เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 219

นี่เป็นการวางท่าโอ้อวดอย่างเปิดเผย!

ตื้นเขินจนทำให้คนไม่อาจทนมองตรงๆ ได้เลยทีเดียว!

เฉิงฉือตะลึงงัน

เขาโตมาถึงเพียงนี้เพิ่งจะเจอคนที่พูดจาและประพฤติตัวอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยมเช่นนี้ต่อหน้าเขาเป็นครั้งแรก

ไม่สิ นี่ก็ไม่ถือว่าเป็นครั้งแรก

ตอนที่เขาเพิ่งจะเริ่มทำมาค้าขายกับผู้อื่น บางครั้งบรรดาพ่อค้าที่มีพื้นเพต่ำต้อยเหล่านั้นก็จะประพฤติตัวเช่นนี้ต่อหน้าเขาเพื่อหมายจะทำการค้าขายได้สำเร็จ แต่คนเหล่านั้นกระทำไปเพื่อเงินทอง และนั่นก็เป็นเพราะไม่เคยได้รับการศึกษาอะไรมาก่อน…แต่นางเป็นบุตรสาวของโจวเจิ้น โตมาในซอยจิ่วหรูของตระกูลเฉิงตั้งแต่เล็ก…ต่อให้นางไม่พอใจตน อยากจะเอาคืนเขาสักครั้งหนึ่ง ก็ไม่จำเป็นต้องกระทำอย่าง ‘เถรตรง’ เช่นนี้ก็ได้กระมัง

มีวิธีการอ้อมค้อมอื่นตั้งมากมาย นางไม่ได้ใช้สมองขบคิดบ้างเลยหรือ

เขาเป็นคนกันเอง นางกระทำตัวเช่นนี้อย่างมากที่สุดก็ถูกเขาหัวเราะหยันทีหนึ่ง แต่หากว่ามีคนนอกอยู่ด้วย เช่นนี้ไม่ใช่ว่าชื่อเสียงของนางจะป่นปี้ไปตลอดชีวิตหรอกหรือ

เฉิงฉือไร้ปฏิกิริยาตอบกลับไปชั่วขณะ มองโจวเสาจิ่นอย่างตะลึงงัน กว่าครู่ใหญ่ก็ยังไม่ได้สติกลับมา

ทว่าโจวเสาจิ่นกลับลอบหัวเราะ “เฮอะๆ” อยู่ในใจ

เฉิงฉือเป็นบัณฑิตผู้หนึ่ง แม้แต่เรื่องทำการค้าก็ยังดำเนินการอย่างพ่อค้าผู้มีความรู้ เกรงว่าทั้งชีวิตนี้คงไม่เคยมีใครกระทำตัวหยาบคายอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าเขาเช่นนี้กระมัง!

เขาต้องรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจมากเป็นแน่

แต่ที่นางต้องการก็คือทำให้ท่านน้าฉือตระหนกตกใจเช่นนี้นี่แหละ

ดูว่าต่อไปเขายังจะกล้ากลั่นแกล้งนางอีกหรือไม่!

โจวเสาจิ่นเข้าไปในห้องอย่างสาสมใจ เดินเข้าไปหาฮูหยินผู้เฒ่ากัวที่กำลังแต่งตัวอยู่พลางเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า” แล้วกล่าวว่า “ท่านน้าฉือมาแล้วเจ้าค่ะ ข้านำกล่องขนมไปรับรองเขาแล้วเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มตาหยีพลางพยักหน้า “เจ้ามักเอาใส่ใจอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่เสมอ มีเจ้าปรนนิบัติท่านน้าฉือของเจ้า ข้าก็รู้สึกวางใจ” จากนั้นสายตาก็ร่วงลงบนตัวของนาง เอ่ยถามว่า “ไฉนวันนี้เจ้าแต่งตัวงดงามถึงเพียงนี้ จะลงจากเรือไปเดินเที่ยวซื้อของหรือ”

“ไม่ไปเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นรู้สึกเริงร่าจนเก็บอาการลิงโลดที่อยู่ในใจเอาไว้ไม่อยู่ หน้าตายิ้มแย้มจนดวงตาเป็นเส้นโค้งมน นางเดินไปข้างๆ ฮูหยินผู้เฒ่ากัวแล้วรับหวีจากมือเจินจูมาช่วยฮูหยินผู้เฒ่ากัวหวีผม พลางกล่าว “เมื่อวานข้าถามท่านน้าฉือแล้ว ท่านน้าฉือบอกว่าต้องรีบรุดไปเจิ้นเจียงเพื่อเยี่ยมพบใต้เท้าเสิ่นผู้มีประสบการณ์ด้านการขุดลอกแม่น้ำท่านหนึ่ง จึงไม่หยุดจอดที่ท่าเรือฉางโจวแล้ว พรุ่งนี้เช้าก็จะออกเดินทางไปเจิ้นเจียงเลยเจ้าค่ะ” แล้วกล่าวอีกว่า “หลังจากที่ท่านมอบหวีสับให้ข้าเมื่อวานแล้ว ข้าจึงมีหวีสับเพิ่มเข้ามา ข้าจึงเลือกเล่มที่ข้าชื่นชอบที่สุดมาประดับศีรษะเล่มหนึ่ง ตั้งใจมาให้ท่านเชยชมโดยเฉพาะเลยเจ้าค่ะ” ขณะที่นางกล่าว ก็เอียงศีรษะลงเล็กน้อย ให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมองเห็นหวีสับที่ประดับอยู่บนศีรษะของนางได้อย่างชัดเจน “ดูดีหรือไม่เจ้าคะ”

“ดูดีมากๆ!” คนมีอายุมักจะชื่นชอบสีสันสดใส ยิ่งกว่านั้นโจวเสาจิ่นที่แต่งตัวเช่นนี้ ก็ดูงามพริ้มเพรายิ่งกว่าบุปผาชาติใดๆ สำหรับฮูหยินผู้เฒ่ากัวที่นั่งอยู่บนเรือมาสักระยะหนึ่งแล้ว จึงดูงดงามมากเป็นพิเศษ “เจ้าควรแต่งตัวให้สวยงามเช่นนี้บ้างถึงจะถูก พี่สาวเจิงของเจ้าแต่งหน้าแต่งตัวได้เก่งยิ่งนัก แม้สีเรียบๆ นางก็สวมใส่ออกมาให้ดูฉูดฉาดขึ้นได้หลายส่วน ส่วนสีฉูดฉาดนางก็สวมใส่ออกมาให้ดูเรียบร้อยขึ้นได้หลายส่วนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นลายผ้าที่มาจากซูโจวหรือลายผ้าที่มาจากหยางโจว ข้ามองดูแล้วรู้สึกว่าแทบไม่ต่างกัน แต่นางกลับมองเพียงแวบเดียวก็แยกที่มาของผ้าได้ ทั้งยังเล่าถึงที่มาและวิธีการผลิตได้อีกด้วย ข้าก็ไม่รู้ว่านางใช้เวลาและกำลังไปศึกษาเรื่องพวกนี้มากถึงเพียงนั้นได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม เจ้าอย่าได้กล่าวว่า คนงามเพราะดวงหน้าสามส่วนและการแต่งตัวเจ็ดส่วนเลย ในบรรดาพี่น้องทั้งหลายนางมีหน้าตางดงามที่สุด ไม่ว่าเวลาใดก็ไม่เกิดเรื่องผิดพลาด ไม่รู้ว่าหญิงสาวในเมืองจินหลิงมากมายเพียงใดที่ฝึกแต่งตัวเลียนแบบนาง แม้แต่ทุกวันนี้ มีหญิงสาวในปีนั้นที่กลับมาบ้านเดิมแล้วพบข้า ยังถามถึงข่าวคราวของพี่สาวเจิงของเจ้าอยู่เลย น่าเสียดายที่เจ้ายังเด็กอยู่ ตอนที่นางออกเรือนไปเจ้ายังจำความอะไรไม่ได้ ไม่เช่นนั้นขอให้นางช่วยสอนเจ้าสักหน่อย รับรองว่าเจ้าจะต้องดูงดงามยิ่งกว่าตอนนี้เป็นแน่”

เช่นนี้ก็ดียิ่งแล้ว

โจวเสาจิ่นเม้มปากกลั้นยิ้ม

ชาติก่อน ชื่อเสียงของฮูหยินเฉิงจากซอยจิ่วหรูดังกระฉ่อนประดุจฟ้าร้องก้องหู แม้แต่นางที่หลบอยู่ที่บ้านสวนต้าซิ่งก็ยังได้ยิน

หากจะแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นกลาง เฉิงเจิงคงจะเป็นสตรีที่ประสบความสำเร็จและทำให้ผู้คนรู้สึกอิจฉาได้ยิ่งกว่าพี่สาวของนางเสียอีก

นอกจากนางจะเป็นผู้นำกระแสในด้านต่างๆ ของจิงเฉิงแล้ว ยังเป็นผู้ทรงอิทธิพลต่อเรื่องอื่นๆ ในชีวิตประจำวันของบรรดาชนชั้นผู้ใหญ่ในวังอีกด้วย กู้ซวี่สามีของนางเป็นลูกหลานของตระกูลกู้ที่ไห่หนิง หลังจากที่ตระกูลเฉิงเกิดเรื่องขึ้น พี่สาวยังเคยทอดถอนใจกล่าวว่าเฉิงเจิงถึงจะสมเป็นหญิงสาวจากตระกูลใหญ่ที่แท้จริง ผู้ที่แต่งงานด้วยก็มาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงเก่าแก่อย่างแท้จริงเช่นกัน กล่าวคือ ไม่เพียงเฉิงเจิงจะไม่รู้สึกต่ำต้อยกว่าผู้อื่นหรือวางตัวอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ตระกูลกู้เองก็ไม่ได้ทำตัวเย็นชาเมินเฉยเฉิงเจิงหรือบุตรชายสองคนที่นางให้กำเนิดเหตุเพราะตระกูลเฉิงถูกโค่นล้ม เฉิงเจิงถึงกับคิดจะขอร้องให้คนชั้นสูงในวังช่วยโน้มน้าวการตัดสินใจขององค์ฮ่องเต้ เพียงแต่ตระกูลเฉิงพลาดพลั้งเร็วเกินไป ทางราชวังเพิ่งจะเห็นชอบให้เฉิงเจิงเข้าวัง แต่ประกาศที่ตระกูลเฉิงถูกตัดสินประหารชีวิตกลับแพร่กระจายไปทั่วทุกตรอกซอกซอยน้อยใหญ่ในจิงเฉิงเสียแล้ว

ดังที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวมา ตอนที่นางยังจำความอะไรไม่ได้เฉิงเจิงก็แต่งงานออกเรือนไปแล้ว หลังจากนั้นนางก็ไม่เคยพบเฉิงเจิงอีกเลย แต่ตอนที่เฉิงเจิงไปต่อสู้เรียกร้องเพื่อตระกูลเฉิงอย่างกล้าหาญเด็ดเดี่ยวนั้น ความประทับใจที่นางมีต่อเฉิงเจิงจึงฝังแน่นขึ้นมาในทันที แม้ว่านางจะจำลักษณะหน้าตาของเฉิงเจิงไม่ได้แล้ว แต่นางกลับจำดวงตาเปล่งปลั่งดุจดั่งอัญมณีคู่นั้นได้ดี ขณะที่กวาดสายตามองก็เปล่งประกายแวววาว

นางไม่เคยเห็นหญิงสาวคนใดที่มีดวงตาเช่นนี้มาก่อน

มั่นใจและสง่าผ่าเผย ราวกับลำแสงของดวงตะวัน

อย่างไรก็ตาม หากว่านางจำไม่ผิดล่ะก็ คลับคล้ายคลับคลาว่าเฉิงเจิงอายุมากกว่าท่านน้าฉือสามปี ส่วนกู้ซวี่สามีของเฉิงเจิงอายุมากกว่าท่านน้าฉือหกปี…

เป็นคนที่หลานสาวและหลานเขยมีอายุมากกว่าตนผู้หนึ่ง!

ที่สำคัญที่สุดคือ กู้ซวี่ยังเป็นบุคคลที่โดดเด่นมาก

ชาติก่อน ตอนที่เขาเป็นมหาบัณฑิตของสำนักฮั่นหลินก็เคยตีมือของหวงไท่ซุน[1] ขณะที่ไปสอนหนังสือที่สำนักราชครู สุดท้ายนอกจากจะไม่เป็นไรแล้ว ยังได้เลื่อนตำแหน่งเป็นราชครูเล็กของสำนักราชครูอีกด้วย ภายหลังที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ เขายังได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นราชครูในสำนักราชครูอีกด้วย

แต่จิ้นซื่อล้วนให้ความสำคัญกับลำดับความอาวุโส ไม่รู้ว่ากู้ซวี่สอบผ่านได้เป็นจิ้นซื่อเมื่อใด หากว่าสอบผ่านก่อนท่านน้าฉือล่ะก็ เช่นนั้นก็น่าสนุกเสียแล้ว!

โจวเสาจิ่นนึกถึงฉากนั้นแล้วก็รู้สึกน่าสนใจ

นางช่วยฮูหยินผู้เฒ่ากัวหวีผมเสร็จแล้ว ก็คืนหวีให้เจินจู เจินจูเริ่มช่วยฮูหยินผู้เฒ่ากัวมวยผม สาวรับใช้สองสามคนกำลังหารือว่าจะให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวสวมชุดอะไรอยู่นานพักหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะฮูหยินผู้เฒ่ากัวนึกขึ้นได้ว่าบุตรชายยังนั่งรอนางอยู่ข้างนอก พวกนางคงยังจะพูดคุยกันอีกนานเป็นแน่

ดังนั้นตอนที่โจวเสาจิ่นประคองฮูหยินผู้เฒ่ากัวออกมาจากห้อง เฉิงฉือได้คืนสีหน้ากลับไปเป็นปกติเรียบร้อยแล้ว

เขายิ้มพลางทำความเคารพมารดา ปรายตามองโจวเสาจิ่นทีหนึ่ง แล้วกล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวว่า “เรือจะหยุดจอดที่ฉางโจวหนึ่งวัน ท่านอยากจะไปที่ไหนหรือไม่ขอรับ ข้าจะให้ฉินจื่อผิงติดตามท่านไป”

ตอนที่ 219 โอ้อวด 1

ตอนที่ 219 โอ้อวด 2

ตอนที่ 219 โอ้อวด 3

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน