เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 22

ตอนที่ 22 วันที่แปด
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนหัวเราะร่า พลางกล่าว “ในเมื่อทางจวนรองมีคนคอยดูแลแล้ว เช่นนั้นพวกเราจะไม่สร้างความวุ่นวายเพิ่มในเรื่องนี้อีกก็แล้วกัน ถึงเวลาข้าจะพาลูกสะใภ้ หลานชาย และหลานสาวทุกคนไปด้วย”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะขึ้นมา แล้วก็ปรึกษาเรื่องการเดินทางในวันสรงน้ำพระพุทธเจ้ากับฮูหยินผู้เฒ่ากวน

โจวเสาจิ่นกลับรู้สึกหดหู่เล็กน้อย

ไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถหาข้ออ้างไม่ไปด้วยสักข้ออ้างหนึ่งได้หรือไม่

แต่ถ้าหากว่าหาข้ออ้างได้ข้อหนึ่งจริงๆ ไม่รู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวอาจจะคลางแคลงใจว่าจวนสี่จะเป็นเช่นจวนสามที่เหยียบเรือสองแคมหรือไม่

นางรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย

ตระกูลเฉิงช่างซับซ้อนจริงๆ!

ต่อไปในภายภาคหน้าหากนางต้องแต่งงาน ต้องไม่แต่งเข้าไปในตระกูลที่เหมือนกับตระกูลเฉิงเช่นนี้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อย

ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ไปนางจะเป็นอย่างไรบ้าง

ถ้าหากว่าอีกสักพักได้พบเจอกับหยวนซื่อแล้ว ตนเองต้องทักทายนางหรือไม่ หรือจะเพียงแค่ยิ้มแล้วยืนก้มศีรษะอยู่ด้านหลังของท่านยาย?

โจวเสาจิ่นฟังฮูหยินผู้เฒ่าทั้งสองท่านสนทนากันอย่างใจลอยอยู่ด้านข้าง จนกระทั่งสำรับเที่ยงถูกนำขึ้นโต๊ะแล้ว หยวนซื่อก็ไม่ได้ออกมา

หยวนซื่อผู้นั้นพูดต่อหน้าตนเองว่านางนั้นอายุสี่สิบกว่าปีแล้วก็ยังอยู่ปรนนิบัติแม่สามีอยู่ไม่ใช่หรือ

หรือว่าตอนนั้นนางโกหกตนเองอย่างนั้นหรือ

โจวเสาจิ่นอดไม่ได้แค่นยิ้มอย่างฉุนเฉียว

เมื่อกลับมาถึงเรือนเจียซู่ ท่านยายยังบอกนางอีกหลายคำทำนองว่า ‘เชื่อฟัง’ และ ‘เด็กดี’ จากนั้นค่อยให้ซื่อเอ๋อร์ปรนนิบัติพาไปพักผ่อนในช่วงบ่าย

โจวเสาจิ่นกลับมาที่เรือนหว่านเซียงแล้ว เมื่อโจวชูจิ่นกลับมาก็อดไม่ได้อยากถามนางเกี่ยวกับเรื่องราวที่ไปที่เรือนหานปี้ซาน โจวเสาจิ่นตอบคำถามแล้วคำถามเล่า โจวเสาจิ่นก็หอบหายใจ “สาวรับใช้ล้วนได้รับการเลี้ยงดูราวกับคุณหนูก็ไม่ปาน ฮูหยินผู้เฒ่ากัวช่างเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่เสียจริง” ทั้งยังเย้าแหย่ซือเซียงว่า “ต่อไปเจ้าต้องติดตามไปปรนนิบัติเสาจิ่นด้วย เจ้ากลัวหรือไม่”

“มีอะไรให้ข้าต้องกลัวด้วยเจ้าคะ” ซือเซียงเทชาเหมาเจียนลงไปแช่ในกาให้สองพี่น้องตระกูลโจว “ข้าไปปรนนิบัติคุณหนูรอง ไม่ใช่ไปประชันขันแข่งกับพี่สาวน้องสาวหลายคนที่อยู่ที่เรือนหานปี้ชานเสียหน่อย หากพวกนางดีข้าก็จะเรียนรู้จากพวกนาง แต่ถ้าพวกนางไม่ดี ข้าก็จะทำเป็นมองไม่เห็นเสียก็ได้แล้วเจ้าค่ะ”

“เพ้ย!” โจวชูจิ่นหัวเราะพลางกล่าว “ไม่คิดมาก่อนว่าเจ้าเด็กน้อยผู้นี้ก็มีเชาว์ปัญญาเช่นนี้”

ซือเซียงหัวเราะร่า

ทุกคนสนทนากันอีกสักครู่หนึ่งถึงแยกย้าย

วันต่อมา โจวชูจิ่นติดตามฮูหยินใหญ่เหมี่ยนไปเรียนรู้เรื่องการครองเรือนเหมือนเช่นเคย ส่วนโจวเสาจิ่นทำชุดให้พี่สาวอยู่ในเรือน

เป็นอย่างนี้อยู่หลายวันก็ถึงวันที่แปดเดือนสี่

ท้ายที่สุดแล้วนางก็หาข้ออ้างที่จะไม่ไปด้วยไม่ได้ ฟ้ายังไม่ทันสางก็ตื่นขึ้นตามพี่สาว หลังจากที่ล้างหน้าแต่งตัวเสร็จแล้วก็ไปที่เรือนเจียซู่

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนตื่นแล้ว โคมไฟทั่วทั้งเรือนหลักล้วนสว่างไสว ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนกำลังตรวจตราน้ำชา ของว่าง และของใช้สำหรับออกเดินทางอยู่ในห้องโถง เมื่อเห็นโจวเสาจิ่นสองพี่น้องเข้ามาจึงหาเวลากล่าวคำทักทายด้วย “รับมื้อเช้ามาแล้วหรือยัง นายหญิงผู้เฒ่ากำลังรับมื้อเช้าอยู่ พวกเจ้าสองคนพี่น้องจะรับเพิ่มสักหน่อยหรือไม่”

“พวกข้าทานมาเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” หลังจากที่สองพี่น้องทำความเคารพฮูหยินใหญ่เหมี่ยน และไปคารวะยามเช้าฮูหยินผู้เฒ่ากวนแล้ว โจวชูจิ่นไปที่ห้องโถง ช่วยฮูหยินใหญ่เหมี่ยนตรวจตราของใช้สำหรับออกเดินทางอย่างคล่องแคล่ว ส่วนโจวเสาจิ่นนั้นเห็นว่าตนเองไม่สามารถช่วยอะไรได้ จึงรั้งอยู่ในห้องกับซื่อเอ๋อร์และคนอื่นๆ เพื่อปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่ากวนหวีผม

เนื่องจากฮูหยินผู้เฒ่ากวนเลือกชุดเพ่ยจื่อสีน้ำเงินเข้มลายอู่ฝูเผิ่งโซ่วทรงกลมสำหรับไปไหว้พระ นางจึงเลือกผ้าคาดศีรษะสีฟ้าไพลินฝังหยกสีขาวเส้นหนึ่งและปิ่นปักผมทองฝังมรกตสมดังปรารถนาคู่หนึ่งให้ฮูหยินผู้เฒ่ากวน

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนมองแล้วก็กล่าวว่า ‘ดี’ จากนั้นให้สาวใช้ไปดูที่ประตูฝั่งตะวันตก ตามความหมายของฮูหยินผู้เฒ่ากัวแล้ว ทุกคนตกลงกันว่าจะมาเจอกันที่ประตูฝั่งตะวันตกในยามเหมา [1] จากนั้นค่อยไปวัดกันเฉวียนพร้อมกัน

สาวใช้วิ่งเหยาะๆ ตลอดทางไปที่ประตูฝั่งตะวันตก

ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนใช้เวลานี้รีบเก็บข้าวของ

จนกระทั่งสาวใช้กลับมาแล้ว ทางฝั่งฮูหยินใหญ่เหมี่ยนก็เก็บของเสร็จเรียบร้อยพอดี

“ยังไม่มีใครมาถึงเลยเจ้าค่ะ” สาวใช้หอบหายใจพลางกล่าว “แต่ว่าตอนที่ข้ากำลังกลับมานั้นเห็นเกี้ยวของจวนสามแล้วเจ้าค่ะ”

ก็กล่าวได้ว่า จวนสามคือผู้ที่มาถึงก่อนผู้อื่น

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนหัวเราะพลางกล่าว “พวกเราไม่ได้เป็นผู้ที่เช้าที่สุด และก็ไม่ได้สายที่สุด เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ!”

เวลานี้ยังเหลืออีกสามเค่อ [2] กว่าจะถึงยามเหมา

ทุกคนต่างตอบว่า ‘เจ้าค่ะ’

โจวชูจิ่นประคองฮูหยินผู้เฒ่ากวนขึ้นเกี้ยว โจวเสาจิ่นครุ่นคิด จากนั้นจึงฝึกทำตามการกระทำของพี่สาวไปประคองฮูหยินใหญ่เหมี่ยน

ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนประหลาดใจยิ่ง ต่อมาก็แสดงความซาบซึ้งออกมาหลายส่วน รีบกล่าว “ไม่ต้องๆ ข้าขึ้นเองก็ได้แล้ว”

โจวชูจิ่นเองก็ไม่คาดคิดมาก่อน แต่นางก็ยินดียิ่งที่น้องสาวได้รับความโปรดปรานจากผู้ใหญ่ ยิ้มพลางช่วยพูดแทนโจวเสาจิ่นว่า “ป้าใหญ่ท่านอย่าได้เกรงใจไปเลยเจ้าค่ะ นางเป็นเด็ก ปรนนิบัติท่านก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมควรแล้วเจ้าค่ะ”

โจวเสาจิ่นหัวเราะพลางพยักหน้า แสดงออกมาอย่างจริงใจยิ่ง

ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนหัวเราะพลางพยักหน้า เห็นได้ชัดว่านางนั้นดีใจยิ่งนัก

โจวชูจิ่นและโจวเสาจิ่นจึงติดตามเกี้ยวของฮูหยินผู้เฒ่ากวนและฮูหยินใหญ่เหมี่ยนเดินไปที่ประตูฝั่งตะวันตก

ปรากฏว่าจวนสามมาถึงเรียบร้อยแล้ว

ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ซื่อจวนสามสวมชุดเพ่ยจื่อสีฟ้าไพลินลายดอกสมดังปรารถนาทรงกลมตัวหนึ่ง ปักด้วยปิ่นปักผมทองฝังหยกขาวลายเมฆ กำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่โถงรับแขกข้างประตูฝั่งตะวันตก

แสงแรกแห่งรุ่งอรุณสาดส่องลงบนร่างของนาง แสงทองบนกำแพงสว่างจ้า เปล่งประกายแวววาวจนทำให้ดวงตาของผู้คนแทบจะลืมไม่ขึ้น

ทว่าสายตาของโจวเสาจิ่นกลับไปตกอยู่ที่ร่างของเฉิงเจียผู้ที่กำลังนั่งบิดผ้าเช็ดหน้าอยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าหลี่อย่างเบื่อหน่าย

เหมือนกันกับเด็กสาวที่อยู่ในความทรงจำของนาง นางมุ่ยปาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ราวกับว่าช่วงเวลาแห่งการรอคอยนี้ได้ผลาญเอาความอดทนของนางไปจนหมดสิ้นแล้วอย่างไรอย่างนั้น

ตอนที่ 22 วันที่แปด 1

ตอนที่ 22 วันที่แปด 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน