ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะขึ้นมา แล้วก็ปรึกษาเรื่องการเดินทางในวันสรงน้ำพระพุทธเจ้ากับฮูหยินผู้เฒ่ากวน
โจวเสาจิ่นกลับรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
ไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถหาข้ออ้างไม่ไปด้วยสักข้ออ้างหนึ่งได้หรือไม่
แต่ถ้าหากว่าหาข้ออ้างได้ข้อหนึ่งจริงๆ ไม่รู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวอาจจะคลางแคลงใจว่าจวนสี่จะเป็นเช่นจวนสามที่เหยียบเรือสองแคมหรือไม่
นางรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
ตระกูลเฉิงช่างซับซ้อนจริงๆ!
ต่อไปในภายภาคหน้าหากนางต้องแต่งงาน ต้องไม่แต่งเข้าไปในตระกูลที่เหมือนกับตระกูลเฉิงเช่นนี้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ไปนางจะเป็นอย่างไรบ้าง
ถ้าหากว่าอีกสักพักได้พบเจอกับหยวนซื่อแล้ว ตนเองต้องทักทายนางหรือไม่ หรือจะเพียงแค่ยิ้มแล้วยืนก้มศีรษะอยู่ด้านหลังของท่านยาย?
โจวเสาจิ่นฟังฮูหยินผู้เฒ่าทั้งสองท่านสนทนากันอย่างใจลอยอยู่ด้านข้าง จนกระทั่งสำรับเที่ยงถูกนำขึ้นโต๊ะแล้ว หยวนซื่อก็ไม่ได้ออกมา
หยวนซื่อผู้นั้นพูดต่อหน้าตนเองว่านางนั้นอายุสี่สิบกว่าปีแล้วก็ยังอยู่ปรนนิบัติแม่สามีอยู่ไม่ใช่หรือ
หรือว่าตอนนั้นนางโกหกตนเองอย่างนั้นหรือ
โจวเสาจิ่นอดไม่ได้แค่นยิ้มอย่างฉุนเฉียว
เมื่อกลับมาถึงเรือนเจียซู่ ท่านยายยังบอกนางอีกหลายคำทำนองว่า ‘เชื่อฟัง’ และ ‘เด็กดี’ จากนั้นค่อยให้ซื่อเอ๋อร์ปรนนิบัติพาไปพักผ่อนในช่วงบ่าย
โจวเสาจิ่นกลับมาที่เรือนหว่านเซียงแล้ว เมื่อโจวชูจิ่นกลับมาก็อดไม่ได้อยากถามนางเกี่ยวกับเรื่องราวที่ไปที่เรือนหานปี้ซาน โจวเสาจิ่นตอบคำถามแล้วคำถามเล่า โจวเสาจิ่นก็หอบหายใจ “สาวรับใช้ล้วนได้รับการเลี้ยงดูราวกับคุณหนูก็ไม่ปาน ฮูหยินผู้เฒ่ากัวช่างเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่เสียจริง” ทั้งยังเย้าแหย่ซือเซียงว่า “ต่อไปเจ้าต้องติดตามไปปรนนิบัติเสาจิ่นด้วย เจ้ากลัวหรือไม่”
“มีอะไรให้ข้าต้องกลัวด้วยเจ้าคะ” ซือเซียงเทชาเหมาเจียนลงไปแช่ในกาให้สองพี่น้องตระกูลโจว “ข้าไปปรนนิบัติคุณหนูรอง ไม่ใช่ไปประชันขันแข่งกับพี่สาวน้องสาวหลายคนที่อยู่ที่เรือนหานปี้ชานเสียหน่อย หากพวกนางดีข้าก็จะเรียนรู้จากพวกนาง แต่ถ้าพวกนางไม่ดี ข้าก็จะทำเป็นมองไม่เห็นเสียก็ได้แล้วเจ้าค่ะ”
“เพ้ย!” โจวชูจิ่นหัวเราะพลางกล่าว “ไม่คิดมาก่อนว่าเจ้าเด็กน้อยผู้นี้ก็มีเชาว์ปัญญาเช่นนี้”
ซือเซียงหัวเราะร่า
ทุกคนสนทนากันอีกสักครู่หนึ่งถึงแยกย้าย
วันต่อมา โจวชูจิ่นติดตามฮูหยินใหญ่เหมี่ยนไปเรียนรู้เรื่องการครองเรือนเหมือนเช่นเคย ส่วนโจวเสาจิ่นทำชุดให้พี่สาวอยู่ในเรือน
เป็นอย่างนี้อยู่หลายวันก็ถึงวันที่แปดเดือนสี่
ท้ายที่สุดแล้วนางก็หาข้ออ้างที่จะไม่ไปด้วยไม่ได้ ฟ้ายังไม่ทันสางก็ตื่นขึ้นตามพี่สาว หลังจากที่ล้างหน้าแต่งตัวเสร็จแล้วก็ไปที่เรือนเจียซู่
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนตื่นแล้ว โคมไฟทั่วทั้งเรือนหลักล้วนสว่างไสว ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนกำลังตรวจตราน้ำชา ของว่าง และของใช้สำหรับออกเดินทางอยู่ในห้องโถง เมื่อเห็นโจวเสาจิ่นสองพี่น้องเข้ามาจึงหาเวลากล่าวคำทักทายด้วย “รับมื้อเช้ามาแล้วหรือยัง นายหญิงผู้เฒ่ากำลังรับมื้อเช้าอยู่ พวกเจ้าสองคนพี่น้องจะรับเพิ่มสักหน่อยหรือไม่”
“พวกข้าทานมาเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” หลังจากที่สองพี่น้องทำความเคารพฮูหยินใหญ่เหมี่ยน และไปคารวะยามเช้าฮูหยินผู้เฒ่ากวนแล้ว โจวชูจิ่นไปที่ห้องโถง ช่วยฮูหยินใหญ่เหมี่ยนตรวจตราของใช้สำหรับออกเดินทางอย่างคล่องแคล่ว ส่วนโจวเสาจิ่นนั้นเห็นว่าตนเองไม่สามารถช่วยอะไรได้ จึงรั้งอยู่ในห้องกับซื่อเอ๋อร์และคนอื่นๆ เพื่อปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่ากวนหวีผม
เนื่องจากฮูหยินผู้เฒ่ากวนเลือกชุดเพ่ยจื่อสีน้ำเงินเข้มลายอู่ฝูเผิ่งโซ่วทรงกลมสำหรับไปไหว้พระ นางจึงเลือกผ้าคาดศีรษะสีฟ้าไพลินฝังหยกสีขาวเส้นหนึ่งและปิ่นปักผมทองฝังมรกตสมดังปรารถนาคู่หนึ่งให้ฮูหยินผู้เฒ่ากวน
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนมองแล้วก็กล่าวว่า ‘ดี’ จากนั้นให้สาวใช้ไปดูที่ประตูฝั่งตะวันตก ตามความหมายของฮูหยินผู้เฒ่ากัวแล้ว ทุกคนตกลงกันว่าจะมาเจอกันที่ประตูฝั่งตะวันตกในยามเหมา [1] จากนั้นค่อยไปวัดกันเฉวียนพร้อมกัน
สาวใช้วิ่งเหยาะๆ ตลอดทางไปที่ประตูฝั่งตะวันตก
ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนใช้เวลานี้รีบเก็บข้าวของ
จนกระทั่งสาวใช้กลับมาแล้ว ทางฝั่งฮูหยินใหญ่เหมี่ยนก็เก็บของเสร็จเรียบร้อยพอดี
“ยังไม่มีใครมาถึงเลยเจ้าค่ะ” สาวใช้หอบหายใจพลางกล่าว “แต่ว่าตอนที่ข้ากำลังกลับมานั้นเห็นเกี้ยวของจวนสามแล้วเจ้าค่ะ”
ก็กล่าวได้ว่า จวนสามคือผู้ที่มาถึงก่อนผู้อื่น
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนหัวเราะพลางกล่าว “พวกเราไม่ได้เป็นผู้ที่เช้าที่สุด และก็ไม่ได้สายที่สุด เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ!”
เวลานี้ยังเหลืออีกสามเค่อ [2] กว่าจะถึงยามเหมา
ทุกคนต่างตอบว่า ‘เจ้าค่ะ’
โจวชูจิ่นประคองฮูหยินผู้เฒ่ากวนขึ้นเกี้ยว โจวเสาจิ่นครุ่นคิด จากนั้นจึงฝึกทำตามการกระทำของพี่สาวไปประคองฮูหยินใหญ่เหมี่ยน
ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนประหลาดใจยิ่ง ต่อมาก็แสดงความซาบซึ้งออกมาหลายส่วน รีบกล่าว “ไม่ต้องๆ ข้าขึ้นเองก็ได้แล้ว”
โจวชูจิ่นเองก็ไม่คาดคิดมาก่อน แต่นางก็ยินดียิ่งที่น้องสาวได้รับความโปรดปรานจากผู้ใหญ่ ยิ้มพลางช่วยพูดแทนโจวเสาจิ่นว่า “ป้าใหญ่ท่านอย่าได้เกรงใจไปเลยเจ้าค่ะ นางเป็นเด็ก ปรนนิบัติท่านก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมควรแล้วเจ้าค่ะ”
โจวเสาจิ่นหัวเราะพลางพยักหน้า แสดงออกมาอย่างจริงใจยิ่ง
ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนหัวเราะพลางพยักหน้า เห็นได้ชัดว่านางนั้นดีใจยิ่งนัก
โจวชูจิ่นและโจวเสาจิ่นจึงติดตามเกี้ยวของฮูหยินผู้เฒ่ากวนและฮูหยินใหญ่เหมี่ยนเดินไปที่ประตูฝั่งตะวันตก
ปรากฏว่าจวนสามมาถึงเรียบร้อยแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ซื่อจวนสามสวมชุดเพ่ยจื่อสีฟ้าไพลินลายดอกสมดังปรารถนาทรงกลมตัวหนึ่ง ปักด้วยปิ่นปักผมทองฝังหยกขาวลายเมฆ กำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่โถงรับแขกข้างประตูฝั่งตะวันตก
แสงแรกแห่งรุ่งอรุณสาดส่องลงบนร่างของนาง แสงทองบนกำแพงสว่างจ้า เปล่งประกายแวววาวจนทำให้ดวงตาของผู้คนแทบจะลืมไม่ขึ้น
ทว่าสายตาของโจวเสาจิ่นกลับไปตกอยู่ที่ร่างของเฉิงเจียผู้ที่กำลังนั่งบิดผ้าเช็ดหน้าอยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าหลี่อย่างเบื่อหน่าย
เหมือนกันกับเด็กสาวที่อยู่ในความทรงจำของนาง นางมุ่ยปาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ราวกับว่าช่วงเวลาแห่งการรอคอยนี้ได้ผลาญเอาความอดทนของนางไปจนหมดสิ้นแล้วอย่างไรอย่างนั้น


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน