เข้าสู่ระบบผ่าน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน นิยาย บท 235

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหมุนกายกลับมา ผ่านกระจกช่องหน้าต่าง ได้เห็นภาพที่โจวเสาจิ่นกำลังร่ำลาปี้อวี้อยู่พอดี

มองใบหน้างดงามและรอยยิ้มอันอ่อนโยนของเด็กสาวแล้ว ทันใดนั้นนางก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา

ต่อให้เป่าติ้งจะดีเพียงใด ก็เทียบกับจินหลิงไม่ได้!

ต่อให้ความสัมพันธ์ต่อกันจะดีเพียงใด แต่การใช้ชีวิตอยู่ในเงื้อมมือของมารดาเลี้ยงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากนี้อีกหนึ่งปีเด็กสาวก็จะอายุครบสิบสี่ปี ถึงวัยต้องพิจารณาเรื่องแต่งงานแล้ว การแต่งงานของสตรีเสมือนกับการเกิดใหม่เป็นครั้งที่สอง เรื่องสำคัญขนาดนี้ กลับถูกควบคุมดูแลอยู่ในเงื้อมมือของคนที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดและก็ไม่มีความรู้สึกอะไรต่อกันมาก เด็กสาวก็มิใช่คนโง่ จะรู้สึกสงบและสบายใจจริงๆ อย่างที่แสดงออกมาเช่นนั้นได้อย่างไร

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวลอบถอนหายใจเบาๆ อย่างห้ามไม่อยู่ กระทั่งเงาร่างของโจวเสาจิ่นค่อยๆ หายลับไปแล้ว ถึงได้ให้สาวใช้เด็กไปเรียกปี้อวี้เข้ามา เอ่ยถามขึ้นว่า “เสาจิ่นพูดอะไรกับพวกเจ้าหรือ”

“ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเจ้าค่ะ!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่ใช่คนประเภทที่ชอบยุ่งไปเสียหมดทุกเรื่อง จู่ๆ มาถามอย่างกะทันหันเช่นนี้ ปี้อวี้รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย ช่วยอธิบายแทนโจวเสาจิ่นว่า “คุณหนูรองกล่าวว่า นางกลับบ้านครั้งนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้กลับมา ก่อนหน้านี้มาคัดพระธรรมที่เรือนหานปี้ซานอยู่ช่วงหนึ่ง ได้รับการดูแลจากพวกข้าไม่น้อย นางไม่มีสิ่งของอย่างอื่นมาขอบคุณพวกข้า จึงทำขนมเค้กข้าวด้วยตัวเองนำมาให้พวกข้าลองชิมดู บอกว่าเวลาอยู่เวรยามแล้วหิว นำไปนึ่งในห้องน้ำชาสักหน่อยก็รับประทานได้แล้ว สะดวกยิ่งนักเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้า ให้นางกลับออกไปได้

ปี้อวี้ไม่ค่อยสบายใจนัก กลัวว่าตัวเองจะกล่าวอะไรผิดไปแล้วเป็นเหตุให้โจวเสาจิ่นต้องลำบาก

คิดไม่ถึงว่าตกบ่าย ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับให้นางไปเชิญฮูหยินผู้เฒ่ากวนมาคุยด้วย

นางไปเรือนเจียซู่ด้วยความไม่สบายใจ

โจวเสาจิ่นสองพี่น้องเก็บข้าวของอยู่ที่เรือนเจียซู่ นางจึงไม่ได้เจอพวกนาง

ปี้อวี้จำต้องเก็บความคิดเหล่านี้เอาไว้ในใจ ยิ้มพลางเดินเข้าไปพบฮูหยินผู้เฒ่ากวน

ถึงแม้ฮูหยินผู้เฒ่ากวนจะคิดไม่ตกว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวมีเรื่องอะไรถึงต้องการพบนาง แต่ก็รีบสวมอาภรณ์ให้เรียบร้อย แล้วเดินไปเรือนหานปี้ซานโดยมีซื่อเอ๋อร์ช่วยประคอง

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวออกมาต้อนรับนางที่ประตูด้วยตัวเอง ทั้งสองนั่งลงตามลำดับ รอให้สาวใช้นำน้ำชามาขึ้นโต๊ะและปิดประตูเรียบร้อยแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวถึงได้กระซิบกล่าวเสียงเบาว่า “คุณหนูใหญ่ของพวกเจ้าก็ใกล้จะออกเรือนแล้ว คุณหนูรองจะอยู่หรือไป บุตรเขยของพวกเจ้าได้แจ้งอะไรมาบ้างแล้วหรือยัง”

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนทราบเรื่องที่โจวเสาจิ่นนำเสื้อแขนกุดมามอบให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัว ยังคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวมีเรื่องต้องการพูดกับนาง เลยหยิบเรื่องนี้มาเป็นกล่าวเป็นอารัมภบทก่อน จึงรีบกล่าวยิ้มๆ ว่า “ที่บ้านกำลังวุ่นอยู่กับเรื่องงานแต่งของชูจิ่นและเก้าเกอเอ๋อร์ เรื่องของเสาจิ่นจึงยังไม่ได้ตกลงกันเลยเจ้าค่ะ”

“เด็กคนนี้เป็นคนละเอียดอ่อน” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าว “ตอนที่พวกเจ้าหารือเรื่องงานแต่งของชูจิ่นก็ควรจะตกลงเรื่องของเด็กคนนี้ให้เรียบร้อยด้วยถึงจะถูก”

ได้ยินว่าฮูหยินใหญ่เหมี่ยนของจวนสี่เป็นคนถี่ถ้วนเหมาะสมผู้หนึ่ง แต่เหตุใดเรื่องนี้ถึงกระทำอย่างหยาบๆ เช่นนี้ได้

จากคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่ากัว ฮูหยินผู้เฒ่ากวนฟังออกว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่ค่อยพอใจนัก จึงรีบกล่าวอธิบายแผนการของพวกนางให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวฟัง “ตามปกติแล้วก็ปฏิบัติกับนางเสมือนเป็นหลานสาวแท้ๆ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะส่งนางไปอยู่เป่าติ้ง คิดกันว่ารอให้จัดการเรื่องงานแต่งของชูจิ่นและของเก้าเกอเอ๋อร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะไปคุยกับบุตรเขยเรื่องดองกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ให้เสาจิ่นหมั้นหมายกับอี้เกอเอ๋อร์เจ้าค่ะ…”

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวรู้สึกประหลาดใจอย่างห้ามไม่อยู่

อี้เกอเอ๋อร์?

คุณชายรองของจวนสี่!

แม้แต่เรื่องที่ว่าเขามีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรนางก็จำไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้ธรรมดาสามัญยิ่งนัก

จวนสี่กล้าเอาเปรียบโจวเสาจิ่นเช่นนี้ได้อย่างไร

นี่มิใช่ว่าเป็นดังดอกไม้ที่ปักอยู่บนกองขี้วัวหรอกหรือ

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวนึกถึงท่าทางเงียบขรึมเก็บอาการของโจวเสาจิ่นตอนที่ตนได้เจอโจวเสาจิ่นเป็นครั้งแรกแล้ว ก็อดปวดใจไม่ได้

เช่นนั้นที่นางให้เด็กคนนี้มาช่วยคัดพระธรรมให้นางนั้นจะมีความหมายอะไร

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าว “แสดงว่าที่ผ่านมาพวกเจ้าล้วนไม่มีความคิดจะให้เสาจิ่นออกไปใช่หรือไม่”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ!” ฮูหยินผู้เฒ่ากวนไม่ทราบความคิดของฮูหยินผู้เฒ่ากัว กล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า “ถึงแม้ข้ากับนางจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่จะดีจะร้ายก็เลี้ยงดูนางมาด้วยตัวเอง เห็นนางใกล้จะถึงคราวต้องเจรจาเรื่องแต่งงานแล้ว จะให้นางแต่งออกไปให้ผู้อื่นได้อย่างไรกันเจ้าคะ!”

แต่ให้อยู่กับเจ้าก็ทำให้ผู้อื่นไม่วางใจเหมือนกันนี่นา!

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวลอบครุ่นคิดอยู่ในใจ ความคิดตบตีกันอยู่นานครู่หนึ่ง ถึงได้เผยท่าทีเสียดายออกมา กล่าวขึ้นว่า “เดิมทีข้าหมายจะถามดูว่าพวกเจ้ามีแผนการอะไรให้เสาจิ่นบ้าง ดูทีแล้วพวกเจ้าได้วางแผนจะรั้งนางเอาไว้ที่บ้านตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว ข้าคิดว่าอย่างไรเสียเด็กคนนี้ก็เคยรับใช้ข้ามาช่วงหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องเอาใจใส่เรื่องงานแต่งของนางสักหน่อย…” ขณะที่กล่าว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็เผยรอยยิ้มออกมา กล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตามเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ทุกคนต่างก็เป็นคนกันเอง รู้จักกันเป็นอย่างดี การแต่งงานของผู้หญิงเรา โดยมากก็เพียงขอให้มีความมั่นคงและสงบสุข”

ที่แท้ก็เพราะต้องการแนะนำคู่ครองให้เสาจิ่นนี่เอง!

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนพลันเกิดการโต้เถียงภายในใจขึ้นมาเล็กน้อย

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวช่วยออกหน้า เช่นนั้นย่อมเป็นคนที่น่าเคารพนับถือ เป็นที่นับหน้าถือตา ประพฤติตนดีงาม ไม่แน่ว่ายังเป็นคนที่ร่ำรวยมากอีกด้วย…ส่วนนิสัยของหลานชายตัวเองเป็นอย่างไรนั้น นางย่อมรู้ดีแก่ใจเป็นที่สุด แน่นอนว่าย่อมเทียบไม่ได้กับคนที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวแนะนำให้อย่างแน่นอน…แต่หากปล่อยให้เสาจิ่นแต่งออกไปเช่นนี้ เช่นนั้นอี้เกอเอ๋อร์จะทำอย่างไร เสาจิ่นไม่เพียงมีรูปร่างหน้าตางดงาม อุปนิสัยก็ดีงาม ทั้งยังเก่งเรื่องเย็บปักและทำอาหาร เป็นเด็กที่ดูแลบ้านช่องได้เป็นอย่างดีผู้หนึ่ง…นอกจากนี้ที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพูดมาก็ถูก การแต่งงานของผู้หญิงเรา มิใช่ขอให้มี ‘ความมั่นคงและสงบสุข’ หรอกหรือ อย่างอื่นนางไม่กล้ารับประกัน แต่คำว่า ‘ความมั่นคงและสงบสุข’ สองคำนี้นางกล้ารับประกัน!

เวลานี้ คนซื่อตรงอย่างฮูหยินผู้เฒ่ากวนก็ไม่อาจกระทำตัวอย่างเที่ยงธรรมได้แล้วเหมือนกัน

ตอนที่ 235 ทำลายวาสนา 1

ตอนที่ 235 ทำลายวาสนา 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยามดอกวสันต์ผลิบาน