ฮูหยินผู้เฒ่ากัวตำหนิเฉิงจิงกับหยวนซื่อ สื่อมามาจะกล้ากล่าวอะไรได้อย่างไร
นางแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินโดยถามขึ้นยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้นมื้อค่ำส่งท้ายปีให้จัดที่เรือนหลักเช่นเดิมหรือไม่เจ้าคะ”
ตามหลักของตระกูลเฉิงแล้ว ในคืนวันตรุษเล็กแต่ละจวนจะรับประทานมื้อค่ำร่วมกันที่จวนของตัวเอง ส่วนวันตรุษใหญ่ในวันที่สามสิบทุกคนจะไปรับประทานอาหารร่วมกันที่ศาลาทิงอวี่ มื้อค่ำส่งท้ายปีที่สื่อมามากล่าวถึงก็คือมื้อค่ำส่งท้ายปีของวันตรุษเล็กนั่นเอง
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับไม่ยอมปล่อยหัวข้อสนทนาก่อนหน้าทิ้งนี้ไป กล่าวขึ้นว่า “ทางนี้มีเพียงข้ากับเจ้าสี่เท่านั้น จะจัดมื้อค่ำที่ไหนก็ได้ แต่ทางด้านของฮูหยินใหญ่ทางโน้น เจ้าให้คนไปบอกสักหน่อย ในเมื่องานที่เมืองหลวงมีมาก อีกทั้งนายท่านใหญ่ยังคาดหวังให้นางช่วยดูแล เช่นนั้นก็ให้นางรั้งอยู่ที่จิงเฉิงเลยก็แล้วกัน ส่วนเรื่องของขวัญปีใหม่ของแต่ละตระกูล ก็รบกวนนางให้ช่วยดูแลจัดส่งให้ด้วย! ส่วนพวกข้าทางนี้จะรับผิดชอบเพียงญาติมิตรไม่กี่ตระกูลที่อยู่ในจินหลิงก็พอ”
สื่อมามาขานรับด้วยน้ำเสียงนอบน้อม รอคำชี้แนะถัดไปของฮูหยินผู้เฒ่ากัว แต่ใครจะรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับยกจอกน้ำชาขึ้นมาจิบคำหนึ่ง แล้วกล่าวขึ้นว่า “ได้ยินว่าเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้วฮูหยินตระกูลโจวจะเดินทางมาจากเป่าติ้ง เจ้าไปสืบความดูสักหน่อยว่าจะมาถึงเมื่อใด ถึงเวลานั้นต้องเชิญฮูหยินตระกูลโจวมากินข้าวด้วยกันสักมื้อ”
ฮูหยินตระกูลโจว?
สื่อมามาครุ่นคิดครู่หนึ่งถึงได้นึกออกว่าคนที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวถึงก็คือหลี่ซื่อผู้เป็นมารดาเลี้ยงของโจวเสาจิ่นนั่นเอง
นี่นับเป็นเกียรติที่หาได้ยากยิ่งนัก!
แม้แต่คนที่มาจากตระกูลของหงซื่อผู้เป็นฮูหยินใหญ่จวนรอง ฮูหยินผู้เฒ่ายังไม่เคยให้การรับรองเช่นนี้มาก่อนเลย
นางตื่นตัวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ยิ้มพลางขานรับว่า “เจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัววางจอกน้ำชาลง กล่าวขึ้นว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ไปทำธุระของเจ้าเถิด! หากไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่ต้องมาบอกข้าแล้ว พูดไปพูดมาก็เป็นเพียงเรื่องไม่กี่เรื่องพวกนั้นเท่านั้น”
สื่อมามาได้แต่ถอยออกไป
ให้นำความไปแจ้งฮูหยินหยวนมิใช่เรื่องยาก แต่เงินค่าของขวัญปีใหม่ของปีนี้ฮูหยินผู้เฒ่ากลับไม่เอ่ยถึงเลยแม้แต่คำเดียว
ตกลงว่าให้ใช้เงินจากคลังกองกลางหรือว่าต้องการสร้างความลำบากให้ฮูหยินหยวนโดยให้นางไปหาวิธีการเอาเองกันนะ…นี่หากเข้าใจผิดไป จะกลายเป็นเรื่องที่ไม่ส่งผลดีต่อทั้งสองฝ่ายไปเลยมิใช่หรือ
นี่นับเป็นสภาวะที่เทพเซียนสู้รบกัน แล้วภูติผีผู้เป็นบ่าวรับใช้ต้องทนทุกข์อย่างแท้จริง!
นางเป็นกังวลจนศีรษะเกือบจะขาวโพลนไปทั้งศีรษะแล้ว
ทางด้านของโจวเสาจิ่นกลับช่วยฮูหยินผู้เฒ่ากวนเก็บกวาดเรือนกันอย่างมีความสุข พรุ่งนี้เฉิงอี้ก็จะกลับมาแล้ว
หลังจากที่อยู่เรียนหนังสือกับนายท่านผู้เฒ่าของตระกูลเหอไปช่วงหนึ่งแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากวนบอกว่า “รู้ความมากขึ้นแล้ว”
โจวเสาจิ่นรู้สึกเคลือบแคลงสงสัยยิ่งนัก
ชาติก่อนจวนสี่ลำบากถึงเพียงนั้น เฉิงอี้ยังมองโลกในแง่ดีเป็นอย่างมาก ชาตินี้ยังไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย เขากลับกลายเป็นคน ‘รู้ความ’ ได้ จึงนับเป็นเรื่องแปลก!
อย่างไรก็ตาม เฉิงอี้ได้กลับมา นางก็ดีใจมากแล้ว
ในบ้านจะต้องคึกคักขึ้นอีกหลายส่วนอย่างแน่นอน
ซื่อเอ๋อร์เข้ามาขอให้ฮูหยินผู้เฒ่ากวนช่วยตัดสินใจ “ท่านว่าควรจะแขวนม่านผ้าไหมห้าสีผืนนี้หรือว่าม่านผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสีเขียวผืนนั้นดีเจ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนกล่าวยิ้มๆ ว่า “เรื่องนี้เจ้าต้องถามเสาจิ่น สายตาของคนวัยหนุ่มสาวอย่างพวกนางกับของพวกข้าไม่เหมือนกัน ถึงเวลาที่อี้เกอเอ๋อร์กลับมาจะได้ไม่ต้องแอบไปบ่นลับหลังอีก”
โจวเสาจิ่นยิ้มพลางกล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่ากวนว่า “ข้าว่าเป็นเพราะท่านต้องการผลักภาระนี้มาไว้ที่ข้ามากกว่า หากพี่ชายอี้กลับมาแล้วเห็นว่าผ้าม่านในห้องนี้ตกแต่งได้ไม่ถูกใจเขา ท่านก็จะได้ผลักข้าออกไป แล้วบอกว่าเป็นข้าที่ช่วยตกแต่งให้”
“ก็เพราะเหตุผลนี้นี่แหละ” ฮูหยินผู้เฒ่ากวนหัวเราะร่า กล่าวว่า “เจ้าต้องระมัดระวังเอาไว้ ถึงเวลานั้นอย่ายอมให้อี้เกอเอ๋อร์เอ่ยถึงมันครั้งแล้วครั้งเล่าได้”
โจวเสาจิ่นเม้มปากกลั้นหัวเราะ บอกซื่อเอ๋อร์ว่า “แขวนม่านผ้าไหมห้าสีผืนนั้นก็แล้วกัน ดูเข้ากับบรรยากาศรื่นเริงในช่วงเทศกาลปีใหม่กว่า”
ซื่อเอ๋อร์ยิ้มพลางถอยออกไป
มีสาวใช้เด็กวิ่งเข้ามา กล่าวรายงานยิ้มๆ ว่า “นายหญิงผู้เฒ่า คุณหนูรอง คนของตระกูลเลี่ยวที่เจิ้นเจียงนำของขวัญปีใหม่มาส่งให้เจ้าค่ะ คณะที่เดินทางมายังมีพ่อบ้านบ้านใหญ่ของพวกเขามาด้วย บอกว่าอยากจะกำหนดฤกษ์แต่งงานของคุณหนูใหญ่ให้แล้วเสร็จก่อนปีใหม่ หมัวมัวที่มาด้วยเข้ามาในลานหลักแล้ว กำลังไปคำนับพวกนายหญิงผู้เฒ่า ฮูหยิน และสะใภ้ทั้งหลายอยู่เจ้าค่ะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “ปีนี้พวกเขามาเร็วกว่าปกติ นี่ยังไม่ได้กินโจ๊กล่าปากันเลยนี่นา!” จากนั้นกล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “เจ้ากลับไปผลัดเปลี่ยนชุดก่อน ประเดี๋ยวก็ไปพบหมัวมัวของตระกูลเลี่ยวพร้อมกัน ดูว่าพวกนางมีเรื่องอะไรอย่างอื่นอีกหรือไม่”
ฤกษ์ที่ตระกูลเลี่ยวได้มาหลายฤกษ์นั้นฮูหยินผู้เฒ่ากวนล้วนให้คนนำไปเทียบกับแผนภูมิดวงชะตาอีกครั้ง ได้ความว่าทั้งหมดล้วนเป็นฤกษ์งามยามดีทั้งสิ้น ฮูหยินผู้เฒ่ากวนจึงเขียนจดหมายไปแจ้งผลให้กับโจวเจิ้น โจวเจิ้นตอบจดหมายกลับมาว่าให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเป็นผู้ตัดสินใจ ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจึงเลือกฤกษ์ที่ตรงกับวันที่เก้าเดือนสาม
จากความทรงจำของโจวเสาจิ่นแล้ว ชาติก่อนฮูหยินผู้เฒ่ากวนก็เลือกวันที่นี้เช่นกัน
บอกว่าหากฤกษ์แต่งงานใกล้กับวันสอบขุนนางช่วงสารทฤดูมากเกินไป เกรงว่าเลี่ยวเส้าถังจะไขว้เขวด้วยเพลิดเพลินกับการเพิ่งแต่งงานมาใหม่ๆ ได้
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ตระกูลเลี่ยวกลับอยากได้วันที่สิบแปดเดือนห้า
คุยกันไปคุยกันมาสุดท้ายทั้งสองตระกูลก็ยอมถอยกันคนละก้าว กำหนดให้วันออกเรือนของโจวชูจิ่นเป็นวันที่ยี่สิบสี่เดือนสี่แทน
ต่อมาเลี่ยวเส้าถังสอบตก ตระกูลเลี่ยวจึงรู้สึกว่าตอนแรกน่าจะให้เลี่ยวเส้าถังเข้าร่วมการสอบขุนนางช่วงสารทฤดูให้เสร็จก่อนแล้วค่อยจัดงานแต่งน่าจะดีกว่า ฮูหยินผู้เฒ่ากวนทราบแล้วไม่พอใจ กล่าวว่า เดิมทีข้าบอกว่าควรจะกำหนดฤกษ์ให้ตรงกับวันที่เก้าเดือนสาม ซึ่งเป็นฤกษ์ที่พวกข้าตระกูลเฉิงให้พระเต๋าของเขาหลงหู่ดูมาด้วยตัวเอง เป็นพวกเจ้าที่ยืนยันว่าต้องการกำหนดฤกษ์ให้ตรงกับวันที่ยี่สิบสี่เดือนสี่ แล้วตอนนี้กลับมาพูดเช่นนี้นี่หมายความว่าอย่างไร ถึงได้ทำให้คนของตระกูลเลี่ยวยอมแพ้ไป
เวลานั้นนางเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติ แต่พอมาพิจารณาในตอนนี้แล้ว กลับพบว่าตระกูลเลี่ยวไม่มีความจริงใจที่มากพอ
ไม่รู้ว่าชาตินี้ตระกูลเลี่ยวจะยังเลือกวันที่สิบแปดเดือนห้าอีกหรือไม่
โจวเสาจิ่นเปลี่ยนไปสวมชุดเพ่ยจื่อผ้าฝ้ายสีชมพูผลท้อแถบสีเขียวและสวมตุ้มหูไข่มุกจากทางใต้ที่เฉิงฉือให้มาครั้งก่อนอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเล็กน้อย แล้วเดินไปหาฮูหยินผู้เฒ่ากวน
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนเพิ่งจะเกล้าผมเสร็จ ซื่อเอ๋อร์กำลังช่วยปักปิ่นปักผมให้อยู่
หวังมามาที่ปรนนิบัติอยู่ข้างๆ รีบกล่าวเชิญให้โจวเสาจิ่นนั่งลงอย่างยิ้มๆ รอยยิ้มดูเป็นมิตรและรักใคร่เป็นอย่างยิ่ง สายตาที่มองนางประหนึ่งกำลังมองหลานสาวของตัวเองอยู่ก็ไม่ปาน
โจวเสาจิ่นลอบรู้สึกแปลกใจอย่างอดไม่ได้
หวังมามาปฏิบัติกับผู้อื่นอย่างเหมาะสม แต่ด้วยเหตุนี้ก็มีความเคร่งครัดตามแบบแผนดั้งเดิมอยู่ การแสดงออกทางอารมณ์เช่นนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกที่นางได้เห็น
หรืออาจจะเป็นเพราะว่าพี่ชายอี้ใกล้จะกลับมาแล้ว?
โจวเสาจิ่นคาดเดา



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน