียงตนไม่ใช้เงินมากถึงเพียงนั้นก็พอ

จี๋อิ๋งไปหยิบเงินมาให้นาง ตั๋วเงินทั้งหมดเป็นตั๋วเงินสิบเหลี่ยง มัดเอาไว้เป็นหนึ่งมัดหนาๆ

โจวเสาจิ่นจดจำความรู้สึกซาบซึ้งใจนี้ไว้ในใจ

ตอนที่ 200 หังโจว 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน